เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
ข่าววันนี้

ศาลปค.ถอนมติผลักภาระค่าไฟฟรี ไปยังผู้ประกอบกิจการ ชี้เป็นภาระ”กกพ.-กพช.-ครม.”หาเงินอุดหนุน

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ในคดีระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน, บริษัท ปิติฟู้ดส์ จำกัด, บริษัท ปิติฟู้ดส์วังน้อย จำกัด,นายบุญส่ง ศรีวัฒนา และนางวนิดา นาจรุง ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้อง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.), คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.), คณะรัฐมนตรี (ครม.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-5 ว่า กกพ.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีมติในที่ประชุมเมื่อวันที่13กรกฎาคม 2554 ประกาศใช้โครงสร้างอัตราค่ากระแสไฟฟ้าของประเทศไทยในช่วงปี 2554-2558 กำหนดหลักเกณฑ์การเรียกเก็บค่าใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งติดตั้งมาตรวัดกระแสไฟฟ้าขนาด 5 (15) แอมแปร์ และ ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าฟรี โดยผลักภาระการอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีดังกล่าวให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง และองค์กรไม่แสวงหากำไร ทั้งนี้ ให้มีผลทันทีภายในรอบบิลค่ากระแสไฟฟ้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป โดยมิได้แจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ 2 – 5 รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศต้องเสียค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

ต่อมา กพช.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีมติในที่ประชุมครั้งที่ 6/2554 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 เห็นชอบการปรับลดมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีของครัวเรือนจากเดิมที่ไม่เกิน90หน่วยต่อเดือน เป็นไม่เกิน 50หน่วยต่อเดือน ซึ่งครม.ผู้ถูกฟ้องคดีที่3 เห็นชอบการปรับปรุงมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีดังกล่าว นอกจากนั้นผู้ถูกฟ้องคดีที่1มีมติจำแนกประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าออกเป็น8ประเภท แต่ละประเภทต้องเสียค่าไฟฟ้าในอัตราที่แตกต่างกันโดยคิดอัตราค่ากระแสไฟฟ้าก้าวหน้า พร้อมค่า FT การกระทำดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

จึงขอให้เพิกถอนมติเกี่ยวกับมาตรการค่าไฟฟ้าฟรี เฉพาะในส่วนที่ผลักภาระค่าไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนในอดีต หรือ 50 หน่วยต่อเดือนในปัจจุบันไปให้ผู้ใช้ไฟฟ้าบางประเภท รวมทั้งให้ กฟภ. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และ กฟน.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 คืนเงินที่เรียกเก็บจากการผลักภาระค่าไฟฟ้าฟรีตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 จนถึงวันที่ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งพร้อมอัตราดอกเบี้ย กับให้ยกเลิกการจำแนกประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าออกเป็นประเภทต่างๆ และให้กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ นอกจากนี้ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 แต่งตั้งตัวแทนของผู้ใช้ไฟฟ้าประจำเขตทั้งประเทศ หรือตัวแทนภาคประชาชนเป็นคณะกรรมการ หรือในคณะทำงานทุกคณะฯ ตามพ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550และให้ กกพ. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จัดทำประชาพิจารณ์ หรือจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือผู้มีส่วนได้เสียทั่วประเทศ ตามที่กฎหมายบัญญัติทุกครั้งก่อนที่จะมีการประกาศใช้ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหรือค่า FT

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มาตรการช่วยเหลือลดค่าใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนสำหรับผู้มีรายได้น้อยโดยการกำหนดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ต่อมาลดเหลือ 50 หน่วยต่อเดือนในปัจจุบันเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าฟรี เป็นไปเพื่อจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคแก่ประชาชนให้เข้าถึงการใช้ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นภารกิจของ ครม. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามนัยมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ที่ต้องจัดหาพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการ มีคุณภาพ มีความมั่นคงและมีระดับราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย

มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า การผลักภาระค่าใช้จ่ายเพื่อให้ผู้ใช้พลังงานบางประเภทต้องอุดหนุนแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้มีรายได้น้อยนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อพิจารณาตามมาตรา 5แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 เห็นว่าอัตราค่าบริการไม่ได้หมายความรวมถึงเงินอุดหนุนแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาสตามมาตรา 97(1)

นอกจากนี้ หากพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้พลังงานต้องชำระในแต่ละเดือนตามประกาศของ กฟน.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 ได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1ค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ และ 2 ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บในแต่ละเดือน ประกอบด้วย ค่าไฟฟ้าตามอัตราข้างต้น ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตโนมัติ (Ft) และภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น การผลักภาระค่าใช้จ่ายเพื่อให้ผู้ใช้พลังงานอุดหนุนแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาส จึงไม่ได้ถูกกำหนดอยู่ในอัตราค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้พลังงานต้องชำระด้วยเช่นกัน ประกอบกับไม่มีบทกฎหมายใดที่กำหนดภาระหน้าที่ให้ผู้ใช้พลังงานต้องอุดหนุนแก่ผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาส แต่เป็นหน้าที่โดยตรงของ.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการจัดหาเงินเพื่ออุดหนุนมาตรการดังกล่าวให้ลุล่วงตามนโยบายของรัฐบาล

เเต่มติของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1-3 เกี่ยวกับมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีของผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ซึ่งติดตั้งมาตรวัดกระแสไฟฟ้าขนาด 5 (15 ) แอมแปร์ และที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนในอดีต หรือ 50 หน่วยต่อเดือนในปัจจุบัน โดยผลักภาระค่าไฟฟ้าดังกล่าวให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เป็นมติที่ออกโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย และสมควรจะต้องถูกเพิกถอน แต่การเพิกถอนมติดังกล่าวโดยให้มีผลย้อนหลังอาจเกิดปัญหาและผลกระทบต่อการให้บริการสาธารณะของ กฟภ. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และผู้ กฟน.ถูกฟ้องคดีที่ 5 รวมทั้งอาจมีปัญหายุ่งยากในทางปฏิบัติ จึงให้มีผลตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุดเป็นต้นไป เมื่อการเพิกถอนมติดังกล่าวโดยไม่ให้มีผลย้อนหลัง จึงไม่มีผลกระทบกับเงินค่าไฟฟ้าที่ กฟภ.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และกฟน.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 ได้เก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าไปแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4-5 จึงไม่ต้องคืนเงินค่าไฟฟ้าที่ ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 และประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าได้ชำระไปแล้วแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นการประกาศใช้ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหรือค่า FT นั้น เห็นว่า การประกาศค่า FT เป็นค่าไฟฟ้าส่วนที่ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงไปจากที่ประมาณการไว้ในค่าไฟฟ้าโดยจะเปลี่ยนแปลงตามค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งค่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชนและต่างประเทศ ค่าFTจะมีการปรับทุก4เดือน โดยก่อน กกพ.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จะพิจารณาอนุมัติประกาศใช้ค่า FT จะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นทางเว็บไซด์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1ก่อนทุกครั้ง ประกอบกับเมื่อพิจารณา พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ก็มิได้มีบทบัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ต้องทำประชาพิจารณ์ กรณีจึงถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1ได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ข้อกล่าวอ้างของผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 จึงไม่อาจรับฟังได้ จึงเป็น การกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการผลักภาระอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีของผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ซึ่งติดตั้งมาตรวัดกระแสไฟฟ้าขนาด 5 (15) แอมแปร์ และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนในอดีต หรือ 50 หน่วยต่อเดือนในปัจจุบัน ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุดเป็นต้นไป คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

 

ที่มา มติชนออนไลน์

Related Posts