Featured How to Leadership

เปิดประวัติ แอ๊ว ศุภลักษณ์ จากเภสัชกรสู่ผู้สร้างอาณาจักรเดอะมอลล์ ธุรกิจหมื่นล้าน เจ้าของฉายา “ผีเสื้อเหล็กแห่งวงการค้าปลีกไทย” 

ในวงการค้าปลีกไทย ชื่อของ ศุภลักษณ์ อัมพุช หรือที่รู้จักกันในฉายา “แอ๊ว” และ “ผีเสื้อเหล็ก” ถือเป็นตำนานของนักธุรกิจหญิงที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ เธอคือประธานกรรมการบริหาร เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศูนย์การค้าชั้นนำอย่าง เดอะมอลล์, สยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ นอกจากนี้ เธอยังมีบทบาทสำคัญในวงการนางงามด้วยการสนับสนุนเวที มิสเวิลด์ไทยแลนด์ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นและกลยุทธ์ที่เฉียบคม เธอได้เปลี่ยนโฉมทั้งวงการค้าปลีกและนางงามไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักชีวิต เส้นทางความสำเร็จ และการมีส่วนร่วมในเวทีมิสเวิลด์ของผู้หญิงแกร่งคนนี้

ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร เดอะมอลล์ กรุ๊ป

วัยเด็กและการศึกษา จุดเริ่มต้นของความมุ่งมั่น

ศุภลักษณ์ อัมพุช เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2498 ในช่วงวัยเด็กของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอสูญเสียมารดาตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้กลายเป็นเด็กขี้อายและเก็บตัว แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการสนับสนุนจากบิดา เธอตั้งใจเรียนอย่างหนัก

ศุภลักษณ์จบการศึกษาระดับมัธยมจาก โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย และสอบเข้าศึกษาต่อที่ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเธอสำเร็จการศึกษาด้วย เกียรตินิยมอันดับ 1 จากนั้น เธอเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาเภสัชอุตสาหกรรมที่ มหาวิทยาลัยเพอร์ดู (Purdue University) สหรัฐอเมริกา ความสำเร็จด้านการศึกษานี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทุ่มเทและความสามารถของเธอตั้งแต่ยังเยาว์วัย

ก้าวแรกในวงการทำงาน จากเภสัชกรสู่ธุรกิจครอบครัว

หลังเรียนจบ เธอเริ่มต้นทำงานเป็น อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็น ผู้แทนขายยาของบริษัท แอตแลนติก จำกัด แต่จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจเข้ามาช่วยคุณพ่อ นายศุภชัย อัมพุช ผู้ก่อตั้งเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งขณะนั้นกำลังพัฒนาโครงการ เดอะมอลล์ ราชดำริ ในปี พ.ศ. 2524

แม้จะไม่มีพื้นฐานด้านธุรกิจค้าปลีก แต่เธอก็เรียนรู้อย่างรวดเร็ว เริ่มจากตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายการค้า จากนั้นค่อยๆ ก้าวขึ้นเป็นกำลังหลักขององค์กร โครงการเดอะมอลล์ ราชดำริ ถือเป็นบทเรียนแรกที่สำคัญ เพราะต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนและปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2531 อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวนั้นกลายเป็นแรงผลักดันให้พัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อแข่งขันในวงการค้าปลีก

การสร้างอาณาจักรเดอะมอลล์ ต้อง “คิดใหญ่ ทำใหญ่”

หลังจากบทเรียนครั้งแรก ทำให้เธอได้ปรับทิศทางเดอะมอลล์ กรุ๊ป สู่ย่านชานเมือง โดยเปิด เดอะมอลล์ ท่าพระ ในปี พ.ศ. 2532 ตามด้วย เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน (พ.ศ. 2534) และ เดอะมอลล์ บางแคและบางกะปิ (พ.ศ. 2537) การเลือกทำเลชานเมืองที่ยังไม่มีคู่แข่งขันมากนัก รวมถึงการผสมผสานแนวคิด Retail and Entertainment หรือที่รู้จักกันในชื่อ Retailtainment เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ผสานแนวคิดของการค้าปลีกเข้ากับความบันเทิงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูด สนุกสนาน และน่าจดจำให้กับลูกค้า ทำให้เดอะมอลล์กลายเป็นศูนย์การค้าที่ครองใจครอบครัวไทย

ในปี พ.ศ. 2540 เธอนำเดอะมอลล์ กรุ๊ป ก้าวสู่กลุ่มลูกค้าพรีเมียมด้วยการเปิด ดิ เอ็มโพเรียม ร่วมกับกลุ่มโสภณพนิช แม้จะเผชิญวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่โครงการนี้กลับประสบความสำเร็จอย่างสูง ต่อมา เธอขยายโปรเจ็กต์สู่ ดิ เอ็มควอเทียร์ และ ดิ เอ็มสเฟียร์ รวมถึงร่วมทุนกับสยามพิวรรธน์เพื่อสร้าง สยามพารากอน ในปี พ.ศ. 2548 ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ และจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก

ปรัชญาการทำงานของศุภลักษณ์คือ “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ” เธอมุ่งสร้างโครงการที่ยิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่เน้นการผสานนวัตกรรม ธรรมชาติ และความบันเทิงเข้าด้วยกัน เช่น การออกแบบให้มีน้ำพุหรือน้ำตกเป็นจุดเด่นในศูนย์การค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

เจ้าของฉายา “ผีเสื้อเหล็กแห่งวงการค้าปลีกไทย”

ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความมุ่งมั่น ทำให้เธอได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Fortune Magazine ให้เป็น “ผีเสื้อเหล็กแห่งวงการค้าปลีกไทย” (The Iron Butterfly of Thai Retailing) เธอมีบุคลิกที่อ่อนโยน บอบบาง แต่เปี่ยมด้วยความแข็งแกร่งและความเด็ดเดี่ยวในการบริหาร เธอมักเดินตรวจตราศูนย์การค้าด้วยตัวเอง โดยเฉพาะสยามพารากอน ซึ่งเธอให้ความรักและความใส่ใจ

เธอยึดมั่นในหลักการทำงานที่เริ่มจาก ความรัก เพราะเชื่อว่า “รักชนะทุกสิ่ง” และการทำงานด้วยใจจะนำไปสู่ความสำเร็จ เธอเน้นการสร้างทีมที่มีความสามัคคีและมีวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม รวมถึงการใช้นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ เธอยังให้ความสำคัญกับการเสียสละเพื่อองค์กรและสังคม โดยมองว่าความสำเร็จที่แท้จริงคือการสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น

การมีส่วนร่วมในเวทีมิสเวิลด์ ส่งเสริมภาพลักษณ์และศักยภาพสตรีไทย

นอกเหนือจากความสำเร็จในวงการค้าปลีกแล้ว เธอยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนวงการนางงามไทย โดยเฉพาะเวที มิสเวิลด์ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นเวทีที่ส่งตัวแทนสาวงามไทยไปแข่งขันในเวที มิสเวิลด์ ระดับโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เป็นผู้สนับสนุนหลักของการประกวดมิสเวิลด์ไทยแลนด์มาอย่างยาวนาน โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของสตรีไทยที่มีทั้งความงาม คุณค่า และความสามารถในระดับสากลที่ไม่เพียงจำกัดอยู่ที่การให้งบประมาณหรือสถานที่จัดงาน เช่น การใช้พื้นที่ในศูนย์การค้าของเดอะมอลล์ กรุ๊ป อย่างสยามพารากอนหรือดิ เอ็มโพเรียมในการจัดกิจกรรม แต่ยังรวมถึงการผลักดันให้เวทีนี้เป็นแพลตฟอร์มที่สาวงามไทยได้แสดงศักยภาพในด้านต่างๆ 

เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2568 โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี ตัวแทนประเทศไทย คว้ามงกุฎ มิสเวิลด์ 2025 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 72 ปีของการจัดการประกวด และเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการจัด Home Coming ต้อนรับโอปอล-สุชาตา ช่วงศรี กลับสู่ประเทศไทย โดยในงานศุภลักษณ์ได้มาต้อนรับอย่างอบอุ่น และกล่าวถึงโอปอลว่า

“ขอขอบคุณน้องโอปอล ซึ่งเห็นมาหลายปีแล้ว และวันนี้น้องโอปอลได้นำความรัก ความสุข รอยยิ้ม และความหวังให้กับคนไทยทั้งประเทศ วันนี้รู้สึกตกใจมาก คนเป็นแสนๆ คนเต็มทั้งถนนมาเชียร์ และน้องโอปอลเป็นคนภูเก็ต แล้วบอกแม่ปุ้ยว่าเดี๋ยวจะพาไปแห่ต่อที่ภูเก็ตนะคะ” เธอกล่าวบนเวทีพร้อมโบกธงยินดีและได้รับเสียงกรี๊ดลั่นฮอลล์ เรียกได้ว่าเป็นซีนประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้

รางวัลและความสำเร็จ การยอมรับในระดับสากล

ความสำเร็จของศุภลักษณ์ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ เธอได้รับรางวัลมากมาย เช่น

  • รางวัล Leading Women Entrepreneurs of the World (LWEW) ในปี พ.ศ. 2549
  • เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวิน จากสาธารณรัฐฝรั่งเศส (The National Order of the Legion of Honor at the rank of Knight) ในปี พ.ศ. 2565 จากการส่งเสริมแบรนด์แฟชั่นฝรั่งเศสในไทย
  • 100 ผู้นำหญิงไทย ติดอันดับใน THE FORTUNE MOST POWERFUL WOMEN ASIA 2024
  • รางวัล World Retail Hall of Fame ในปี 2024 จากสภาค้าปลีกโลก ซึ่งตอกย้ำสถานะของเธอในฐานะนักธุรกิจรีเทลระดับโลก
  • Lifetime Achievement Award 2025 คว้ารางวัลจากเวที RLC Global Forum ซึ่งนับเป็นสตรีไทยเพียงคนเดียวในเอเชียที่ได้รับรางวัลนี้

นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2567 นิตยสาร Forbes Thailand จัดให้ศุภลักษณ์และครอบครัวอยู่ในอันดับที่ 13 ของมหาเศรษฐีไทย ด้วยทรัพย์สินราว 66,200 ล้านบาท สะท้อนถึงความสำเร็จของอาณาจักรเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่เธอเป็นผู้นำ และเธอไม่เพียงมุ่งสร้างความสำเร็จในธุรกิจและวงการนางงาม แต่ยังมีความห่วงใยต่อเศรษฐกิจไทย โดยเสนอแนวคิดในการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการอีกมากมาย

Related Posts