สุรเชษฐ์ ซัด ประยุทธ์ ลงพื้นที่วัดบารมีกับ ประวิตร แทนที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมให้เป็นระบบ แนะประสานเครือข่ายโทรศัพท์ส่ง SMS แจ้งประชาชน

เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2564 นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบกว่านี้ แต่สิ่งที่ประชาชนเห็นคือภาพของพล.อ.ประยุทธ์ ตระเวนลงพื้นที่เพื่อวัดบารมีกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ด้วยจำนวน ส.ส.ที่มาเข้าแถวต้อนรับ

“ปัญหาน้ำท่วมอยู่คู่กับสังคมไทยมานาน เดี๋ยวแล้ง เดี๋ยวท่วม เป็นหลักฐานชัดเจนว่า การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลล้มเหลว พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 7 ปีกว่า ใช้เงินไปหลายล้านล้านบาท ต้องถามว่าได้แก้ปัญหาอย่างคุ้มค่ากับเวลาและภาษีที่ผลาญไปหรือไม่ หรือแค่อยู่ไปวันๆ พอเกิดปัญหาก็ลงไปเพื่อถ่ายรูป แล้วบอกให้ประชาชนสวดมนต์ไล่พายุ” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า นายกฯ ควรมีวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง บางพื้นที่อาจแก้ไม่ได้ หรือจำเป็นต้องใช้งบประมาณมากหรือระยะเวลานาน ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ใช่ไล่ไปสวดมนต์ ส่วนในระยะสั้นหรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ควรมีการแจ้งเตือนประชาชนให้ได้ยกของ หรือกรณีเขื่อนแตกก็ต้องแจ้งเตือนให้เร็ว เพื่อจัดการอพยพโดยด่วน

นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้มีหลายแอพพลิเคชั่น แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์ รัฐบาลทำได้แค่ส่งข้อความครอบจักรวาล เช่น ระวัง 24-26 ก.ย. 64 พายุเข้าอีสาน เหนือ กลาง มีฝนตกหนัก-เสี่ยงน้ำท่วม หลายคนที่ได้รับข้อความจึงไม่รู้สึกว่าเป็นประโยชน์ เพราะพื้นที่ที่แจ้งเตือนกว้างมาก ไม่ตอบโจทย์ขณะเดียวกันยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับข้อความเตือนภัยเลย

นายกฯ ควรทราบว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้ไปไกลมาก อยากให้ไปดูตัวอย่างที่ดีจากในต่างประเทศ แล้วสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ส่ง SMS แจ้งเตือนเฉพาะเบอร์ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หากนายกฯ ยังไม่ทราบ ก็จงทราบเสียว่า กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เคยลงนามในข้อตกลงร่วมกันว่า จะต้องมีการแจ้งเตือนภัยธรรมชาติผ่าน SMS ตั้งแต่เดือนส.ค. 2563 หน้าที่ของนายกฯ คือทำอย่างไรให้ข้อมูลที่ไปถึงประชาชน มีประโยชน์จากความร่วมมือนี้

ข้อความเตือนภัยควรมีลิงก์นำไปสู่แผนที่ที่มี Polygon แสดงขอบเขตระดับความเสี่ยงที่ชัดเจน ไม่ใช่ประกาศเป็นรายภาค รายจังหวัด รายอำเภอ แบบเป็นรายชื่อแบบหยาบๆ อย่างที่ทำอยู่ เทคโนโลยีจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ผู้นำต้องมีปัญญาขับเคลื่อนอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ใช้ไสยศาสตร์ไล่ประชาชนให้ไปสวดมนต์

นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ภาคกลางตอนล่างที่เขื่อนตอนบนเริ่มมีการระบายปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นลงสู่ท้ายเขื่อน ทำให้ปริมาณน้ำจึงสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มท่วมบางพื้นที่แล้ว เช่น อำเภอบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าน่าจะขยายเป็นวงกว้างไปอีกหลายจุด

จึงอยากให้รัฐบาลเร่งจัดการระบบแจ้งภัยดังที่แนะนำไป เพื่อให้อย่างน้อยที่สุด ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์และมีเวลาเตรียมตัวไม่น้อยกว่า 4-5 ชั่วโมง หรือหากเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนก็ออกมาได้ทันท่วงที ไม่อยากให้มีภาพที่น้ำมาถึงแล้วยังมีประชาชนติดอยู่บนหลังคาเพื่อรอกู้ภัยมาช่วยเกิดขึ้นอีก ผู้ป่วยติดเตียง คนชรา หรือกลุ่มเปราะบางควรมีระบบช่วยเหลือเพื่อโยกย้ายไปดูแลให้ความปลอดภัย

ทั้งนี้ หากไม่มีระบบเตือนภัยที่ดีและไม่มีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ประชาชนพื้นที่เหล่านี้ จะกลายเป็นผู้รับกรรมที่เขาไม่ได้ก่ออยู่ร่ำไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน