เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดทั้งวันประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางเข้าชมนิทรรศการ “งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” อย่างเนืองแน่น เนื่องจากเป็นวันหยุด โดยรัฐบาลเปิดให้เข้าชมเป็นวันที่ 3 เมื่อประชาชนผ่านจุดคัดกรองมาแล้วเจ้าหน้าที่จะให้นั่งรอภายในเต็นท์ด้านทิศเหนือของมณฑลพิธีท้องสนามหลวงซึ่งจัดเตรียมไว้รองรับประชาชนจำนวน 10 เต็นท์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจกบัตรสีต่างๆ ที่ระบุรอบการเข้าชมและจะเรียกเมื่อถึงคิว โดยกำหนดเส้นทางเดินชมตามเข็มนาฬิกา ทำให้สามารถเข้าชมได้ครบทุกส่วนนิทรรศการ

นายสนสาร เทียนทอง อายุ 54 ปี กล่าวว่าเดินทางมาจาก จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะอยากมาชมความงดงามของพระเมรุมาศ พอได้เห็นกับตาแล้วรู้สึกถึงความสุดยอดของงานศิลปะและประติมากรรมต่างๆ ที่มีความอ่อนช้อยและเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ทั้งยังได้รับความรู้ต่างๆ เช่น การจัดแสดงต้นหญ้าแฝกที่ให้ความรู้ถึงคุณประโยชน์ที่มีอยู่มากมาย

ด้าน ด.ญ.รุจิรดา กานต์ไกรศรี อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนสาธิตพิบูลบำเพ็ญ จ.ชลบุรี กล่าวว่าเมื่อครั้งงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชมการถ่ายทอดผ่านทีวีเห็นพระเมรุมาศงดงามมาก เมื่อมาเห็นด้วยตาตัวเองรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ บนพระที่นั่งทรงธรรมจัดแสดงพระราชกรณียกิจและโครงการพระราชดำริต่างๆ ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ดีใจมากที่ได้มา

ทั้งนี้ ในเวลา 19.00-19.30 น. มีการแสดงโขนชุดพระนารายณ์ปราบนนทกบริเวณหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งจัดแสดงทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ทั้งหมด 8 ครั้งในตอนต่างๆ โดยเริ่มวันเดียวกันนี้เป็นวันแรก ส่วนเวทีด้านนอกฝั่งทิศเหนือมีมหรสพแสดงตลอดทั้งเดือน จำนวน 2 ช่วง ได้แก่ เวลา 18.00-19.30 น. และเวลา 20.00-22.00 น. รวมทั้งการประโคมดนตรีวันละ 10 วง บริเวณศาลาลูกขุน เวลา 08.00-17.00 น. สำหรับประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. ทุกวัน

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนเข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 2-30 พ.ย.2560 ณ ท้องสนามหลวง เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 9 และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย พร้อมศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ มรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า

“ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาพบว่าการเข้าชมนิทรรศการและพระเมรุมาศโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รัฐบาลอยากให้นิทรรศการครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่อยู่ในความทรงจำอันน่าประทับใจของประชาชน จึงไม่ต้องการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากเกินไป อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้เข้าชมบางส่วนอาจแสดงกิริยาไม่สำรวมหรือจับต้องสิ่งของที่จัดแสดง ซึ่งอาจทำให้วัตถุต่างๆ เสียหาย ประกอบกับแต่ละวันมีผู้เข้าชมจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบการเข้าชมเพื่อความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ แม้ปัจจุบันจะไม่ได้เปิดให้เข้าชมองค์พระเมรุมาศบริเวณชาลาชั้น 1 และ 2 แล้ว แต่ประชาชนยังสามารถเดินชมโดยรอบพระเมรุมาศและอาคารประกอบ รวมทั้งยังคงถ่ายภาพได้ตามปกติ” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่จะเข้าชมพระเมรุมาศจะต้องเดินผ่านจุดคัดกรองที่มีอยู่ 5 จุด ได้แก่ บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ท่าช้าง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และด้านหลังกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าสู่เต็นท์พักคอยที่จัดไว้รองรับ เจ้าหน้าที่จะแบ่งประชาชนออกเป็นชุด ชุดละ 300 คน โดยให้เข้าชมชุดละ 45-60 นาที เริ่มเดินวนด้านซ้ายตลอดองค์พระเมรุมาศเพื่อเข้าชมนิทรรศการในศาลาลูกขุน แล้วเข้าชมพระที่นั่งทรงธรรม ก่อนเดินผ่านด้านหลังพระที่นั่งออกไปที่ท้องสนามหลวงด้านทิศใต้ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมือง ทุกคนสามารถชมนิทรรศการได้ครบถ้วนทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากประชาชนที่จะเข้าชมนิทรรศการปฏิบัติตามระเบียบและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเหมาะสม ทั้งการแต่งกายที่สุภาพ การแสดงกิริยาอาการที่สำรวม ไม่จับต้องสิ่งของที่จัดแสดง รวมทั้งควรมอบน้ำใจเอื้ออาทรให้แก่กัน เนื่องจากในแต่ละวันมีผู้เข้าชมจำนวนมาก

“นายกรัฐมนตรีอยากให้คนไทยใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวความรู้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ตลอดจนแนวคิดและการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมไทยที่วิจิตรงดงาม สืบทอดเป็นมรดกแก่ลูกหลานมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนข้อเสนอของสังคมที่อยากให้ขยายระยะเวลาการเข้าชมนิทรรศการออกไปอีกนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน