พีมูฟ-เซฟบางกลอย ยุติชุมนุมหน้าทำเนียบ ท้า ประยุทธ์ พูดมาเลย ซัดใครอยู่เบื้องหลังชาวบ้าน เผยยอมกลับพื้นที่ ให้เวลา คณะกรรมการทำงาน
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
วันที่ 17 มี.ค.64 นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ) เปิดเผยถึงท่าทีของพีมูฟและภาคีเซฟบางกลอย ที่ ปักหลักชุมนุมบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า ขณะนี้ พีมูฟ และภาคีเซฟบางกลอย ยุติการชุมนุมตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ถอนกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดแล้ว
เพื่อเปิดโอกาสให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงนามแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ลงไปทำงานในพื้นที่บ้านบางกลอยเสียก่อน
- ‘บิ๊กตู่’ ซัดคนอยู่เบื้องหลังเสี้ยม กะเหรี่ยงบางกลอย ย้ำชัดกลับใจแผ่นดินไม่ได้ อ้างคนไทยไม่พอใจ
- ปิดประตูกลับบ้าน! ‘บิ๊กตู่’ ลั่น ‘กะเหรี่ยงบางกลอย’ กลับ ใจแผ่นดินไม่ได้
- “บิ๊กตู่” ตั้ง คกก.แก้ปัญหา กะเหรี่ยงบางกลอย จี้ยุติดำเนินคดี-ให้กลับ ‘ใจแผ่นดิน’
นายประยงค์ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเดินทางไปพื้นที่บ้านบางกลอย ในวันที่ 18 มี.ค. แต่ยังไม่ได้ไปเต็มคณะ ในครั้งนี้ผู้ที่เดินทางลงพื้นที่ อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการ ชุดที่นายกฯตั้งขึ้น และนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะทำงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ส่วนพีมูฟจะลงไปทำความเข้าใจและเตรียมข้อมูลต่าง ๆ หากคณะกรรมการฯชุดดังกล่าวต้องการสอบถาม รวมไปถึงเรื่องของการประสานงาน ดูแลแก้ไขความเดือดร้อนเฉพาะหน้าในพื้นที่บ้านบางกลอย เช่น อาหาร ข้าวสาร เรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบการใช้ที่ดินของชาวบ้านที่มีปัญหาอยู่ การประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และตอนนี้เราก็ได้ลงไปอยู่ในพื้นที่แล้ว เพื่อเตรียมตัวที่จะประสานงานการลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อไปดูข้อเท็จจริง และกลับมาเร่งให้มีการประชุมนัดแรก
เพราะ ร.อ.ธรรมนัส และ นายประสาน ยังไม่เคยลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านโดยตรง นอกจากนี้ยังมีการประสานงานกับแนวร่วมต่างๆ เพื่อที่จะระดมความช่วยเหลือ เช่น กลุ่มเครือข่ายชาวเลภาคใต้ ที่จะขึ้นมาร่วมกิจกรรม กับชุมชนบ้านบางกลอย รวมไปถึงกลุ่มอื่นๆ หากจะมาร่วมทำกิจกรรมในพื้นที่ พีมูฟก็จะประสานงานให้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกฯให้สัมภาษณ์อีกครั้ง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 มีนาคมโดยยังระบุชาวบ้านไม่สามารถกลับขึ้นไปอยู่ที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดินได้ นายประยงค์ กล่าวว่า ชาวบ้านเองก็แปลกใจ เพราะหลังจากที่ได้ขึ้นรถกลับเมื่อเย็นวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา และยังไม่ทันกลับถึงบ้านบางกลอย ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้คณะกรรมการต้องสรุปอย่างที่นายกฯกล่าวหรือไม่ ซึ่งก็ไม่แน่ใจ และชาวบ้านก็เกิดความไม่เชื่อมั่น และหวาดระแวง
นายกฯควรให้กรรมการชุดนี้ทำงานได้อย่างอิสระ และผลกลับมาเป็นอย่างไรจึงค่อยแสดงความเห็นในฐานะที่เป็นผู้จัดตั้งคณะกรรมการ คิดว่าน่าจะเหมาะสมกว่า และการที่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้เหมือนเป็นการชี้นำการทำงานของคณะกรรมการที่เพิ่งตั้งขึ้นด้วย
นายประยงค์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่ติดใจคือการที่นายกฯกล่าวว่าไม่ได้โทษชาวบ้าน แต่โทษว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเบื้องหลังนี้หมายถึงพีมูฟ หรือหมายถึงเบื้องหลังทางการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจ พูดออกมาเสียเลยว่าเป็นใคร เป็นพีมูฟ เป็นคุณประยงค์ หรือเป็นคุณธนาธร คณะก้าวหน้า ก็พูดกันให้ชัด แต่พูดคลุมเครือแบบนี้ ก่อให้เกิดความสับสนต่อสังคม
เมื่อถามถึงท่าทีต่อไปของจากนี้ของพีมูฟ นายประยงค์ กล่าวว่า ในส่วนของพีมูฟคิดว่ายังไม่มีอะไร แต่คงทำให้ความเชื่อมั่นเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว ที่ถูกฉีกเอ็มโอยู ทำให้ความคิดนี้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาบางกลอยมากน้อยแค่ไหน
“สิ่งที่อยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีคือขอให้แยกแยะปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กับเรื่องปัญหาการเมือง ใครที่มาเยี่ยมเยียนพี่น้อง หรือคนที่ประสบปัญหาอยู่ หรือมาให้กำลังใจ ไม่ควรเชื่อมโยงไปว่าเป็นภาพทางการเมือง ทุกคนมีสิทธิที่จะมาเยี่ยมมาให้กำลังใจ หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็น
เพราะเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย ถ้านายกรัฐมนตรีเห็นต่าง ก็สามารถโต้แย้งในเชิงเหตุ เชิงผลได้
แต่ถ้ามองว่าคนที่มาสนับสนุนชาวบ้าน กลายเป็นเรื่องฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลไปหมด ก็คิดว่าจะทำให้ปัญหาแก้ยาก และฟังดูแล้วเหมือนนายกรัฐมนตรีหวาดระแวงไปหมด ว่าใครก็ตามที่มาสนับสนุนคนที่เดือดร้อน หรือคนที่เรียกร้องปัญหาต่างๆ กลายเป็นฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลไปเสียหมด ปัญหามันก็จะแก้ไม่ได้” นายประยงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังจากที่พีมูฟ-ภาคีเซฟบางกลอย ได้ยุติการชุมนุมแล้วได้หรือถอน เต็นท์ที่เคยใช้ปักหลักนอนค้างออกจนหมด ทำให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า จึงได้ขยายพื้นที่การชุมนุมมาอยู่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐแทน