เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
ข่าววันนี้

ถามหามาตรฐานสินค้าแบรนด์เนมเข้าประเทศ อัดแรงไม่อยากเห็นคนไทยเสียค่าโง่!

เป็นเรื่องที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์อย่างหนัก เมื่อสมาชิกเฟซบุ๊ก Mitpol Saelim ได้เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการนำกระเป๋าแบรนด์เนมเข้าประเทศ 1 ใบ แต่กลับโดนเรียกเก็บภาษีจำนวน 37,000 บาท แม้ว่าจะนำเข้ามาเพียงใบเดียวและใช้เอง แต่มีการต่อรองไปมาและทางผู้โพสต์ได้ขอถ่ายภาพเจ้าหน้าที่หากเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายจริง จนมีการเรียกเก็บเพียง 10,000 บาท และมีการเขียนเรื่องราวออกมาแชร์ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าความจริงแล้ว ควรมีมาตรฐานและไม่สามารถต่อรองได้ พร้อมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ระบุไว้

 

โดยระบุว่า “ช่วยแชร์กันเยอะๆนะครับ ไม่อยากให้ประชาชนต้องเสียค่าโง่ครับ ” เตือนภัยสาวๆที่ชอบซื้อของแบรนด์เนมเข้าประเทศ ” เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 เวลาประมาณ 20:08 น. เหตุเกิดที่ ห้องฝ่ายบริการผู้โดยสาร ( ขาเข้าระหว่างประเทศ ) สนามบินสุวรรณภูมิ ผมได้เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นมาถึงประเทศไทยพร้อมคณะทัวร์ที่ไปเที่ยวด้วยกัน เมื่อลงจากเครื่องบินก็ต้องไปตรวจคนเข้าเมือง ทุกคนผ่านไปด้วยดี


หลังจากนั้นก็มาถึงการสำแดงสินของ ทุกคนก็ผ่านไปด้วยดี แต่มีคนๆหนึ่งในลูกทัวร์ไม่ผ่าน ลูกทัวร์คนนี้ก็ถามว่าทำไมไม่ผ่าน ทางคนตรวจบอกว่ามีกระเป๋าอยู่ใบหนึ่ง ( ย้ำนะครับว่าใบเดียว ) ต้องขอดูก่อน ปรากฎว่า เป็นกระเป๋าที่มีราคาแพง ต้องไปคุยกับนักวิชาการในด้านนี้ ว่าจะให้ผ่านได้ไหม ผมอยู่ในเหตุการณ์และรู้จักกับลูกทัวร์พอดี แต่ไม่สนิท ( ผมฟังแล้วไม่แฟร์ ) เลยไปช่วยคุยและอยากรู้เหตุผลด้วยว่าไม่ผ่านเพราะอะไร ไปถึงก็มีนักวิชาการอย่างว่าออกมาคุย
ผมถามไปว่า ” กระเป๋าใบเดียว ” ทำไมผ่านไม่ได้ครับ
นักวิชาการ ; กระเป๋าแบรนด์เนม ราคาเกิน 100,000 บาท ต้องโดนภาษีเพิ่ม 37,000 บาทค่ะ
ผม ; โทษนะครับ เค้าซื้อกระเป๋าใบนี้มาจากญี่ปุ่นแพงว่าซื้อในไทย จะต้องโดนภาษีอีกหรอครับ ( ใบนี้หายากมั้งครับ ) เค้าไม่ได้ซื้อมาขายนะครับ
นักวิชาการ ; ถ้าเป็นแบรนด์เนมมีราคา ทางเราก็ต้องให้เสียภาษีค่ะ ไม่งั้นคนก็ซื้อมาขายกันเยอะค่ะ
ผม ; มันแค่ใบเดียวนี่นะ อีกอย่างราคาก็แพงกว่าเมืองไทย เค้าจะเอาไปขายได้ไงครับ ช่วยหน่อยได้ไหมครับ
นักวิชาการ ; จะให้ช่วยยังไงอ่ะ ว่ามา
ผม ; 10,000 บาทก็พอครับ ( ปรึกษากับลูกทัวร์แล้ว )
นักวิชาการ ; ไม่ได้หรอก อย่างน้อยก็ต้อง 30,000 บาท ช่วยได้แค่นี้จริงๆ
ผม ; งั้นถ้าช่วยไม่ได้คุณก็ทำตาม process คุณแล้วกัน ผมก็ขอถ่ายรูปคุณลงเฟซนะครับ
นักวิชาการ ; ไม่ได้ๆ คุณหยุดถ่ายเดี๋ยวนี้
ผม ; คุณทำตาม process คุณ ผมถ่ายแค่นี้แล้วคุณกลัวอะไรครับ ถ้าคุณจะเอาหลักกฎหมายมาหากินกับประชาชน ก็ตัองแฟร์กับประชาชน ให้ประชาชนรับรู้ทั่วกันด้วยครับ ไม่ใช้มีคนรู้แค่ 10% คุณต้องออกสื่อมากว่านี้ครับ ( นักวิชาการแตกกระเจิงตอนผมถ่ายรูป )
ตอนนี้ไม่มีนักวิชาการคุยกับผมเลย หนีเข้าห้องกันหมด อีกสักพักนักวิชาการคนเดิมก็เดินมา บอกให้ลูกทัวร์เข้ามาคุยกับหัวหน้าอีกคน ในห้องฝ่ายบริการผู้โดยสาร โดยไม่ยอมให้ผมเข้าไปเลย
ผ่านไปสัก 5 นาที ลูกทัวร์ก็ออกมาพร้อมกับการเสียเงิน 10,000 บาท

จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องของผมหรอกครับ แต่ผมถามหน่อย คนไทยไปต่างประเทศ จะซื้อของมาใช้เอง แค่ใบเดียวไม่ได้หรอ ? รัฐบาลควรกำหนดมาเลยว่า ได้กี่ใบ/คน ถ้าไม่ได้ก็ควรออกสื่อให้ทราบทั่วกัน ว่าจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่????เหมือนเราเล่นกีฬา ต้องมีกฎเกณฑ์ในการเล่นให้ผู้เล่นรับรู้ทั้งสองฝ่ายมันถึงจะแฟร์ ใช่ไหมครับ”

 

Related Posts

ภาษีทรัมป์ ทำเดือดร้อนหนัก ผู้ประกอบการจิตตก รัฐบาลไทยหมกมุ่นกาสิโน