บทความโดย : อมร อำไพรุ่งเรือง กูรูแฟรนไชส์
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่ด่านบ้านคลองลึก–ปอยเปต ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่แฟรนไชส์ไทยหลายแบรนด์ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อสถานการณ์ชายแดนไม่สงบหรือมีเหตุปิดด่าน แม้เพียงไม่กี่วัน แต่ก็เพียงพอจะทำให้ร้านแฟรนไชส์ ที่ไปเปิดฝั่งปอยเปตต้องเผชิญปัญหาสต๊อก ของขาด วัตถุดิบค้าง รถส่งของเข้าช้าจนคุณภาพตก และพนักงานคนไทยไม่สามารถข้ามไปดูแลมาตรฐานสาขาได้ตามปกติ
สำหรับเมืองปอยเปต ซึ่งเปรียบเสมือน “ประตูทอง” ของนักลงทุนไทยในกัมพูชา ความคึกคักในย่านกาสิโนและรีสอร์ตยังคงดึงดูดลูกค้าคนไทยที่ข้ามไปเสี่ยงโชคหรือพักผ่อน แต่ทุกครั้งที่มีข่าวการปะทะหรือข้อพิพาทชายแดน จำนวนคนข้ามลดลงทันตา ยอดขายของร้านกาแฟ ร้านชานม ร้านอาหารตามสั่ง และร้านหมูกระทะแฟรนไชส์ไทย ที่พึ่งพาลูกค้ากลุ่มนี้ จึงลดตามทันที ส่งผลให้บางเจ้าจำเป็นต้องยืดระยะต่อสัญญาหรือรอดูสถานการณ์ก่อนขยายสาขาใหม่
ปัจจุบัน แม้แฟรนไชส์แบรนด์ใหญ่ ยังไม่ถอนตัวออกจากปอยเปต แต่หลายเจ้ามีสัญญาณชัดเจนว่ากำลังทบทวนแผนขยายสาขาและเพิ่มมาตรการสำรอง ทั้งการหาซัพพลายเออร์ฝั่งกัมพูชาเป็นตัวเลือกเผื่อกรณีด่านปิด รวมถึงฝึกคนท้องถิ่นให้ทำงานแทนพนักงานคนไทย ที่อาจเข้าออกยากขึ้นเมื่อมีความตึงเครียดทางการเมือง
ไม่เพียงแต่สาขาฝั่งปอยเปต แรงสั่นสะเทือนจากชายแดน ยังย้อนกลับมาที่เครือข่ายแฟรนไชส์ในไทยเองด้วย เพราะแรงงานกัมพูชา คือกำลังหลักในงานหลังบ้านของร้านอาหาร ร้านกาแฟ และครัวกลาง หากเกิดมาตรการตรวจเข้มงวดหรือข้อจำกัดด้านเอกสาร แรงงานใหม่เข้าไทยได้ยาก ร้านบางแห่งจึงต้องจ้างคนไทยแทนด้วยต้นทุนค่าแรงสูงกว่า หรือให้พนักงานทำงานล่วงเวลาเพื่อประคองบริการไม่ให้สะดุด
สถานการณ์นี้ บังคับให้เจ้าของแฟรนไชส์ยุคใหม่ต้องคิดลึกกว่าการหาทำเลดีหรือสูตรเมนูน่าสนใจ ความเปราะบางของ Supply Chain และกำลังคนข้ามแดน คือโจทย์สำคัญที่ต้องมีคำตอบ
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างซัพพลายเชนสำรองภายในประเทศ การวางระบบจัดเก็บวัตถุดิบให้ปลอดภัยยาวนานขึ้น หรือแม้กระทั่งการลงทุนเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติเพื่อพึ่งพาแรงงานน้อยลง
บทเรียนจากกรณี McDonald’s และ Starbucks ที่ต้องถอนการดำเนินงานในรัสเซียเมื่อสงครามยูเครน–รัสเซียปะทุขึ้น สอนเราว่า แม้จะไม่ใช่ระบบแฟรนไชส์ 100% แต่เมื่อแบรนด์พึ่งพาพันธมิตรท้องถิ่นหรือโครงสร้างใบอนุญาต License ในประเทศปลายทาง ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถทำให้เจ้าของสิทธิ์สูญเสียอำนาจการควบคุมได้ในพริบตา
สำหรับแฟรนไชส์ไทยที่กำลังขยายไปต่างแดนหรือมีสาขาในเขตชายแดน การชะลอการต่อสัญญาอาจไม่ใช่ทางหนีที่ดีที่สุด แต่เป็นโอกาสทบทวนโครงสร้างธุรกิจ สัญญาแฟรนไชส์ควรมีเงื่อนไขยืดหยุ่นรับมือภัยพิบัติหรือกรณีด่านปิด ควรมีพันธมิตรท้องถิ่นที่สามารถจัดการของทดแทนได้ทันที และควรสร้างทีมจัดการวิกฤตที่พร้อมทำงานข้ามพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
สงครามชายแดน แม้เป็นเพียงข่าวเล็กในบางวัน แต่สำหรับแฟรนไชส์ที่ไม่มีทางหนีหรือทางสำรอง มันคือ “ระเบิดเวลาเงียบ” ที่พร้อมจะปะทุและกวาดล้างเครือข่ายสาขาได้ทั้งระบบ
…