ตั้งด่านเข้ม สกัดคนขึ้นบางกลอย ชาวบ้านแฉโดนกดดันหนัก 15 ก.พ.นี้บุกทำเนียบ กลุ่ม SAVEบางกลอย ออกแถลงการณ์จี้รัฐต้องหยุดคุกคามกะเหรี่ยงบางกลอย

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 14 ก.พ.64 นายอภิสิทธิ์ เจริญสุข ชาวบ้านบางกลอย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และชุดพญาเสือของกรมอุทยานฯ ตั้งด่านบริเวณทางขึ้นหมู่บ้านบางกลอยไว้ประมาณ 6 จุด โดยชาวบ้านที่ต้องการผ่านต้องให้ลงชื่อ โดยแสดงบัตรประชาชนและเขียนหมายเลขในบัตรประชาชน

ขณะเดียวกันยังตั้งด่านจุดสกัดชาวบ้านที่อพยพขึ้น-ลงหมู่บ้านบางกลอยบน โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ขึ้นไปถ่ายรูปชาวบ้านที่อพยพขึ้นไปอยู่ข้างบนไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อมีชาวบ้านผ่านลงมาก็จะนำรูปที่ถ่ายไว้มาเปรียบเทียบกันว่า ใช่เป็นคนเดียวกับที่อยู่ข้างบนหรือไม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าหากเป็นคนๆ เดียวกันแล้วเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร

“วันนี้มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯเข้าไปสำรวจหมู่บ้านว่าแต่ละบ้านมีชาวบ้านกี่คน แต่ชาวบ้านไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ เลยลังเลในการให้ความร่วมมือ เพราะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของอุทยานฯ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าการตั้งด่านทั้ง 6 จุด เป็นการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อต้องการตัดเส้นทางลำเลียงอาหารให้กับชาวบ้านบางกลอยโดยเฉพาะข้าว เพราะต้องการไม่ให้เรามีสิทธิในการทำกิน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีการให้ข่าวไปว่าทางผู้บริหารจะเจรจากับชาวบ้าน แต่นี่ยังไม่มีการเจรจาใดๆ ก็ปฏิบัติการไปก่อน

“เมื่อเช้าเขายังพยายามให้ข่าวเรื่องการลักลอบยิงสัตว์ป่า โดยพยายามโยงให้ถึงชาวบ้านบางกลอย จริงๆ ควรแยกแยะให้ชัดว่าใครทำผิด หากใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด ไม่ใช่พูดแบบเหมารวมเพื่อให้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านเป็นผู้ร้าย การใช้วิธีการแบบนี้มันแก้ปัญหาไม่ได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ชาวบ้านบางกลอย กล่าวว่า การที่ชาวบ้านบางกลอยจะเข้าหรือออกหมู่บ้าน ต้องมีหนังสือรับรองจากอุทยานฯ ถ้าใครไม่มีหนังสือก็ไม่ได้ผ่าน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกอึดอัดใจ เพราะไม่เคยมีการตรวจสอบลักษณะนี้มาก่อน ที่สำคัญคือชาวบ้านต่างรู้สึกกังวล และหวาดกลัวในสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเช่นนี้ เพราะเราไม่มีอาวุธปืน แต่เจ้าหน้าที่ถืออาวุธปืน จึงเกิดความกลัว

“เจ้าหน้าที่แอบซุ่มทั้งกลางวันกลางคืน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวั่นไหวมาก เราไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่มีหน่วยงานใดให้คำแนะนำ แม้แต่เจ้าหน้าที่กระทำกับชาวบ้าน แต่ในวันที่ 15 ก.พ. ชาวบ้านบางส่วนจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมสมทบกับพี่น้องกะเหรี่ยงและเครือข่าย เพื่อร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี เราอยากนำเรื่องราวที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กระทำกับพวกเราไปบอกเล่าให้นายกฯ และสาธารณะชนได้รับทราบ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ด้าน นายพชร คำชำนาญ คณะทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย จังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านบางกลอยในตอนนี้รู้สึกไม่เป็นธรรมมากกับชาวบ้านโดยสะท้อนให้เห็นว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ทั้งๆ ผ่านการเจรจาในเบื้องต้นร่วมกันมาแล้ว

โดยคณะทำงานจะร่วมกันหาข้อเท็จจริงร่วม เพื่อกันนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและมีกำหนดการว่าในวันที่ 19 ก.พ. เราจะลงพื้นที่รวมกัน แต่การลงพื้นที่ของอุทยานฯ ที่เกิดขึ้นและอ้างว่าต้องการเก็บข้อมูลในวันนี้นั้น ไม่เกี่ยวกับคณะทำงานฯ เพราะเราตกลงกันว่าการลงพื้นที่ต้องให้ภาคประชาชนลงพื้นที่ด้วยกัน

นายพชร กล่าวต่อว่า ในการประชุมครั้งก่อน คณะทำงานได้ข้อตกลงเรื่องกัน 2 เรื่องคือ 1.เรื่องการขนเสบียงให้ชาวบ้านบางกลอยนั้น ที่ประชุมเห็นว่าสามารถขนเสบียงไปให้ชาวบ้านได้ ทำให้ไม่เข้าใจว่าครั้งทำไมถึงตั้งด่านต่างๆ ไว้เหมือนสกัดกั้น อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องคดีความที่ไม่ให้ดำเนินการกับชาวบ้าน

“ครั้งก่อนที่ลงพื้นที่พบว่า อุทยานฯนำใบปลิวไปแจกชาวบ้าน เหมือนข่มขู่ ทำให้รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คุยกันไว้เลย ขณะที่บอกว่าเจรจากัน กลับปล่อยให้เจ้าหน้าที่คุกคามชาวบ้าน เราไม่รู้ทำอย่างไร เราพูดไม่ออก วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ทางเครือข่าย saveบางกลอย นัดกันเดินทางไปทำเนียบ เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี คงต้องนำเรื่องนี้หยิบยกมาพูดกัน” นายพชร กล่าว

วันเดียวกันภาคประชาชนในนามกลุ่มประชาชนผู้รักความเป็นธรรมและภาคี #SAVEบางกลอย ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณีพี่น้องกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เดินทางกลับบางกลอยบน-ใจแผ่นดินตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ภายหลังถูกอพยพโยกย้าย ถูกเผาบ้าน ยุ้งฉาง และตกหล่นจากกระบวนการเยียวยาโดยรัฐมากว่า 25 ปี การกลับไปยังผืนดินบรรพบุรุษเป็นความชอบธรรมของชุมชน ที่ต้องการยืนหยัดในการดำรงวิถีวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม และเป็นไปเพื่อปากท้อง ความอยู่รอด

แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ชาวบ้านถูกข่มขู่ด้วยมาตรการทางกฎหมาย ปิดกั้นการขนส่งเสบียงอาหาร และมีความพยายามในการสื่อสารเพื่อลดความชอบธรรมในการกลับสู่ใจแผ่นดิน รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรงครั้งใหม่ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี 2554 ในยุทธการตะนาวศรี

แถลงการณ์ระบุว่า จนถึงวันนี้ การแก้ปัญหาของชาวบ้านบางกลอยไม่มีความคืบหน้า รวมถึงมีสถานการณ์ความตึงเครียดในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก สืบเนื่องจากเหตุการณ์การสนธิกำลังกันของเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปในพื้นที่บ้านบางกลอยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ และทหารรบพิเศษที่ 1 แก่งกระจาน

“เรามีความห่วงกังวลต่อปฏิบัติการที่เกิดขึ้น เราเห็นว่าการดำเนินการเช่นนี้ของเจ้าหน้าที่รัฐคือการข่มขู่ คุกคาม และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ลักษณะไม่ต่างจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การดำเนินการเช่นนี้อาจนำไปสู่การกระทำรุนแรง ทั้งโดยการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้น และการสนธิกองกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปใช้ความรุนแรงกับชาวกะเหรี่ยงบางกลอย-ใจแผ่นดิน ดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในเหตุการณ์ยุทธการตะนาวศรี เมื่อปี 2553-2554” ในแถลงการณ์ระบุ

ในแถลงการณ์ระบุว่า เรายืนยันว่า การแก้ไขปัญหากะเหรี่ยงบางกลอยต้องใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นหลักการสำคัญในการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการสำรวจรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวบางกลอยอย่างละเอียดรอบด้าน อาทิ การจัดสรรที่ดิน การพัฒนาคุณภาพชีวิต การอพยพโยกย้ายชุมชนอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น

ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับชาวกะเหรี่ยงบางกลอยที่ประสบความเดือดร้อนอย่างแท้จริง โดยในระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่รัฐต้องมีบทบาทในการสนับสนุนกระบวนการทำงานแก้ไขปัญหา มิใช่กระทำการกดดัน สร้างความหวาดกลัว อันถือเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เดินหน้ากดทับและลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพี่น้องชาติพันธุ์ไม่จบสิ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน