K SME
เปิด 5 พฤติกรรมผู้บริโภคแบบใหม่ เหล่าผู้ประกอบการ ต้องรู้ และ ปรับตัวตามให้ทัน นอกจาก เทรนด์ธุรกิจ ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแทบจะตลอดเวลา พฤติกรรมผู้บริโภค ก็แทบจะเรียกว่าอัปเดตบ่อยจนบางทีก็ตามกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว ทำให้เหล่า เจ้าของธุรกิจ-ผู้ประกอบการ ต้องวิ่งตามทั้งเทรนด์ธุรกิจและเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคกันจนเหนื่อยเลยทีเดียว เว็บไซต์ K SME เผยแพร่ พฤติกรรมลูกค้าแบบใหม่ บน (โลก) ธุรกิจเดิม ที่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจควรรับทราบ เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจต่อไป ดังนี้ 1. คิดก่อนจ่าย : เรียกว่าเป็นช่วงขาขึ้นของ เฮ้าส์แบรนด์ เลยก็ว่าได้ เพราะแบรนด์ไหนที่มีการผลิตสินค้าเอง หรือ ผ่าน OEM (อาทิ ท็อปส์ หรือ โลตัส เป็นต้น) จะกลายเป็นกลุ่มแบรนด์ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เพราะมีความคุ้มค่า และ สะดวกในการซื้อ นั่นเอง 2. ชีวิตติดสมาร์ทโฟน : ด้วยพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้ ตลาดออนไลน์ เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้คนใช้สมาร์ทโฟนในการ ค้นหาข้อมูลออนไลน์ ใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ในการดูหนังฟังเพลงมากขึ้น รวมถึงการซื้อของออนไลน์และทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ด้วย เจ้า
ยุคที่การซื้อขายไร้พรมแดน! คิดจะทำ ธุรกิจนำเข้าสินค้า ผู้ประกอบการมือใหม่ ต้องรู้ 5 ข้อนี้ ในยุคที่ใครๆ ก็หันมาเป็นแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์กัน นอกจากการขายอาหารออนไลน์แล้ว หลายๆ คน ก็หันมาจับธุรกิจ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ กันไม่น้อย เพราะสินค้าที่นำเข้ามาขาย มีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อาทิ สไตล์การออกแบบ คุณภาพของสินค้า หรืออาจเพราะ สินค้ามีราคาถูกกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่มีอยู่ในประเทศ จึงทำให้หลายคนมองเห็นช่องว่างการสร้างกำไรจากจุดนี้ แต่การจะผันตัวเข้ามาเล่นในตลาดธุรกิจนำเข้าสินค้า ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วนมากกว่าการมองเห็นช่องทางสร้างกำไร เว็บไซต์ K SME ได้เผย 5 ข้อต้องรู้ ก่อนเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ดังนี้ 1. วิเคราะห์การตลาด ก่อนจะผันตัวเข้ามาเล่นในตลาดธุรกิจนำเข้าสินค้า ผู้ประกอบการควรเช็กกระแสของลูกค้าว่า สินค้าของเราอยู่ในความต้องการกลุ่มไหน เพราะลูกค้ามีหลายระดับ เมื่อแบรนด์กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ก็ให้มองไปถึงว่า เรามีคู่แข่งเป็นใครบ้าง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การสื่อสารการตลาดตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เพราะยิ่งความต้องกา
เปิด Insight พฤติกรรมผู้บริโภค ในการ ซื้อสินค้า ในร้านค้าปลีก SMEs ปัจจุบัน ร้านค้าปลีก SMEs ต้องเผชิญกับความยากในการสร้างยอดขายหรือทำกำไร จากกำลังซื้อซบเซา การแข่งขันรุนแรงจากผู้เล่นจำนวนมาก สินค้ามีความแตกต่างน้อย รวมถึงต้นทุนสินค้าที่ปรับสูงขึ้น และมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐที่ทยอยหมดลง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผย พฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคไทย ในร้านค้าปลีก ทั้งร้านแบบออฟไลน์และออนไลน์ พบว่า ปัจจัยในการเลือกใช้บริการ ในร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ ผู้บริโภคกว่า 97% เลือกซื้อในร้านที่มีความสะดวกและใกล้บ้าน อันดับ 2 เลือกซื้อกับร้านที่คุ้นเคยและมีความสนิทสนมกว่า 40.9% และอีก 32.3% เลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกที่มีสินค้าหลากหลายแบรนด์ให้เลือกและประหยัด ในด้านร้านค้าปลีกออนไลน์ ผู้บริโภค 60.1% เลือกซื้อสินค้าในร้าน E-Marketplace ที่มีบริการครบวงจร รองลงมา คือ ร้านค้าปลีกที่จัดโปรโมชั่นเยอะ กว่า 49.8% และเลือกซื้อในร้านที่ขายสินค้าคุณภาพ-ตรงปก กว่า 49.2% นอกจากนั้น ผลสำรวจ ยังบอกอีกว่า โปรโมชั่นที่ผู้บริโภคต้องการจากร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ กว่า 63.0% ต้องการบริการจัดส่งฟรี
How To ไลฟ์สด ให้ปัง ด้วย 9 เทคนิคต้องรู้ จาก แม่ค้าไลฟ์สดตัวจริง ไลฟ์สด นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การขาย ที่เหล่าผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์หันมาใช้ช่องทางนี้ขายสินค้าของตัวเองกันมากขึ้น แต่การไลฟ์สด ไม่ใช่แค่การไลฟ์แล้วจะปิดการขายได้ง่ายๆ คุณวริสรา เสนาะ เจ้าของช่องยูทูบ วริสรา พา ดีย์ ได้แนะนำเทคนิคการไลฟ์ให้ปัง ผ่าน เพจ K SME ซึ่งแบ่งไว้ดังนี้ How To เลือก สินค้า ที่จะนำมา ไลฟ์สด อย่างไร ให้ขายปังๆ มีชัยไปกว่าครึ่ง! เทคนิคเตรียมตัวก่อน ไลฟ์สดขายของ รู้ไว้จะได้ไม่ไลฟ์เก้อ 1. กระตุ้นความเป็นคนสำคัญ ด้วยเทคนิคการจำชื่อของลูกค้า 2. ใช้การเร่งเร้า กระตุ้นให้ลูกค้าอยากมีส่วนร่วมและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น 3. ปรบมือ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคเรียกร้องความสนใจจากลูกค้า และช่วยดึงสติของแม่ค้าขณะไลฟ์ได้ด้วย 4. หมั่นเช็กยอดคนดู ถ้ายอดหาย อาจแปลได้ว่า เขาไม่สนใจสินค้าที่ไลฟ์ขายอยู่ ณ ตอนนั้น ต้องรีบเปลี่ยนสินค้าใหม่ 5. มี Eye Contact กับลูกค้า ใครเขินกล้อง ให้มองว่ากล้องคือเพื่อนหรือคนที่เราอยากคุยด้วย 6. ไลฟ์นอกสถานที่ ต้องเช็กสัญญาณอินเทอร์เน็ตและระบบการขนส่งให้ชัวร์ 7. ต้องพูดความจริง บอกสิ่งที่ต้องได้เ
รู้ก่อนเตรียมถูก มีชัยไปกว่าครึ่ง! เทคนิคเตรียมตัวก่อน ไลฟ์สดขายของ รู้ไว้จะได้ไม่ไลฟ์เก้อ ปัจจุบัน หนึ่งกลยุทธ์ที่ใครๆ ต่างก็รู้กันว่า สามารถทำเงินอย่างดีให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้เป็นอย่างดี คือ การไลฟ์สด จึงไม่แปลก ที่เหล่าผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์หันมาไลฟ์ขายสินค้าของตัวเองในช่องทางนี้มากขึ้น แต่การไลฟ์สด ไม่ใช่แค่การไลฟ์แล้วจะปิดการขายได้ง่ายๆ เพราะต้องมี การเตรียมตัว เพื่อควบคุมการไลฟ์สดตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และ หลังไลฟ์ เพื่อให้การขายเป็นไปได้อย่างราบรื่น โดย คุณวริสรา เสนาะ เจ้าของช่องยูทูบ วริสรา พา ดีย์ ได้แนะนำการเตรียมตัวและข้อควรรู้ในการไลฟ์ ผ่าน เพจ K SME ซึ่งแบ่งไว้ดังนี้ How To เลือก สินค้า ที่จะนำมา ไลฟ์สด อย่างไร ให้ขายปังๆ 1. การเตรียมตัว ก่อน ไลฟ์สด แบ่งเป็น 2 ทาง คือ ปัจจัยภายนอก : ประกอบไปด้วย ฉากหลัง แสงไฟ เสียง การแต่งตัว และสัญญาณอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ปัจจัยภายใน : อาทิ สภาพความพร้อมของผู้ไลฟ์ทั้งร่างกายและจิตใจ หากไม่พร้อมไม่ควรฝืนไลฟ์ แผนการขายและโปรโมชั่น ซึ่ง ไลฟ์สดเท่ากับการเตรียมตัวมาแล้ว เพราะไม่มีแม่ค้าไลฟ์สดคนใดประสบความสำเร็จได้ โดยไม่มีการวางแผน แต่สิ่
How To เลือก สินค้า ที่จะนำมา ไลฟ์สด อย่างไร ให้ขายปังๆ ปัจจุบันช่องทาง การไลฟ์สด ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายของที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งจากพ่อค้าแม่ค้าก็ดี หรือจะเป็นผู้ชมผู้ซื้อก็ด้วย ซึ่งไม่ใช่ว่าแค่ ไลฟ์ แล้วจะขายได้ แต่การเลือก สินค้า เพื่อนำมา ไลฟ์ขาย ก็ถือเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่ง ที่จะทำให้การไลฟ์สดขายของ ประสบความสำเร็จ โดยเพจ K SME ได้แชร์เทคนิคจาก คุณวริสรา เสนาะ เจ้าของช่องยูทูบ วริสรา พา ดีย์ ในการเลือกสินค้าเพื่อนำมาไลฟ์สดขายปังๆ ดังนี้ 1. เลือกสินค้าที่ ขนส่งได้ คุ้มค่าส่ง อายุนาน ไม่เปลี่ยนแปลง : คุณวริสรา ได้แนะนำว่า ให้ลองส่งสินค้าไปยังที่ต่างๆ เพื่อทดสอบว่า หากผ่านการส่งไป 3-5 วัน สินค้าที่ส่งไปจะยังอยู่ในสภาพเดิมหรือไม่ หรือลองนำไปวางไว้นอกบ้านสัก 3 วัน เพื่อเป็นการทดสอบว่าสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือไม่ 2. เลือกจาก สิ่งที่ใช่ ใจที่ชอบ : โดยให่เริ่มต้นจากสิ่งที่รัก แล้วไปหาแหล่งขายสินค้านั้นๆ เช่น ใครชอบเสื้อผ้า ให้ไปดูสินค้าเพื่อนำมาไลฟ์สดขายจากประตูน้ำหรือสำเพ็ง เป็นต้น 3. เลือกจาก สิ่งที่มี สิ่งที่หาได้ : อาจมองหาจากสิ่งใกล้ตัว เช่น สินค้า OTOP ในพื้
เปิด 4 เคล็ดไม่ลับ ทำอย่างไร ให้ลูกค้า กลับมาซื้อสินค้าซ้ำ การจะทำให้ร้านเป็นที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอๆ นอกจากสินค้าหรือบริการนั้นๆ จะต้องดี มีมาตรฐานแล้ว การให้ความสำคัญกับลูกค้า ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะลูกค้ากลุ่มนั้น อาจย้อนกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของคุณซ้ำก็ได้ ซึ่งการกลับมาซื้อสินค้าซ้ำนี่แหละ ถือเป็นช่องทางในการสร้างรายได้และกำไรที่สำคัญอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเพจ K SME ได้แชร์ 4 วิธีที่จะช่วยดึงให้กลุ่มลูกค้าเก่า ให้กลับมาซื้อซ้ำได้ดังนี้ 1. บริการดี สร้างความประทับใจ ปัจจุบันการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นที่นิยมมาก โดยพฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่มักชอบถามคำถามเกี่ยวกับสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อเสมอ ดังนั้น การตอบคำถามควรตอบด้วยความจริงใจ อย่าตอบคำถามด้วยความสะใจ เพราะเมื่อไหร่ที่ตอบคำถามด้วยความสะใจ ไม่แคร์ลูกค้า เมื่อนั้นจะเป็นตัวทำลายการซื้อซ้ำได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญ อย่าลืมว่าฟีดแบ็กที่ไม่ดีของลูกค้าบนโลกออนไลน์จะคงอยู่ตลอดไป 2. สินค้าดีไม่มีหลอกลวง การขายสินค้าออนไลน์ ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นสินค้าจริงๆ มาก่อน ดังนั้น การที่ลูกค้าได้รับสินค้ามีคุณภาพมา
5 เคล็ดลับ สร้างความประทับใจลูกค้า ที่เหล่าผู้ประกอบการควรรู้! ลูกค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกธุรกิจ ไม่ว่าผู้ประกอบการเล็ก-ใหญ่ ต่างก็ต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเอาไว้ให้เหนียวแน่นที่สุด ซึ่งการทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในสินค้าหรือบริการ จนกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการต่อไปเรื่อยๆ ถือเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่ดีที่สุด เพราะเป็นการทำให้ลูกค้าเกิดความสุข ความประทับใจ จนมีการบอกต่อไปถึงคนรอบข้าง รวมไปถึงไม่เปลี่ยนใจไปใช้สินค้าแบรนด์อื่นๆ นั่นเอง เว็บไซต์ K SME เผย 5 เคล็ดลับการดูแลลูกค้าที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ที่ไม่ว่าธุรกิจไหนก็ควรต้องมี ดังนี้ 1. ฟังให้เยอะ : เมื่อเจอลูกค้าต้องพยายามฟังให้เยอะ เพราะการฟังช่วยให้เรารู้ว่าลูกค้าเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้เราเข้าใจลูกค้าและคุยกับลูกค้าง่ายขึ้น 2. หยุดรอให้เป็น : ต้องมีความสามารถในการหยุดรอ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะเป็นผู้เล่าและอธิบายเรื่องของตัวเอง การตั้งใจที่จะฟังในสิ่งที่เขาพูด รวมทั้งการหาจังหวะที่รอให้เขาพูดจบ แล้วนำกลับมาคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ จะทำให้เราสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น 3. ไม่ยึ
เปิดวิธี บริหารต้นทุน สำหรับร้านอาหาร ผู้ประกอบการมือใหม่ รู้ไว้ไม่มีเจ๊ง สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ยังไม่มีความรู้เรื่องการบริหารต้นทุน โดยทางเพจ K SME ได้ให้ความรู้ถึงวิธีการบริหารต้นทุน ระบุว่า เดี๋ยวนี้ธุรกิจร้านอาหารต้องดูแลทั้งการขายหน้าร้าน และทางดีลิเวอรี่ ยิ่งต้องใส่ใจควบคุมต้นทุนในด้านต่างๆ ให้อยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสม โดยค่าใช้จ่ายหลักๆ ของร้านอาหารแบ่งได้เป็นตามนี้เลย ต้นทุนอาหาร ได้แก่ ค่าวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์อาหาร ส่วนนี้เป็นต้นทุนหลักของร้าน ร้านอาหารทั่วไปควรจะมีต้นทุนอาหารคิดเป็น 25-30% ของยอดขาย แต่สำหรับร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์อาจจะสูงขึ้นถึง 45-50% ต้นทุนแรงงาน ซึ่งรวมทั้งเงินเดือนสำหรับพนักงาน เจ้าของร้าน และค่าใช้จ่ายในเรื่องสวัสดิการต่างๆ ควรจะอยู่ที่ประมาณ 20-25% ขึ้นอยู่กับประเภทของร้านอาหาร ต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ร้าน ควรอยู่ที่ประมาณ 20% หรือบางพื้นที่ใช้วิธีคิดราคาเป็นสัดส่วนตามรายได้ของร้าน ซึ่งผู้ประกอบการควรเลือกทำเลให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าของร้าน ต้นทุนอื่นๆ ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด ค่าอุปกรณ์สิ้นเปลืองต่างๆ รวมแล้วไม่คว