เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
PR News

เซวา ไทยแลนด์ ปลื้ม “สกินแคร์เซวาโสมดำ” ตีตลาดความงามสาวไทย โกยยอดขายครึ่งปีกว่า 8 แสนขวด

เซวา ไทยแลนด์ ปลื้ม “สกินแคร์เซวาโสมดำ” ตีตลาดความงามสาวไทย โกยยอดขายครึ่งปีกว่า 8 แสนขวด อัดกลยุทธ์ครึ่งหลังปี 2023 เน้น “บิวตี้ฟอร์ออล ชะลอวัย อินไซต์ปัญหาผิวเชิงลึก” พร้อมตั้งเป้าโกยรายได้ครึ่งปีหลัง 400 ล้าน ด้วยนวัตกรรม “จินเซนโนโลจี” รายเดียวในไทย

นางสาวเบญจกิติ เมฆแสน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ เซวา ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องสำอางโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับอานิสงส์สำคัญจากเทรนด์การดูแลสุขภาพและการพัฒนาภาพลักษณ์ส่วนบุคคล และจากการคลุกคลีในตลาดนี้ยังพบว่า

ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเครื่องสำอางดูแลผิวหน้ามุ่งเน้นในด้าน “การชะลอวัย (Anti Aging)” เกิดการแข่งขันและได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นตามกระแสสังคมสูงวัยซึ่งเป็นโกลบอลเทรนด์ ซึ่งเซวา ไทยแลนด์ ก็ได้รับอานิสงส์จากดีมานด์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน

เบญจกิติ เมฆแสน CEO SEWA
เบญจกิติ เมฆแสน CEO SEWA

โดยมีบทพิสูจน์จากยอดขายของ “เซวา แอมพูล โสมดำ” สินค้าที่ได้การตอบรับและเป็นสินค้ายอดนิยมสูงสุดจากกลุ่มผู้ใช้ สาวไทย โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 นี้ มียอดขายกว่า 800,000 ขวด เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนกว่า 90% และเกือบ 100% คือลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ โดยปัจจัยสำคัญมาจากความโดดเด่นในด้านนวัตกรรมระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ปัญหาเรื่องฝ้า ริ้วรอย จุดด่างดำที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่ของผู้หญิงไทย และปัญหาอื่นๆ ที่ถูกฝังลึก หรือสะสม ในระยะเวลาเพียง 28 วัน

การมีความเข้าใจสภาพผิวคนไทยและคนเอเชียจากการอินไซต์ข้อมูลโดยทีมวิจัยและพัฒนาที่พัฒนาผลิตภัณฑ์นี้มากว่า 2 ปี นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยในด้านความเชื่อมั่นและทัศนคติของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีต่อสารสกัด-เทคโนโลยีที่ส่งตรงจากเกาหลี โดยเฉพาะ “โสมเกาหลี” ที่เป็นสารสกัดตั้งต้น และเป็นนวัตกรรมความงามระดับพรีเมียมที่ผู้คนให้ความนิยมอย่างสูงสุด

“เซวา แอมพูล โสมดำ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพอยู่ในระดับท็อปแบรนด์ ผลสำเร็จจากยอดขายส่วนสำคัญมาจากความเข้าใจผิวคนเอเชียที่ลึกซึ้ง มีการทดลองกับผิวคนจริงกับผลลัพธ์ 100% ในด้านส่วนผสม สารสกัดและขั้นตอนทั้งหมดล้วนส่งตรงจากเกาหลี เริ่มตั้งแต่กระบวนการคัดสารสกัดอย่างการปลูกโสมที่ใช้เวลากว่า 6 ปี จากนั้นถึงจะมีการขุดราก นำรากมาอบ 9 ครั้ง จนได้เป็นสารสกัดที่เรียกว่าจินเซนโนโลยี (Ginsenology)

การคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้องค์ความรู้ทั้งจากนักวิจัยไทยและนักวิจัยเกาหลีที่ทำงานร่วมกันในแล็บระดับโลก และเป็นแล็บที่หลายเคาน์เตอร์แบรนด์ระดับโกลบอลใช้พื้นที่แห่งนี้ในการวิจัยและพัฒนา นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังได้จดสิทธิบัตรเพื่อตอกย้ำถึงการมีเทคโนโลยีเชิงลึก-เจ้าของสูตรโสมดำรายแรกและเพียงรายเดียวในประเทศไทยโดยนวัตกรรมที่นำไปจดสิทธิบัตรนี้ต้องบอกว่ามีมูลค่าสูงถึง 50 ล้านบาท และงานวิจัยโสมดำที่นำมาใช้ ใช้ระยะเวลา มากกว่า10 ปี”

นางสาวเบญจกิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในช่วงครึ่งหลังปีนี้มั่นใจว่าการแข่งขันเครื่องสำอางชะลอวัยยังเป็นไปอย่างรุนแรง โดยมาจาก 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือ แบรนด์จากต่างประเทศ ซึ่งในเอเชียก็จะมีรายใหญ่คือเกาหลีและญี่ปุ่น ส่วนทางฝั่งยุโรปและอเมริกา ก็มีหลากหลายแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง และในส่วนที่สองก็คือ การแข่งขันจากเครื่องสำอางแบรนด์ไทยที่ตอนนี้ต่างดึงกำลังซื้อด้วยการใช้กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีทันสมัย เน้นเรื่องของการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และใช้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการทำตลาด

ซึ่งในส่วนนี้เซวามีแผนรองรับการแข่งขันไว้แล้วทั้งหมด แต่สิ่งที่จะเพิ่มเติมนอกเหนือจากตลาดคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว หรือ Beauty for All เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ต้องการอะไรที่มีความซับซ้อน ชอบสกินแคร์ที่มีหลากหลายฟังก์ชัน ให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลเชิงลึกรู้ลึกว่าผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบของอะไรบ้าง ส่วนประกอบมาจากที่ไหน เพราะขณะนี้ผู้บริโภคมีการศึกษาเรื่องของสารสกัดและเทคโนโลยีต่างๆ กันเป็นจำนวนมาก รู้ว่าส่วนประกอบแต่ละประเภทต้องมาจากไหนถึงจะดีที่สุด แบรนด์จึงต้องตอบสิ่งเหล่านี้ควบคู่ไปกับการชูโรงเรื่องรีวิวหรือผลลัพธ์ต่างๆ ผนวกกับกลยุทธ์ในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย ซึ่งแบรนด์ค่อนข้างมั่นใจกับผลลัพธ์ที่เทียบเท่าแบรนด์ไฮเอนด์

ทั้งนี้ ในปี 2566 ตั้งเป้ายอดขาย 400 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีที่ผ่านมาทำได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท ในส่วนของผลิตภัณฑ์ยังคงเน้น สกินแคร์บำรุงผิว ที่โดดเด่นเรื่องของโสมเกาหลี ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ น้ำตบโสมเซวา  SEWA Insam Essence และ เซรั่ม เซวา SEWA AGE-WHITE SERUN ให้มียอดการจำหน่ายเพิ่มอีกกว่า 20% และผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่มาแรง เซวา แอมพูล โสมดำ หรือ เซวาโสมดำ และ SEWA Golden Ginseng เซวาโสมทองคำ

โดยในส่วนของการวางจำหน่ายมีการทำการตลาดรุกทุกรูปแบบ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ รายการ TV สื่อ Out of Home พ่วงด้วยการใช้ Celebrity Marketing ซึ่งเป็นจุดแข็งที่เซวามีมากกว่ารายอื่นๆ รวมทั้งเน้นใช้ Influencer ที่มีความน่าเชื่อถือ จาก Data ที่ทำการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดที่สำคัญมีตั้งแต่ First Jobber อายุ 23 ปี ไปจนถึงกลุ่มอายุ 60 ปี กลุ่มผู้หญิงรักสวยรักงาม สาวออฟฟิศ ชาวบ้านทั่วไปที่ประสบปัญหาในด้านผิวหน้าที่ถูกสะสม/ฝังลึกมาอย่างยาวนาน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ผู้ที่คลั่งไคล้ K-Beauty ซึ่งเทรนด์นี้ยังคงมีอิทธิพลต่อคนไทยในระดับที่สูงมาก

ด้าน  นางสาววิริฒิภา ภักดีประสงค์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ เซวา ไทยแลนด์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เซวาได้ทำการตลาดฟังก์ชันใหม่ที่ตอบโจทย์คนออนไลน์ คือการดึงผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และผู้ที่สนใจมาเป็นครอบครัวเดียวกัน โดยเซวาจะดูแลตั้งแต่ 10 ขวดแรก ไม่ต้องทำการสต๊อกและไม่ต้องแพ็กของเอง เซวาช่วยทำการตลาดให้เสมือนดูแลตั้งแต่ติดกระดุมเม็ดแรกยันเม็ดสุดท้าย อีกทั้งยังมีเทรนนิ่งการขาย การสอนออนไลน์ที่จะอัปสกิลใหม่ๆ มีการให้ความรู้เชิงเทคนิคและความเข้าใจโปรดักต์ และจะนัดพบกันทุก 2 เดือนเพื่อทดสอบทักษะและให้คำปรึกษาทุกเรื่อง ซึ่งตอนนี้มีตัวแทนทั่วประเทศแล้วกว่า 200 คน คาดว่าปีนี้จะมีเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 100 คน

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มีความสำคัญคือการดึงกลุ่ม “ดารา-เซเลบริตี้” ที่มีชื่อเสียงมาร่วมการันตีคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ และ Co-CEO ผ่านการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จริง ซึ่ง เซวา แอมพูล โสมดำ หรือ เซวาโสมดำ ได้ หนิง ปณิตา มาร่วมเป็น Co-CEO ที่ช่วยดูแลเรื่องคุณภาพ การตลาด และการันตีผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี  

โดยในปัจจุบันกลุ่มศิลปินดารายังคงเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือและมีอิทธิพลต่อการเลือกใช้สินค้าของผู้บริโภค ซึ่งนอกจากการร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จริงอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังได้เห็นทุกขั้นตอนตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ การคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการวิจัย การผลิต และอื่นๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้เข้าใจในผลิตภัณฑ์ของ SEWA อย่างลึกซึ้ง สามารถสร้างคอนเทนต์ได้แตกต่างและน่าเชื่อถือมากกว่าการรีวิวทั่วไป อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะนำมาซึ่งการครีเอตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ร่วมกันในอนาคตอีกด้วย

“เซวายังมีอีกเป้าหมายสำคัญคือการเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภคในยุคใหม่ให้เข้าใจทิศทางแบรนด์ว่าไม่ใช่เป็นเพียงแบรนด์ดาราที่มาแล้วไป การนำเสนอ การขายสินค้า ทุกอย่างมีความจริงจังไม่ฉาบฉวย รู้จริงถึงสภาพปัญหาผิวหน้าคนไทยและคนเอเชีย และพร้อมนำความโดดเด่นจากธรรมชาติอย่าง “โสม” มาดูแลในระดับเชิงลึก นอกจากนี้ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันเซวาสู่แบรนด์สกินแคร์สามัญประจำบ้าน ใครก็ตามที่มีปัญหาผิวทุกครั้งให้นึกถึงแบรนด์นี้ รวมถึงยังจะผลักดันให้เป็นของฝากของประเทศไทยให้คนพูดถึงปากต่อปากว่ามาไทยต้องซื้อเซวากลับไปเป็นของฝากติดไม้ติดมือฝากคนที่บ้าน” นางสาววิริฒิภา กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts