หลายธุรกิจเริ่มต้นมาจากความชอบและความหลงใหล เช่นเดียวกับ Yim.leklek แบรนด์การ์ดกระดาษ ของ ‘คุณปลา-หนึ่งฤทัย สุวรรณโฉม’ จากเป็นเพียงอาชีพเสริมที่เริ่มต้นในช่วงปิดเทอม ปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจหลักสร้างรายได้ เธอฝึกฝนตัดกระดาษจากชิ้นใหญ่สู่ชิ้นเล็กจนชำนาญ และประกอบกันเป็นการ์ดสวยๆ ที่เป็นของขวัญชิ้นพิเศษส่งถืงมือลูกค้า มานานเข้าปีที่ 10 แล้ว
จากวิชาเรียน สู่แบรนด์การ์ดกระดาษ
คุณปลาชอบทำการ์ดกระดาษมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม เมื่อได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย สาขาครุศาสตร์ ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ความชอบในงานกระดาษยิ่งเพิ่มพูนขึ้น จากการได้ออกแบบโมเดลเก้าอี้ โคมไฟ หรือบ้าน ที่ขึ้นแบบจากกระดาษทั้งหมด
เธอจึงนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาสร้างรายได้เสริมขณะเรียนปี 3 คุณปลาเริ่มฝึกทำการ์ดขายในช่วงปิดเทอมอาเซียน ที่ยาวนานถึง 6 เดือน
โดยเห็นการ์ดเปเปอร์คัต รูปการ์ตูน รูปคน จาก Pinterest ที่ตัดออกมาแล้วเหมือนงานวาด จึงหยิบมาเป็นไอเดียทำการ์ด แต่เมื่อลงมือทำจริงแล้ว มีความยาก ไม่เหมือนจับดินสอวาดภาพ
แม้จะเกิดความท้อ แต่คุณปลาไม่ได้หยุดความพยายามและความตั้งใจ เธอฝึกฝนทำการ์ดอย่างต่อเนื่อง แจกให้เพื่อนและคนรอบตัว เพื่อเปิดรับคอมเมนต์แล้วนำมาพัฒนาต่อ จนเริ่มมั่นใจในผลงาน พร้อมเปิดร้านขายในไอจี
แต่สนามจริง ไม่เหมือนอย่างที่คิด ไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวตลอด 3 เดือน จนอยากเลิกทำ ขณะเดียวกัน ก็พยายามหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร รวมทั้งเพิ่มสินค้า เอางานกระดาษแปะหน้าปกสมุด รวมทั้งปรับการถ่ายภาพที่โพสต์ขาย
“เรามองว่าคนยังเห็นไม่มากพอ โพสต์ไปมีแต่คนรู้จักมากดไลก์ 4-5 คน เลยพยายามไปดูร้านอื่นๆ ที่ขายของประเภทอื่น ทำไมเขาขายดี มีลูกค้า
ปรากฏว่าในยุคนั้น ต้องฝากร้านกับไอจีที่มีผู้ติดตามเยอะๆ เราก็ไปฝากร้าน พอเขาลงให้ ก็ได้ลูกค้าจริงๆ ทักมา ถือว่าวิธีนี้ได้ผล เราดีใจมาก น้ำตาคลอเลย ได้เงินก้อนแรก 150 บาท ที่ตั้งเป็นราคาเริ่มต้น ไม่ได้คุ้มในแง่ของตัวเงิน แต่คุ้มค่าในแง่ที่เราพยายามมาหลายเดือน”
แต่ธุรกิจนี้ ไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงเรียนปี 4 คุณปลาเรียนหนักขึ้น และต้องทำธีสิสส่ง ส่วนปีที่ 5 ต้องไปฝึกสอน 1 ปี เต็ม ซึ่งหนักกว่าตอนเรียน แต่มีเวลาแน่นอน เข้า 7 โมงเช้า เลิก 4 โมงเย็น จึงสามารถแบ่งเวลามารับงานได้ มากกว่าตอนเรียนปี 4 พร้อมกับฝีมือที่พัฒนาขึ้น และมีลูกค้าประจำที่สั่งเข้ามาเป็นของขวัญวันเกิด วันครบรอบ
เคยหมดไฟ แต่กลับมาได้ เพราะคิดถึง
หลังเรียนจบ คุณปลาทำงานประจำเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ สัปดาห์ละ 6 วัน พร้อมๆ กับการทำการ์ดขาย ซึ่งจะใช้เวลาวันอาทิตย์ในการทำ จนหมดไฟในการทำงาน จึงหยุดทำการ์ดไป 6 เดือน
แต่ก็สามารถกลับมาได้เพราะ ‘คิดถึง’ และโหยหา ประกอบกับภาระค่าใช้จ่ายที่มี ด้วยเป็นคนต่างจังหวัดมาเรียนและใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ เธอเขียนข้อดี-ข้อเสียลงกระดาษจากการทำการ์ดกระดาษ เพื่อหาวิธีการแก้ไข
เช่น ‘เรื่องเวลา’ เพราะทำงานประจำอยู่ จึงมีเวลารับงานน้อย แก้ไขด้วยการ จำกัดการรับงาน เหลืออาทิตย์ละ 2 ออร์เดอร์ และเริ่มแก้นิสัย ‘ปฏิเสธคนให้เป็น’ อีกเรื่อง คือ ‘ราคา ไม่คุ้มค่าเหนื่อย’ จึงปรับราคาที่ลูกค้ายังสามารถซื้อได้และคุ้มค่ากับฝีมือ ปรากฏว่าลูกค้าสั่งน้อยลง แต่ก็ตรงกับสิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว และเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น สามารถทำงานประจำควบคู่การทำการ์ดด้วยรอยยิ้ม และความสุข
และได้หยุดเส้นทางการทำงานประจำไว้แค่ 1 ปี 4 เดือน ก่อนมาลุยทำ Yim.leklek เต็มตัว
ขยับสู่ติ๊กต็อก ปั้นคอนเทนต์
จากนั้นได้ขยับสู่การทำคอนเทนต์ลงติ๊กต็อกในช่วงโควิด ที่คนเริ่มนิยมเล่นกันมากขึ้นในช่วงนั้น เริ่มจากถ่ายคลิปสายฮา ทำชาเลนท์ต่างๆ ก่อนขยับมาแชร์ผลงานศิลปะงานกระดาษ เพียงอย่างเดียว ซึ่งได้รับคำแนะนำมาจากศิลปินท่านหนึ่งที่มาแชร์ไอเดียในคลับเฮาส์
ขณะเดียวกัน การ์ดกระดาษของคุณปลา ขยับมาขายงานเริ่มต้นหลักพัน จากฝีมือที่พัฒนาขึ้น ซึ่งได้รับโอกาสจากผู้ชมในติ๊กต็อก ที่หันมาเป็นลูกค้าร้านเธอมากขึ้น และได้งานรีวิว Tie In สินค้าแนวเครื่องเขียน และกระดาษ มาเพิ่ม
ปัจจุบัน Yim.leklek รับงานเดือนละ 10-15 ชิ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ว่าในเดือนนั้น มีลูกค้าสั่งงานไซซ์เล็กหรือไซซ์ใหญ่มากกว่ากัน หากสั่งไซซ์เล็ก A5 มากกว่า ก็จะรับงานได้มากขึ้น เพราะใช้เวลาตัดและประกอบ ประมาณ 1 วันเสร็จ ส่วนงานไซซ์ใหญ่ A2 รายละเอียดมากขึ้น ก็จะหลายวันมากขึ้น
เพราะเป็นงานฝีมือ แบบ Customize เจอฉากใหม่ พร็อบใหม่ ชุดแบบใหม่ ต้องใช้ศิลปะในการทำอย่างประณีต ตามรายละเอียดที่สอดแทรกทั้งความยากง่ายในเนื้องานแต่ละชิ้น จึงคำนวณราคาจากค่าแรง จำนวนวัน ระยะเวลาในการทำ ส่วนต้นทุนกระดาษ อยู่ที่ 20% ราคาจึงเริ่มต้นที่ 2,890-15,000 บาท และถ้าเพิ่มรายละเอียดงานหรือพร็อป ราคาก็จะบวกไปตามจริง
หากลูกค้าอยากสั่งแต่มีงบจำกัด สามารถพูดคุยกับทางร้านได้ เพื่อหาจุดตรงกลาง ทั้งความต้องการของลูกค้า และสิ่งที่ร้านทำได้ในงบประมาณที่ลูกค้ามี
ในขั้นตอนการรับงาน เมื่อลูกค้าออร์เดอร์มา ทางแบรนด์จะบรีฟ แล้วนำมาขึ้นแบบดิจิทัลส่งให้ลูกค้า เมื่อปรับแก้เสร็จแล้ว จะเริ่มตัดกระดาษและประกอบเป็นการ์ด ขั้นตอนนี้ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดงาน ซึ่งอย่างต่ำใช้เวลา 8 ชั่วโมง มากสุด 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดงาน โดยมีทีมเล็กๆ ช่วยทำแบบมัลติฟังก์ชัน ซึ่งมีทั้งการใช้เครื่องตัด และกรรไกร
ส่วนกระดาษ เป็นกระดาษนำเข้าจากอิตาลี ซึ่งมีขายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป มีหลายสี มีความหนาที่สามารถนำมาทำการ์ดได้อย่างสวยงาม และมีบางส่วนที่ระบายสีเอง ใช้เทคนิคการไล่สีช่วยเพิ่มมิติให้งานมากขึ้น
ส่งความสุขผ่านการ์ด
คุณปลา เล่าว่า ในมุมของคนทำกำลังส่งผลงานที่มีคุณค่าทางจิตใจส่งให้ผู้รับ เมื่อลูกค้าฟีดแบ็กมา ทำให้รู้สึกว่างานกระดาษไม่ใช่แค่กระดาษ แต่เป็นของขวัญที่ส่งมอบความสุขให้กับคนที่รัก
“เวลาลูกค้าฟีดแบ็กกลับมาว่าขอบคุณมากๆ ที่ตั้งใจทำผลงาน เรารู้สึกมันมีคุณค่าทางจิตใจเขามาก ทำให้เรารู้สึกใจฟูทุกครั้งที่ได้ยิน ในแง่ของกำไรได้ไม่เยอะ แต่เรารู้สึกภูมิใจจริงๆ ที่ได้ทำ เราก็พยายามหางานเสริม เช่น จัดเวิร์กช็อป รับงานรีวิว เพื่อหารายได้เข้ามา ซึ่งรวมรายได้ทั้งหมด 6 หลัก ต้นๆ ต่อเดือน”
เมื่อถามถึงความภูมิใจ เจ้าของแบรนด์ Yim.leklek บอกว่า “ภูมิใจมาก แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จอะไรขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าเติบโตขึ้นในทางที่เราเดินมาเรื่อยๆ และทำมานาน สกิลเก่งขึ้น ได้รับโอกาสทำงานใหม่ๆ มากขึ้น ส่งงานถึงมือลูกค้าเราก็มีความสุขแล้ว”
“เราตั้งใจว่าจะเอาทักษะการแสดง กับทักษะภาษาจีนมาสร้างเป็นอาชีพให้ได้” จากเด็กนิเทศฯ ที่รักในการแสดงและมีทักษะความรู้ด้านภาษาจีนเป็นทุนเดิม ทำให้เขานำมาต่อยอดจนกลายเป็นเหล่าซือที่สอนภาษาจีนผ่านคาแร็กเตอร์สนุกสนานและผ่อนคลาย ใช้ความถนัดมาสร้างตัวตนจนทำให้สามารถสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน ปันปัน-ชนินทร พิทักษ์วรรัตน์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “ปันปันเหล่าซือ” เจ้าของเพจ Attentionchinese ที่มีผู้ติดตามหลักแสน และเคยเป็นโค้ชฝึกสอนภาษาจีนให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น บิวกิ้น-พีพี, พี่แหม่ม แคทลียา และล่าสุดกับ ‘ไอซ์ซึ’ ในซีรีส์สงครามส่งด่วน ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน จากนักเรียนแลกเปลี่ยน สู่เหล่าซือชื่อดัง ปันปันเหล่าซือเป็นลูกหลานคนจีนเลยได้เรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็กๆ และตอนมัธยมมีโอกาสไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีน ในโครงการ AFS อยู่กับ Host Family คนจีน เป็นเวลา 1 ปีการศึกษา “ตอนนั้นปันแทบจะไม่มีเวลาได้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนคนจีนเลย เพราะความที่เป็นเด็ก ม.ปลาย แล้วสถานการณ์บังคับให้ต้องตั้งใจเรียน ทุกคนจะเคร่งกันมากๆ เพราะตารางเรียนเริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้า จะมีเวลาคุยกับเพื่อนแค่ตอนพ
One UI 8 เตรียมเปิดตัวแล้ว! ซัมซุงเปิดให้ทดลองใช้งาน One UI 8 ได้แล้วผ่านโปรแกรมเบต้า ซึ่งนับเป็นการเปิดฉาก เตรียมเข้าสู่ยุคใหม่ของซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ที่มาพร้อม AI แบบมัลติโมดัล ออกแบบมาเพื่อรองรับรูปแบบอุปกรณ์ Galaxy ที่หลากหลาย One UI คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลของซัมซุง ออกแบบมาเพื่อช่วยให้อุปกรณ์ Galaxy ใช้งานง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยการอัปเดต One UI 8 ในครั้งนี้ มีการร่วมมือกันระหว่าง ซัมซุง และ Google ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกับสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้ และจะทยอยขยายการมอบประสบการณ์การใช้งาน Android ล่าสุดสู่รุ่นอื่นๆ นำไปสู่การใช้งานที่เฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ โดย One UI 8 จะเป็นการอัปเดตแรกที่ถูกใช้งานได้บน Android 16 One UI 8 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวทางใหม่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของซัมซุง ด้วยการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และฟีเจอร์ AI อย่างเต็มรูปแบบ โดยสามารถทดลองใช้งานล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ผ่านโปรแกรมเบต้า เริ่มต้นบนอุปกรณ์ Galaxy S25, Galaxy S25+ และ Galaxy S25 Ultra ในประเทศเยอรมนี เกาหลีใต้ สหราชอาณ
เชื่อว่าหลายคนที่เห็นของตกแต่งบ้านดีไซน์สวยถูกใจ แต่ต้องวางมันลงเมื่อเห็นป้ายราคา จากประสบการณ์ที่นักช้อปส่วนใหญ่คุ้นเคยนี้ โจวี่ ลิม นักศึกษาวัย 20 ปีชาวสิงคโปร์ก็ประสบมาเช่นกัน ด้วยความหลงใหลในการออกแบบตกแต่งภายในและของแต่งบ้านที่มีสไตล์ เขาชอบโคมไฟดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เสมอมา แต่บ่อยครั้งที่ของเหล่านั้นมีราคาเกินเอื้อมสำหรับเขา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง โจวี่จึงตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์ 3D และเริ่มทดลองออกแบบโคมไฟของตัวเองที่บ้าน หลังจากทุ่มเทเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเรียนรู้วิธีทำให้งานออกแบบของเขากลายเป็นจริง นักศึกษาจาก Singapore Polytechnic ผู้นี้ก็ได้เปิดตัวบริษัทโคมไฟของตัวเองอย่างเป็นทางการในชื่อ Sonogo Design เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากในห้องนอนของเขาเอง ด้วย Sonogo Design โจวี่ตั้งเป้าที่จะทำให้ “โคมไฟคุณภาพสูงและงานฝีมือสามารถเข้าถึงได้” สำหรับชาวสิงคโปร์ “โคมไฟดีไซน์” จากงานอดิเรก สู่ธุรกิจ เมื่อแรกเริ่มที่ได้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของแบรนด์นี้ ข้อความแจ้งบนเว็บไซต์ ระบุว่า สินค้าล็อตล่าสุดขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียว โจวี่เชื่อว่าเขากำหนดรา
ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ บินไกลถึงเวียนนา! ‘เปียโน THE SIS’ จากศิลปินสู่ผู้ประกอบการ เนรมิต ‘ข้าวไทย’ สู่ ‘สาโท’ หมักด้วยน้ำแร่เทือกเขาแอลป์ เพิ่มมูลค่าเทียบชั้นไวน์ “เราต้องการ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ มาหมักสาโท เพราะอยากสนับสนุนให้ข้าวไทย ให้โครงการนี้ไปต่อได้อีกไกล ข้าวพันธ์ุนี้รสชาติดี และภาคภูมิใจที่เป็นข้าวพันธุ์แท้ เหมือนเราได้สนับสนุนดีเอ็นเอของข้าวไทยอย่างแท้จริง” คำบอกเล่าของ คุณเปียโน-สุพัณณดา พลับทอง ในนามวง THE SIS หลายคนรู้จักเธอในฐานะศิลปินกลุ่มทรีโอ ที่ประกอบไปด้วย 3 พี่น้อง แต่ปัจจุบัน เธอคือผู้ประกอบการไทย เจ้าของร้านอาหาร Mamamon Thai Eatery และ Sip Song Bar ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่พาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นข้าว GI ไปสู่สายตาชาวโลก ด้วยการแปรรูปเป็น ‘สาโท’ หมักด้วยน้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์ เสิร์ฟให้ชาวต่างชาติได้ลิ้มลองความเป็นไทย จากศิลปินสู่ ‘ผู้ประกอบการ’ คุณเปียโน เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นการเปิดร้านอาหาร หลังแต่งงานกับสามีชาวสวีเดน เธอได้ติดตามสามีไปเที่ยวประเทศออสเตรียเพราะสามีมีงานรออยู่ที่นั่น ก่อนตัดสินใจลงหลักปักฐานในประเทศนี้เมื่อปี 2
