เมนูทำง่าย
เชฟกระทะหล่อ แจกสูตร ปลากระเบื้องซอสทรัฟเฟิล ทำง่ายกว่าที่คิด ปลากระป๋อง คือวิธีการเก็บอาหารให้อยู่ได้นาน ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อใช้เป็นเสบียงอาหารให้แก่ทหารในช่วงสงคราม โดยผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งอาหารกระป๋อง อย่าง นิโคลัส แอปเปิร์ท เขาได้เริ่มการทดลอง โดยนำปลาลงไปขวดโหลและนำโหลไปต้มในน้ำเดือด แต่บรรจุภัณฑ์ที่เป็นแก้วนั้น ยากต่อการขนส่งเข้าไปในสนามรบ ต่อมามีนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษชื่อ ปีเตอร์ ดูรันด์ ได้พัฒนาการทำปลากระป๋อง จากที่ใช้โหลแก้ว ก็หันมาใช้กระป๋องโลหะ ที่สามารถนำอาหารมาบรรจุและผนึกปิดฝาได้ขึ้นมา และถูกนำมาใช้จนในปัจจุบัน นั้นเป็นเพียงประวัติศาสตร์ของอาหารกระป๋อง ที่มีให้อ่านได้ทั่วไปในโลกอินเตอร์เน็ต เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ไม่ได้มาเล่าถึงประวัติศาสตร์ของปลากระป่องเพียงอย่างเดียว แต่นำสูตรอาหารจาก เชฟปิง-สุรกิจ เข็มแก้ว เชฟหนุ่มเจ้าของฉายาเชฟกระทะหล่อ มาฝากกันด้วย ซึ่งวัตถุดิบหลักที่ใช้ก็คือ ปลากระป๋อง นั่นเอง เมนูจากเชฟกระทะหล่อของเราเรียกว่า ปลากระเบื้องซอสทรัฟเฟิล ซึ่งวิธีการทำไม่ยากอย่างที่คิด โดยมีวัตถุดิบดังนี้ ปลากระป๋อง 1 กระป๋อง 2. หมูเด้งต้มสุก 3. ครีมเห็ดทรัฟเฟิลดำ 4.
วิธีทำไม่ยาก! ไก่ต้มน้ำปลาตะไคร้หอม เมนูทำง่าย ไว้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ไก่ ถือเป็นเนื้อสัตว์ที่มีรสชาตินุ่มลิ้น แถมไม่มีความคาว จึงนิยมนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูไม่แพ้เนื้อหมูเลย “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” จึงขอนำเสนอเมนูทำง่าย หากทานกับข้าวสวยร้อนๆ นั้นฟินอย่าบอกใคร โดยเมนูนั้นคือ “ไก่ต้มน้ำปลาตะไคร้หอม” โดยวัตถุดิบ และวิธีทำ ดังนี้ วัตถุดิบ น้ำสะอาด 2. ไก่ 1 โล 3. ตะไคร้ 4 ต้น 4. กระเทียมกลีบ 1 ช้อนโต๊ะ 5. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ 6. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ 7. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ 8. น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ 9. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ หลังจากทำความสะอาดเนื้อไก่เรียบร้อยแล้ว ให้พักไว้จนสะเด็ดน้ำ ระหว่างนั้นตั้งน้ำให้เดือด โดยปริมาณน้ำที่ใช้ ให้กะพอท่วมเนื้อไก่ เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงใส่เนื้อไก่และเครื่องปรุง อย่าง ตะไคร้ กระเทียมกลีบ พริกไทยเม็ด น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำมันหอย ลงไปต้มพร้อมกับเนื้อไก่ นาน 1 ชั่วโมง ระหว่างนี้คอยกลับเนื้อไก่ให้สุกทั่วๆ กัน เคี่ยวจนน้ำลดเหลือพอขลุกขลิก จากนั้นก็สามารถปรุงรสเพิ่มเติมตามใจชอบ เท่านี้เป็นอันเสร็จ เผยแพ
เปิดสูตร ต้มผู้กอง เมนูต้มผักกาดดองแบบเผ็ด อร่อยเด็ดต้องกินกับข้าวสวยร้อนๆ ต้มผู้กอง หรือ ต้มผักกาดดองแบบเผ็ด เมนูหน้าตาจะเหมือนกับซี่โครงหมูผักกาดดอง แต่รสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อนกว่า ว่ากันว่าเมนูนี้มีที่มาจากร้านดังร้านหนึ่งในอำเภอโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง มีตำนานเล่าอ้างกันหลากหลาย จนไม่รู้จะเชื่ออันไหน แต่ที่แน่ๆ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ นำวิธีการทำเจ้าเมนูนี้มาฝากลูกเพจกัน ซึ่งคนทำอาหารไม่เป็น (แบบแอด) ก็ทำทานได้แน่นอน โดยวัตถุดิบและวิธีทำ มีดังนี้ วัตถุดิบ ผักกาดดอง 1 กระป๋อง 2. หมูสามชั้นหั่นบาง หรือ หมูบะช่อ 3. พริกขี้หนูสวน 4. มะนาว 5. ผักชี 6. เครื่องปรุง (ซีอิ๊วขาว ผงชูรส) 7. น้ำเปล่า วิธีทำ ตั้งเตาและใส่น้ำประมาณ 2 แก้วลงหม้อ ต้มให้เดือด 2. หั่นผักกาดดองบางๆ ใส่ลงไป 3. จากนั้นนำหมูสามชั้นหั่นชิ้นพอดีคำ ลงไปเคี่ยวจนเปื่อย 4. ทุบพริก มะนาวใส่ลงไป และปรุงรสตามใจชอบ 5. โรยหน้าด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ
แจกสูตร ผัดไข่วุ้นเส้นกระเทียมดอง เมนูทำง่าย แถมช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ทุกวันนี้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ที่หันมาใส่ใจกันมากเป็นพิเศษในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเมนูที่เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ นำมาฝากกันในวันนี้ คือเมนู ผัดไข่วุ้นเส้นกระเทียมดอง ที่เพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร ใจดีแจกสูตรมาให้ทำรับประทานกันฟรีๆ โดยเมนูนี้ เราจะได้แหล่งโปรตีนชั้นดีจาก ไข่ไก่ ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกัน อีกทั้ง กระเทียมดอง ยังมีสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส ได้อีกด้วย ส่วนประกอบ วุ้นเส้น 1 ห่อเล็ก กระเทียมดอง 3 หัว ไข่ไก่ 2-3 ฟอง น้ำปลา พริกไทย ปริมาณตามใจชอบ อาจเพิ่มเนื้อสัตว์เพื่อเพิ่มโปรตีนตามความชอบ วิธีทำ ให้นำวุ้นเส้นมาแช่น้ำจนวุ้นเส้นมีความนิ่ม จากนั้นตัดแบ่งเป็นเส้นสั้นๆ เพื่อที่เวลานำลงไปผัดเส้นจะได้ไม่เกาะกันเป็นก้อนๆ 2. แกะเปลือกกระเทียมดองเป็นกลีบ จากนั้นซอยตามความยาวของกลีบ 3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย พอกระทะร้อนได้ที่ ให้นำกระเทียมดองที่ซอยไว้แล้วลงไปผัดน้ำมันให้เกิดความหอมสักครู่หนึ่ง หากมีเนื้อ
ชาวไทยนั้นคุ้นเคยกับอาหารเวียดนามเป็นอย่างดี บางอย่างเรากินกันจนลืมไปแล้วหรืออาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นของต่างชาติ ที่ฉันกำลังจะพูดถึงนี้คือ หมูยอ ย้อนหลังไปสมัยเป็นเด็กนักเรียนจำได้ว่าเวลาใครไปใครมาเชียงใหม่จะต้องหอบหิ้วหมูยอกลับมาเป็นของฝากจนคิดว่าหมูยอนั้นเป็นอาหารประจำจังหวัดเชียงใหม่ ยี่ห้อที่ฉันรู้จักตอนเด็กนั้นคือ ตราดาวที่อยู่บนถนนช้างม่อย ตอนหลังมียี่ห้อป้าย่นที่ยังโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ พอโตขึ้นมาอีกหน่อยได้เดินทางมากขึ้นก็พบว่าหมูยอในภาคอีสานนั้นมีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะของจังหวัดอุบลราชธานี ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารเวียดนามเพราะติดชายแดนลาว ถัดไปอีกหน่อยก็ถึงเวียดนามแล้ว ก็อย่างที่รู้กันว่าถ้าใครไปเที่ยวประเทศลาวนั้นจะได้กินอาหารเวียดนามมากกว่าอาหารลาวเสียอีก พวกเขานิยมกินกันจริงๆ เหมือนคนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวอย่างไรอย่างนั้น ในตอนนั้นฉันยังไม่รู้อยู่ดีว่าหมูยอมีต้นกำเนิดจากไหน จนมีอันต้องระเห็จไปอยู่ที่เวียดนามเสียนานหลายปี จึงเอะใจว่าหมูยอนี้น่าจะมีต้นตอมาจากที่นี่ อย่างแรกเลยก็คือชื่อ คำว่า “ยอ” นั้นน่าจะมาจากคำว่า “หย่อ” (Giò) หรือ “หย่อหลั่วะ” (Giò lụa) ที่ใช้เรียกหมูยอข
“ขนมปังหน้าหมู” เมนูกินเล่นสุดอร่อย ทำง่าย ลงทุนไม่มาก แถมทำขายได้ด้วย วันนี้ฉันได้มีโอกาสกลับบ้านไปหายายที่ต่างจังหวัด หลังจากที่ไม่ได้กลับไปหาเป็นเวลานาน เจอหน้าและพูดคุยกันให้หายคิดถึงเล็กน้อย อยู่ๆ ยายก็ทักขึ้นมาว่า “ผอมลงหรือเปล่า?” ด้วยความคิดถึงฝีมืออาหารของยาย ฉันจึงตอบกลับไป “เก็บท้องมากินฝีมือยายนั่นแหละ” ยายหัวเราะขำ พร้อมพูดว่า “ตู้เย็นมีแค่หมูสับกับขนมปัง เดี๋ยวทำขนมปังหน้าหมูให้กินแล้วกัน” แล้วเรายายหลานก็พากันเข้าครัวไปทำเมนูง่ายๆ นี้ทานกัน ยายบอกว่า ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก วัตถุดิบที่ใช้มีไม่เยอะ อีกทั้งใช้เวลาไม่นาน คนทำกับข้าวไม่เป็นก็ทำได้แน่นอน โดยวัตถุดิบมีดังนี้ กระเทียม 1 กำมือ (ประมาณ 9-10 กลีบ) ผักชี 2 ต้น หั่นเป็น 3 ท่อน (ใช้ทั้งต้นและราก) พริกไทยแบบเม็ดสีขาว 2 ช้อนชา หมูสับ 2 ขีด น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่ 2 ฟอง ขนมปังแผ่น เมื่อเตรียมของเสร็จแล้ว ขั้นแรกให้นำผักชี กระเทียม และพริกไทย ใส่ในครกแล้วตำให้ละเอียดจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน เมื่อตำจนละเอียดแล้ว ตักใส่กะละมังผสม ใส่ไข่ไก่ลงไป ตามด้วยเนื้อหมู เกลือ และน้ำตาล ขยำให้ส่วนผสมและเนื้อหมูเข้า
แจกสูตร ‘กุ้งผัดไข่เค็ม’ ทำง่าย อร่อย ใช้เวลาไม่นาน กุ้งผัดไข่เค็มมีหลายสูตร บางสูตรใส่พริกหวานสีเขียว เหลือง แดง ผักขึ้นฉ่าย ใส่ไข่ ใส่นม คล้ายๆ ปูผัดผงกะหรี่ แต่สูตรนี้เป็นแบบจีนอีกแนวหนึ่ง ที่ผัดให้ไข่เค็มเคลือบกับเปลือกกุ้ง จะแห้ง ไม่มีน้ำขลุกขลิกและใส่เหล้าจีนให้หอมค่ะ บางคนอาจหาซื้อไข่เค็มแดงนึ่งสุกที่ขายเฉพาะไข่แดงกลมๆ ยาก บางตลาดไม่มี อาจต้องหาหน่อยนะคะ ที่ตลาด อ.ต.ก. จะมีประจำที่ร้านขายไข่เค็มแดงใกล้แผงขายปลาสดค่ะ มีถุงใหญ่ ถุงเล็ก สูตรนี้ใช้ถุงเล็ก ราคา 100 บาทค่ะ ไข่เป็ดซื้อที่ร้านนี้เลยค่ะ เหล้าจีนหาซื้อได้ที่ร้านขายของชำ ร้านขายของชำหลังตลาด อ.ต.ก. มีค่ะ ถ้าหาไม่เจอ ถามคนขายได้ค่ะ ราคาขวดละ 220 บาท ส่วนผสมอื่นๆ จะมีติดครัวกันอยู่แล้วนะคะ มาดูส่วนผสมกันเลยค่ะ ส่วนผสม กุ้ง 11 ตัว ไข่เค็มแดงนึ่งสุก 6 ลูก ไข่เป็ด ไข่แดงสุก 2 ลูก แป้งมัน น้ำมัน เนยเค็ม ซุปก้อนปรุงรส รสไก่ น้ำตาลทราย เกลือ น้ำ เหล้าจีน ตราเจดีย์ วิธีทำ บดไข่เค็มแดงจนละเอียด ใส่ไข่แดงของไข่เป็ด บดรวมกันจนร่วน ใช้กรรไกรตัดเปลือกหลังกุ้ง เขี่ยเอาเส้นดำหลังกุ้งออก เช็ดให้แห้ง พรม
เปิดสูตร ‘ข้าวอบไก่รมควัน’ เมนูทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน เอาใจมนุษย์เร่งรีบ ส่วนผสม ไก่เบรสรมควัน 200 กรัม/1 ห่อ ปลายข้าวหอมสีนิล 3 ส่วน ข้าวสาลี 1 ส่วน กระเทียมสับ พริกไทยดำบด เกลือ เห็ดหอม (ชิตาเกะ) ถั่วพีแคน (แล้วแต่ชอบ) ไข่ไก่ พริกหวาน น้ำมันมะกอก ผักดีล เสริมกลิ่น ผักตกแต่งจาน ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก กะหล่ำปลีแดง วิธีทำ ใส่น้ำมันมะกอกในกระทะให้ร้อน ใส่กระเทียมสับ ผัดให้พอหอม ใส่เห็ด ผัดให้นุ่ม เติมเกลือเล็กน้อย ใส่ไก่เบรสฝรั่งเศสรมควันที่หั่นชิ้นเล็กๆ ผัดให้หอม ใส่ปลายข้าวหอมสีนิลที่หุงสุกแล้ว 3 ส่วน ข้าวสาลี 1 ส่วน และ ถั่วพีแคน ใส่ไข่ผัดให้เข้ากัน เติมเกลือ พริกไทยเล็กน้อย ใส่ดีลก้านเล็กๆ ผัดเร็วๆ เอาขึ้นพักไว้ ตักข้าวใส่ในพริกหยวกที่คว้านเอาเมล็ดออกแล้ว อุ่นเตา 180 องศาเซลเซียส นำพริกหยวกอบ 20 นาที แต่งจาน ตัดครึ่งหัวกะหล่ำม่วง ลอกกาบ และเด็ดใบฟิลเลย์ไอซ์เบิร์กล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำพักไว้ จัดกาบกะหล่ำม่วงและใบฟิลเลย์ไอซ์เบิร์กใส่จาน นำพริกหยวกที่อบและพักให้อุ่นเล็กน้อย วางในจานให้สีสวยงาม อาหารจานนี้มีประโยชน์ทางโภชนาการสูงทั้งจากปลายข้าวกล้องและข้าวสาลี ข้าวสาลีหุงสุกแล้วจะแข็ง
มีกับข้าวมังสวิรัติมาชวนทำครับ เป็นสตูผักนุ่มๆ รสอ่อนๆ ที่ปลอดเนื้อสัตว์โดยสิ้นเชิง มันก็แปลกดี ผมทำสตูหม้อนี้กินมายี่สิบปีแล้วเห็นจะได้ แต่ก็นึกไม่ออก ว่าไปเอาสูตรมาจากไหน จำต้นเหตุไม่ได้เลยว่าไปแอบครูพักลักจำของใครเขามา ดังนั้นถ้าเกิดไปเหมือนสูตรเก่าแก่ของบ้านใครเข้า ก็ขออภัยนะครับ ไม่ได้จงใจจะลอกโดยไม่อ้างอิงเลยแหละ ถ้าวันนี้พรุ่งนี้ตั้งใจจะกินผักสไตล์ออกฝรั่งๆ หน่อย คว้าตะกร้าไปตลาดกันเดี๋ยวนี้เลยครับ สำหรับสตูหม้อนี้ ผักที่ผมใส่เป็นหลักๆ เลย ก็มีแครอต หอมใหญ่ มะเขือเทศ บร็อกโคลี กะหล่ำดอก หน่อไม้ฝรั่ง (asparagus) เซเลอรี พริกหวาน (bell pepper) กระเจี๊ยบเขียว ส่วนเห็ด ก็มีเห็ดฟาง เห็ดหอมสด เห็ดเข็มทอง เครื่องปรุงกลิ่นที่จำเป็น ก็คือใบเบย์ (bay leaf) และผักชีฝรั่ง (parsley) แห้งหรือสดก็ได้ ตัวทำความข้น ผมใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำมันมะกอก extra virgin พริกไทยดำป่นและผงพริกปาปริก้า (paprika)นี่ว่าเฉพาะที่ใส่ปกตินะครับ ดังนั้น ถ้าใครพิสมัยของอื่นที่เข้ากันได้ เช่น กะหล่ำดาว (brussels Sprouts) กะหล่ำปลีม่วง ฟักทองญี่ปุ่น หรือเห็ดโคน เห็ดตีนแฮด เห็ดแชมปิญอง ฯลฯ ก็ปรับใช้ใส่ได้ตามใจชอบเล
ตามที่ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เคยกล่าวไว้ เกี่ยวกับสีของสมุนไพร อย่าง อัญชัน ขมิ้น ฝาง ฯลฯ นั้น สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างดีแถมยังมีสรรพคุณที่โดดเด่นแตกต่างกันไป เช่น สีม่วงของอัญชันมีแอนโทไซยานิน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด สีแดงของฝางที่ช่วยบำรุงเลือด สีเหลืองของขมิ้นชันมีเคอร์คูมินอยด์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง เป็นต้น โดยอาหารสีสันต่างๆ เหล่านี้ สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารร่วมสมัยเหมาะกับคนทุกวัยได้ เช่น เอแคลร์จากอัญชัน ซุปพญายอ เทมปุระเล็บครุฑสำหรับเด็กและวัยรุ่น ราดหน้าและขนมจีนเส้นสดจากฝาง อัญชัน สำหรับผู้ใหญ่ ส่วนผู้สูงอายุ มีน้ำสมุนไพรดอกบัวหลวง ขนมขี้หนูใบคนทีสอ กุ้งฝอยทอดเล็บครุฑ กุ้งฝอยทอดใบเล็บครุฑ ขนมขี้หนูใบคนทีสอ โอกาสนี้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ขอเป็นสื่อกลางในนำสูตรการทำ “เอแคลร์อัญชัน” จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มาเผยแพร่ให้ผู้สนใจลองทำทานดูที่บ้าน หรือบางท่านอาจอยากลองทำขายก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะสำรวจด้วยสายตาในท้องตลาดยามนี้ ยังไม่เห็นมีใ