เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ห้องสกายฮอลล์ ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า ถ.จอมสุรางค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดสถานที่เปิดรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน ครั้งที่ 4 ขึ้น โดยมีประชาชนจากพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินทางมาสมัครกันอย่างเนืองแน่น
ทั้งนี้นายปรีชา อินทรชาธร จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การเปิดรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน ครั้งที่ 4 นี้ เป็นโครงการที่ทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเรียกว่าระบบ EPS เพื่อคัดเลือกแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งประเทศเกาหลีใต้จะมีระบบคัดเลือกแรงงานจาก 14 ประเทศทั่วโลก ส่วนประเทศไทยในแต่ละปีจะได้โควต้าคัดเลือกแรงงานไปทำงานประมาณ 7,000 คน ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติตามที่รัฐบาลประเทศเกาหลีใต้กำหนดมา โดยเฉพาะการสื่อสารด้านภาษาเกาหลี ดังนั้นทางกรมจัดหางานจึงได้เปิดรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีขึ้นในครั้งนี้ โดยเปิดทั่วประเทศ 4 จุดด้วยกัน ได้แก่ ที่กรุงเทพมหานคร, อุดรธานี, ลำปาง และนครราชสีมา โดยเปิดรับสมัคระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนมาสมัครไม่ต่ำกว่า 1,500 คน โดยจะต้องมีการทดสอบด้านภาษาและทักษะการทำงาน เพื่อที่จะได้จับคู่ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างให้ตรงตามตำแหน่งงาน
ทั้งนี้ตำแหน่งงานทั้งหมดที่ส่งไป ก็จะเป็นกรรมกร แต่เนื่องจากประเทศเกาหลีใต้ มีค่าแรงที่ค่อนข้างสูง เฉลี่ยเงินเดือนประมาณ 40,000 – 70,000 บาท ดังนั้นจึงทำให้มีผู้สนใจเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็เป็นช่องทางทำให้มีมิจฉาชีพหาช่องทางหลอกลวง ทั้งจากทางโซเชียลและสื่อออนไลน์ต่างๆ ดังนั้นจึงอยากประชาสัมพันธ์ว่า อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มบุคลหรือผู้ที่แอบอ้างว่าจะสามารถช่วยให้เดินทางเข้าไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ได้อย่างผิดกฎหมาย เพราะทุกวันนี้ประเทศเกาหลีใต้มีการตรวจสอบที่เข้มงวดมาก มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาเฝ้าสังเกตการณ์ตั้งแต่อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง และยังมีการตรวจที่สนามบินอินชอนอีก ซึ่งแต่ละปีจะมีแรงงานไทยที่ถูกจับได้และส่งกลับประเทศมากว่าปีละ 40,000 คนเลยทีเดียย ดังนั้นถ้าคิดจะลักลอบไปแบบผิดกฎหมายถือว่ามีความเสี่ยงมากที่จะถูกหลอก จึงอยากให้แรงงานไทยเดินทางมาสมัครเดินทางไปด้วยระบบ EPS ซึ่งจะมีความปลอดภัยและได้ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีอย่างแน่นอน นายปรีชาฯ กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลี สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา โทร 044-355266 ถึง 7 ต่อ 106 หรือกองบริหารงานไทยในต่างประเทศ โทร 02-2459429, 02-2456716 ในวันและเวลาราชการ.
อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจและมาแรงมากในปัจจุบัน นั่นคือธุรกิจร้านสะดวกซัก ที่สามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมง ลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว เพราะไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็สามารถสร้างรายได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ที่ธุรกิจร้านสะดวกซักสามารถตอบโจทย์ Pain Point มาก เพราะไม่ต้องคอยห่วงว่าผ้าที่ตากไว้จะโดนฝนหรือเปล่า เพราะถ้ามาซัก-อบที่ร้านก็จะประหยัดเวลากว่าการซักแบบปกติ วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จึงมี 10 ธุรกิจร้านสะดวกซักมาแนะนำ สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งวัน ทำงานประจำก็เป็นเจ้าของกิจการได้ เพียงแค่ต้องมีทำเลที่ดี ก็สามารถการันตีรายได้เป็นกอบเป็นกำ 1. Annie Wash & Dry สะดวกซัก 24 ชั่วโมง แฟรนไชส์ร้านสะดวกซักธีมญี่ปุ่น ที่มาพร้อมดีไซน์สดใส เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ลูกค้าจดจำง่าย อีกทั้งยังมีระบบจัดการร้านแบบครบวงจรด้วย Software อัจฉริยะ สะดวกสบาย มีบริการ Call Center 24 ชั่วโมง ใช้เครื่องซักผ้า Electrolux Professional และอบผ้าคุณภาพสูงทนทานและประหยัดพลังงาน ใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ปี สามารถจ่ายเงินได้หลายช่องทาง มีพื้นที่นั่งรอเป็นห้องแอร์ รูปแบบการลงทุน เริ่มต้น 1.59 ล้านบาท อุปกรณ์ที่ได้
“นกหวีดพารอด – PAROD Whistle” ไอเดียเจ๋งๆ นี้มาจาก Qualy ผู้ออกแบบ “นกหวีดพารอด – PAROD Whistle” ที่ไม่ใช่แค่เครื่องส่งเสียง แต่คือสัญลักษณ์แห่งความรอด และพลังแห่งศรัทธา โดยทางเพจ Qualy ได้อธิบายรายละเอียดไว้อย่างน่าสนใจว่า นกหวีดพารอด ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “พระรอด” ซึ่งเป็นพระเครื่อง 1 ใน 5 ของชุดเบญจภาคีที่มีอายุเก่าแก่ มีความเชื่อเรื่องพุทธคุณแคล้วคลาด คงกระพัน จนถูกขนานนามว่า “พระเครื่องสายเหนียว” สู่การดีไซน์ “นกหวีดพารอด” เครื่องรางแห่งความรอดปลอดภัย ที่มาพร้อมเสียงเตือนภัย และแรงศรัทธาแห่งความยั่งยืน โดยออกแบบด้วยเทคนิคให้ด้านหน้าเป็น “พระเครื่อง” สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคู่คนไทย ด้านหลังออกแบบให้เป็น “นกหวีด” เครื่องส่งสัญญาณเตือนภัยและขอความช่วยเหลือจากภัยอันตราย ทั้งภัยจากธรรมชาติ และภัยร้ายใกล้ตัว พร้อมออกแบบ Typography Design คำว่า “ROD = รอด” ที่สามารถอ่านได้ทั้ง 2 ภาษาในคำเดียว เรียกว่าเป็นกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยเพิ่มความเหนียวไปอีกหนึ่งสเต็ป และเมื่อถอดรหัสความหมายที่แฝงอยู่ในคำว่า PAROD จะสามารถนิยามได้ว่า P = Portable, A = Awareness, R = Rescue, O = Optimism และ D = D
คุณบุญลือ สุขเกษม เจ้าของสวนบุญบันดาล ตั้งอยู่ที่ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นสวนพันธุ์ไม้แปลกขึ้นชื่อที่ตำบลกลางดง และอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าที่กลางดง เป็นแหล่งขายพันธุ์ต้นไม้นานาชนิดอยู่แล้ว หากใครเคยเดินทางสัญจรผ่านก็จะเห็นได้ว่าระหว่างสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าพันธุ์ไม้ และสวนบุญบันดาล ก็เป็นสวนพันธุ์ไม้ขึ้นชื่อของตำบลกลางดง อีกแหล่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นไม้แปลกหายากมากมายหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น ต้นหม่อน หรือมัลเบอร์รี่ ส้มโอแดงเวียดนาม ลำไยชมพูพันธุ์ช้างทอง กล้วยร้อยปลี กล้วยหักมุกอันดามัน พริกกระดิ่ง แก้วมังกรสีเหลือง ชนิดพันธุ์ไม้แปลกที่กล่าวมานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง หากท่านใดสนใจอยากลองซื้อไม้ผลแปลกมาประดับบ้าน หรือทำตลาดใหม่ๆ โทรปรึกษาคุณบุญลือได้ หม่อน หม่อน หรือมัลเบอร์รี่ ทั่วไปเห็นกิ่งพันธุ์ได้บ่อยแต่ที่นี่จะขายต้นพันธุ์แบบติดผลไปด้วย เรียกว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ต้นพันธุ์ และสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าเป็นอยางดี และยังได้ผลพลอยได้ ก่อนที่จะซื้อไปปลูกก็สามารถเก็บผลทานได้ก่อนแล้ว วิธีการปลูกไม่ยุ่งยาก ใช้วิธีการปักชำแบบง่ายๆ หม่อนที่สวนขายเป็นหม่อนพันธุ์เชียงใหม่เ
ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานสภานโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สอวช. ร่วมกับ บริษัท ไอริส คอนซัลติ้ง จำกัด จัดงานแถลงผลการสำรวจความต้องการบุคลากรทักษะสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2568–2572 เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญในการผลิตและพัฒนากำลังคนทักษะสูงตามความต้องการของประเทศ ซึ่งการสำรวจความต้องการบุคลากรทักษะสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมายในครั้งนี้ ได้มีการสำรวจ ความต้องการใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายว่าในแต่ละอุตสาหกรรมมีความต้องการตำแหน่งงานสำคัญใดบ้าง และทักษะที่จำเป็นในแต่ละตำแหน่งงาน ซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของทักษะที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ที่ผ่านมา สอวช. ทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัย โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถสนับสนุนมหาวิทยาลัยในการปรับหลักสูตรและแนวทางการผลิตบัณฑิตให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาเรื่องทักษะไม่ตรงกับความต้องการ ของตลาดงาน และลดปัญหาการขาดบุคลากรที่มีสมรรถนะเฉพาะทาง ซึ่งต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในลักษณะ Co-creation ระหว่างมหาวิทยาลัยที่เป็นผู้ผลิตบัณฑิตและภาคเอกชนหร
