ครั้งแรกของประเทศไทยในการสร้างโอกาสให้กับคนไทยไปสู่เวทีระดับโลก “Thai Face Top Model” (ไทย เฟซ ท็อป โมเดล) โดยไม่จำกัดเพศจากทั่วทุกภูมิภาค ที่มีความ “สวย-หล่อแบบไทย” และ “ไม่ผ่านการศัลยกรรมใบหน้า” เข้าร่วมเวที ไทย เฟซ ท็อป โมเดล
ภารกิจในการตามหาสุดยอดนายแบบ นางแบบ และ LGBTQ+ ที่มีความงามแบบไทยอย่างเป็นธรรมชาติ มีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร เข้าสู่การฝึกฝน แข่งขัน โจทย์ท้าทายระดับสากล เพื่อหล่อหลอม “ไทยแท้ ไทยเท่” ขึ้นมา และพัฒนาสู่ความเป็นนางแบบมืออาชีพ ที่พร้อมจะนำคุณค่าอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ไปเปล่งประกายบนเวทีระดับโลก
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในฐานะประธานโครงการ ไทย เฟซ ท็อป โมเดล กล่าวว่า ได้มีโอกาสพบกับท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปลายปีที่แล้ว และท่านเล่าถึงความตั้งใจของท่านว่าอยากให้โอกาสคนที่ด้อยโอกาส คนที่มีความฝันอยากเป็นนายแบบนางแบบระดับโลก แต่ไม่มีทุนทรัพย์ไปทำศัลยกรรมเพื่อให้เกิดความสวยงามได้ และท่านก็คิดว่าความงามแบบไหน น่าจะเป็นความงามที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกเช่นเดียวกัน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่ได้ประกาศว่าเราจะเริ่มต้นสิ่งที่เป็นความตั้งใจสิ่งที่ท่านคุยไว้แล้ว โดยท่านสนับสนุนเงิน 20 ล้านบาท
“ผู้ริเริ่มโครงการตัวจริงไม่ใช่ผม แต่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร โดยจุดประสงค์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ มี 3 ประการ คือ
1. อยากให้คนที่มีความฝัน ได้เปลี่ยนชีวิตของเขา อยากให้ทุกๆ คนที่เกิดมาไม่เท่าเทียมกันได้มีโอกาสหยิบฉวยความฝันตัวเองอย่างเท่าเทียมกัน โครงการนี้เป็นโครงการหนึ่งที่อยากเห็นว่า คนที่อยู่ในหมู่บ้านชนบท คนชุมชนแออัดได้มีโอกาสนี้
2. นางแบบช่วงที่ผ่านมา จะมีสแตนดาร์ดของเขา ยอมรับว่าในคนที่ไม่มีโอกาสทำศัลยกรรม ไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน ขณะเดียวกันมีความสวยแบบไทย ไทยแท้ ไทยเท่ ซึ่งความสวยแบบไทยสามารถขึ้นมาในโลกของนางแบบหรือแฟชั่นได้ ซึ่งความสวยแบบไทยที่ประสบความสำเร็จในอดีตก็มีจำนวนมากแล้ว เราก็อยากจะเห็นคนไทยที่ด้อยโอกาสประสบความสำเร็จ เป็นนางแบบไทยแท้ ไทยเท่ จริงๆ
3. ทำให้เกิดการอบรมความรู้และเป็นความรู้ที่เผยแพร่ได้ เช่น การเดินแบบหรือการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งเราโชคดีที่มีกรมประชาสัมพันธ์มาร่วมในการถ่ายทอด เราอยากให้ความรู้เหล่านี้มีการอัปสกิล รีสกิลให้กับคนที่ไม่มีโอกาส และในระหว่างการอบรมก็อยากเอามาถ่ายทอดและพัฒนาความรู้ได้เช่นกัน” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
สำหรับผลลัพธ์ในระยะยาวของโครงการนี้ เชื่อว่าจะทำให้คนที่ฝันอยากเป็นนางแบบนายแบบได้รู้ว่านี่เป็นเส้นทางสู่ฝันที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งก่อนหน้านี้อาจรู้สึกว่าไกลเกินฝัน มันคงเป็นเรื่องโชควาสนา แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว เป็นเรื่องของความตั้งใจ ความพยายาม และความกล้าที่จะออกมาแสดงตัวตน
โดยงานแถลงข่าวครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตัวการประกวด “Thai Face Top Model” สู่สาธารณชน พร้อมเปิดรับสมัครผู้ประกวดอย่างเป็นทางการ และเปิดตัวทีมงานมืออาชีพผู้ขับเคลื่อนโปรเจ็กต์นี้ อาทิ อินทิรา ทัพวงศ์ ดีไซเนอร์มือทองตัวแม่ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการแฟชั่นมานานกว่า 40 ปี ผู้อำนวยการโครงการ พร้อมเหล่า “ครู” ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ อาทิ ใหญ่-อมาตย์ นิมิตภาคย์ ช่างภาพอิสระมือโปรระดับแถวหน้าของเมืองไทย โดยมีนักแสดง นักร้อง และบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ ล้วนผ่านการลั่นชัตเตอร์ของเขามาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ลูกเกด–เมทินี กิ่งโพยม ตัวแม่แห่งวงการนางแบบไทย เป็นไอคอนของความมั่นใจของผู้หญิงที่แท้จริง สะกดทุกสายตาด้วยความสวยสง่างาม อ๊าท–อารยา อินทรา สไตลิสต์ตัวแม่ที่อยู่ในวงการมากว่า 30 ปี โดดเด่นด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ คาแร็กเตอร์ที่มั่นใจ รวมทั้ง โรซี่–ชีรา ชูวิเชียร หรือ ชีรา ชู ที่ได้รับ O-1 Visa หรือวีซ่าประเภทดารา นางแบบ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีลุกส์สุดยูนีกทำให้เธอเฉิดฉายจาก Catwalk สู่โฆษณาระดับโลก
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ ไทย เฟซ ท็อป โมเดล เปิดกว้างโอกาสเพื่อคนทุกเพศ ที่ใฝ่ฝันจะเป็นนางแบบระดับโลก เป็นรายการรูปแบบเรียลิตี้ ประกวดแข่งขันความสามารถควบคู่กับความงาม ระหว่างการแข่งขัน จะมีการอบรมฝึกสอน การดูแลพัฒนาบุคลิกภาพ ความสามารถที่จำเป็นรอบด้าน ต่ออาชีพนายแบบ นางแบบ โดยทุกๆ สัปดาห์จะมีโจทย์ข้อสอบ และคัดคนออกทุกสัปดาห์ จนเหลือผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อมที่สุด 3 คนสุดท้าย ซึ่งผู้ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท อันดับ 2 จำนวน 300,000 บาท และอันดับ 3 จำนวน 200,000 บาท พร้อมกับโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตสร้างชื่อเสียงในฐานะ Super Model อาชีพ และได้ร่วมงานกับแบรนด์หรูระดับโลก ผ่านการทำงานกับเอเยนซีในนิวยอร์ก 1 ปี พร้อมมีเงินเดือน และที่พักให้ด้วย
โดย “Thai Face Top Model” เริ่มเปิดรับสมัครคนไทยทุกเพศ อายุระหว่าง 18-30 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน นี้ ทาง https://forms.gle/aJGGmbKR2m1guETQ9 และพบกับการคัดเลือก (Audition) จาก The Master ใน 4 จังหวัด (ขอนแก่น, เชียงใหม่, สงขลา, กรุงเทพฯ) ช่วงวันที่ 4 กรกฎาคม – 28 กรกฎาคม 2568 โอกาสสับสู่รันเวย์ระดับโลก กดสมัครได้แล้ววันนี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมอัปเดตความเคลื่อนไหวของ “Thai Face Top Model” ได้ทาง https://www.facebook.com/thaifacetopmodel
ที่มา : มติชนออนไลน์
ร้านอาหารริมทาง เปิดขายกันข้างถนน ที่หลายคนใช้ศัพท์เท่ๆ เรียกรวมว่า “สตรีตฟู้ด” ดูเหมือนจะเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย นักท่องเที่ยวทั่วโลก ต่างใฝ่ฝันมาลิ้มลองกันสักครั้ง แต่เบื้องหลังความเอร็ดอร่อยอันหลากหลาย ตามทำเลสำคัญในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของไทย ดูยังมีปัญหาในด้านการจัดการ หลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็น การตั้งร้านรุกล้ำพื้นที่จราจร การจัดการกับเศษขยะไม่เป็นที่เป็นทาง และการทิ้งสิ่งปฏิกูลจากการทำอาหารลงท่อระบายน้ำ “การจัดการไขมันของร้านสตรีตฟู้ด พบว่า พวกเขามีการจัดการขยะ แยกเศษอาหารก็จริง แต่ถ้าให้ดีกว่านั้น ต้องแยกน้ำมันด้วย เพราะว่ามีกฎหมายระบุชัดมีโทษปรับถึง 5 หมื่น ถ้าการเทน้ำเสียเทลงท่อไม่มีการกรองไขมันออกก่อน เลยคิดว่าถ้าทำตัวที่เป็นตัวกรองไขมันออกก่อนแล้วสามารถไปใช้ได้กับรถเข็นของพวกเขา น่าจะดี” คือ คำอธิบายจุดเริ่มแนวคิดการออกแบบ “ตัวโดนเท” อุปกรณ์ดักไขมันสำหรับร้านอาหารริมทาง ซึ่งสถาปนิกหนุ่มอย่าง คุณชัชวาล สุวรรณสวัสดิ์ พยายามใช้วิชาชีพของเขาเข้ามาช่วยแก้ปัญหา นอกจากนั้นแล้วยังเผยให้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ทราบด้วยว่า เขากำลังช่วยพัฒนา “ตัวโดนเท” ผลงานออกแบบขอ
ขายได้พีกสุดวันละ 12,000 บาท! สาวสถาปัตย์ ทำอาชีพเสริม ขายขนมอาลัว ปรับให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ สร้างรายได้แบบปังๆ “อาลัว” ขนมที่มีชื่อแปลกอย่างฝรั่ง และเป็นขนมกวนชนิดหนึ่ง ลักษณะจะคล้ายๆ ทรงหยดน้ำ ภายนอกกรอบแต่ภายในยังนุ่มอยู่ หากพูดถึงขนมอาลัว ทุกๆ ท่านคงจะนึกเป็นภาพเดียวกันว่าเป็นทรงหยดน้ำเล็กๆ ซึ่งก็ไม่ผิดแปลก เพราะเป็นสิ่งที่หาง่ายและเห็นได้ทั่วๆ ไป แต่วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ ร้านเรือนจ้าวจันทร์ ที่คิดค้นทำขนมอาลัวที่มีรูปแบบและรูปทรงต่างไปจากที่อื่นๆ คุณปลายฟ้า-พัชริดา เสนีย์วงศ์ เจ้าของร้าน เรือนจ้าวจันทร์ ได้มาพูดคุยกับเราถึงเรื่องราวต่างๆ ต้องบอกว่าเรื่องราวของเธออาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ ท่านได้มากเลยทีเดียว จุดเริ่มต้น จากสาวสถาปัตย์ สู่แม่ค้าขายขนมอาลัว คุณปลายฟ้า เล่าว่า เธอเรียนจบเกี่ยวกับสถาปัตย์ ทำงานเป็นนักวิจัย และอาจารย์พิเศษอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อมาคุณแม่เปิ้ล-แพรวพรรณ พูลทวี แม่ของเธอได้เกษียณพอดี เลยคิดว่าต้องหาอะไรให้คุณแม่ทำสักอย่าง เพราะปัจจัยหลักๆ เลย คือกลัวว่าคุณแม่จะเป็นอัลไซเมอร์ เนื่องจากมีอายุเยอะแล้ว คุณปลายฟ
หยิบขยะมาสร้างรายได้! หนุ่มวัย 15 จุดประกายงานเสริม ซ่อมคอมพ์มือสอง บริจาคไปแล้วกว่า 3,000 เครื่อง ให้คนเข้าถึงการศึกษา มีงานทำ ไดแลน ซาจัค วัย 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จาก Babson College เขาได้เล่าย้อนไปเมื่อตอน 15 ปี เขามีอาชีพเสริมคือการซื้อของมือสองและซ่อมคอมพิวเตอร์ งานเสริมนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขาก่อตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไรขึ้น ชื่อว่า ‘Computers 4 People’ ซึ่งจะจัดหาคอมพิวเตอร์ที่ทำการซ่อมแซมแล้วให้กับผู้ที่ต้องการใช้ จุดเริ่มต้นงานเสริม เขาเล่าว่า เริ่มด้วยการไปร้านขายของมือสองแถวบรูกลิน นิวยอร์ก กับเพื่อนสมัยมัธยมปลาย ตอนนั้นเป็นแค่งานอดิเรกสนุกๆ “เราจะนั่งรถไฟจากโฮโบเกน แล้วสเกตบอร์ดไปตามร้านขายของมือสองทีละร้าน โดยเราจะไปถึง 3 ร้าน หรือมากกว่านั้นภายในวันเดียว” โดยเมื่อไปถึงร้าน จะทำการค้นหาของมีค่าที่ซ่อนอยู่ในกองอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เก่าๆ เมื่อเจอของมีค่า ก็จะทำการต่อรองราคาอย่างหนัก เพื่อให้ได้ของดีมา “บางวันเราซื้อคอมพิวเตอร์เยอะมากจนต้องกองมันไว้บนสเกตบอร์ดแล้วเข็นกลับบ้าน” เมื่อได้คอมพิวเตอร์มาแล้ว ก็จะทำความสะอาด ซ่อมแซม และขายต่อบน Facebook Marketplace หรือ eBay และ
แฟรนไชส์ข้าวเหนียวหมูเด้ง ที่มีเจ้าของเป็นดาราตลกชื่อดัง “เหลือเฟือ มกจ๊ก” โดยเขาได้เปิดตัวแฟรนไชส์นี้ขึ้น เพราะปัจจุบันงานในวงการเริ่มซบเซา จึงต้องหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ ที่เลือกขายข้าวเหนียวหมู นั่นก็เพราะว่า เป็นเมนูที่ทานง่าย เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย มีให้เลือกหลายเมนู ราคาเริ่มต้น 30 บาท แฟรนไชส์นี้เหมาะกับคนที่ต้องการหารายได้ หรือคนที่มีงบน้อย เพราะราคาเริ่มต้นเพียงหลักพัน ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ยุ่งยาก สามารถสั่งสินค้าไปขายและจ่ายในงวดถัดไป ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ส่งทำเลให้ตรวจสอบก็สามารถเปิดสาขาได้ทันที แนะทริกการขาย เวลาการขาย ‘ช่วงเช้า’ จะเหมาะกับเด็กนักเรียน วัยทำงาน หรือคนที่มาออกกำลังกายตอนเช้า ส่วน ‘ช่วงเที่ยงและช่วงเย็น’ จะขายได้ทุกช่วงวัย เพราะข้าวเหนียวหมูเป็นเมนูที่ทานง่าย แนะนำว่าควรขายในทำเลที่มีคนพลุกพล่าน เช่น บริเวณใกล้ที่พักอาศัย, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, สำนักงานออฟฟิศ, รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT, ตลาดนัด เป็นต้น รูปแบบการลงทุน – ชำระค่ามัดจำอุปกรณ์ 3,000 บาท – เตรียมพื้นที่เปิดสาขา และจองคิวสำหรับเทรนนิง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง รับอุปกรณ์และนัดวัน-เวลารับสินค้าหน้าสาข
