ขนมไทยใครว่าเฉิ่ม! “ขนมเทียนแก้วเนื้อเจลลี่” อาชีพเสริมนักศึกษา ขายหมด 1,000 ลูก ใน 15 นาที สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน
จากเมนูขนมเทียนธรรมดาๆ ที่ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นเฉพาะช่วงเทศกาล แต่สาวน้อยวัย 22 ปีคนนี้ กลับนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจ ‘ขนมเทียนแก้วเนื้อเจลลี่’ ที่ถูกนำมาปรับแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น และทำคอนเทนต์จนประสบความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่ง
นี่เป็นเรื่องราวของ คุณครีม-นลินพร กกรัมย์ อายุ 22 ปี เจ้าของร้าน เทียนแก้ว ที่ขายขนมเทียนแก้วเนื้อเจลลี่เป็นอาชีพเสริม เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ หลังจากว่างจากการเรียน โดยจะเปิดเป็นล็อกเล็กๆ มีเพียงโต๊ะ 1 ตัว ซึ่งเธอใช้ระยะเวลาเพียง 5 เดือนในการตีตลาด และดึงดูดความสนใจของลูกค้า จนสามารถทำสถิติขายหมด 1,000 ลูก ภายในเวลา 15 นาที สร้างยอดขายพีกสุด 5,000 บาทต่อวัน หรือประมาณหลักหมื่นต่อเดือน
“ขนมไทยใครว่าเฉิ่ม วัยรุ่นลองแล้วจะรู้ว่าคล้ายโมจิ”
คุณครีม เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่อยากนำขนมเทียนแก้วมาตีตลาดวัยรุ่นนั้น มาจากการที่ครอบครัวของแฟนเธอทำขนมเทียนแก้วขายอยู่แล้ว และเธอนั้นก็ได้ไปช่วยทำอยู่บ่อยๆ ทำให้เกิดไอเดียที่ว่า
“ขนมไทยมีเทกซ์เจอร์คล้ายเยลลี่หรือโมจิแบบที่วัยรุ่นชอบกิน จึงคิดว่าน่าเอามาขายและลองตีตลาดวัยรุ่นดู”
เพราะโดยปกติแล้วขนมเทียนที่เราเห็นตอนไหว้เจ้านั้น จะมีเทกซ์เจอร์ที่ไม่ได้ยืด แป้งจะมีความหนา แต่ถ้าเป็นขนมเทียนแก้วจะให้ความรู้สึกนุ่ม แป้งไม่หนา และไม่ติดมือ ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจ
อีกทั้งก่อนหน้านี้เธอเคยเอาขนมเทียนแก้วไปขายให้เพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับดีเกินคาด สามารถขายได้ประมาณ 10-15 กิโลเลยทีเดียว เธอจึงเกิดความคิดที่ว่า “ขนาดเพื่อนๆ ยังชอบกิน ถ้าสมมติลองไปเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น ที่เขาไม่เคยเห็น ไม่เคยกิน อาจจะทำให้ได้ยอดขายเพิ่้มก็เป็นได้”
สำหรับขนมไทยนั้น ในความคิดของหลายๆ คนอาจจะคิดว่า แค่เห็นห่อใบตองก็รู้สึกไม่อยากกินแล้ว แต่สำหรับร้านเทียนแก้วนั้นทำให้ขนมไทย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น
“ไม่มีคนซื้อเลย มีแต่คนเดินผ่าน”
ช่วงแรกที่เอาขนมเทียนแก้วไปขาย เธอเล่าว่า ตอนนั้นยังไม่ได้มีการทำคอนเทนต์ลงโซเชียล อีกทั้งลูกค้าบางคนก็คิดว่า “ขนมเทียนกินได้เฉพาะช่วงเทศกาล” หรือลูกค้าบางคน อาจจะคิดว่ากินแล้วเลอะมือ ทำให้ไม่อยากซื้อ ทำให้เริ่มแรกเธอเอาขนมเทียนแก้วไปขายน้อยมาก มีประมาณ 100 ลูกเท่านั้น
ต่อมาจึงได้มีการปรับกลยุทธ์ ทำคอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ติ๊กต็อก และมีการถ่ายคลิปวิดีโอ ว่าขนมของเธอมีจุดเด่นยังไง และมีความอร่อยจริงๆ ไม่ได้จ้างหน้าม้ามารีวิว
“แรกๆ ขายได้ประมาณ 400-500 บาท แต่ปัจจุบันขายได้ประมาณ 5,000 บาท เพราะด้วยความที่ติดเรียน บางครั้งอาจจะขายได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และทุกวันนี้เราเอาไปขายได้แค่ 20 กิโล เพราะว่าขับรถมอเตอร์ไซค์จากบ้านไปตลาดเซฟวันโก ระยะทางประมาณ 40 กิโล ทำให้ไม่สามารถเอามาได้เยอะ”
ใส่ใจทุกขั้นตอน
บางคนอาจจะคิดว่าขนมเทียนแก้วมีราคาสูง แต่อาจจะต้องคำนึงถึงค่าจิปาถะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่ากล่อง ค่าสติกเกอร์ ค่าใบตอง ฯลฯ บวกกับกรรมวิธีการทำที่ต้องใช้เวลา เพราะขนมเทียนแก้วเป็นขนมที่ค่อนข้างหาทานยาก ไม่ค่อยมีคนทำ อีกทั้งยังทำยากกว่าขนมเทียนปกติ
บางครั้งมีลูกค้าถามเธอว่า “ทำไมใบตองยังสดอยู่ทั้งๆ ที่เอาไปนึ่ง” นั่นก็เพราะว่า การเลือกใบตอง ทางร้านจะเลือกใบตองที่ได้คุณภาพ เมื่อนึ่งออกมาแล้ว ใบตองยังมีสีเขียวสด ไม่ดำและเหี่ยว
ทำไมถึงเลือกทำเลเป็น “ตลาดเซฟวันโก”
“รู้สึกว่าตลาดนี้เป็นตลาดที่มีเจ้าของเป็นอินฟลูฯ และมีการทำคอนเทนต์รีวิวตลาดอยู่เรื่อยๆ ทำให้มีเหล่าเอฟซีมาเดินตลาดนี้เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น”
ขายหมด 1,000 ลูก ภายใน 15 นาที
“ลูกค้ายืนรอกันแถวยาว จนเราไม่ได้ทันตั้งโต๊ะ คือเปิดร้านมา 15 นาทีขายหมดเลย 1,000 ลูก”
กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ประมาณ 70% จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา และอีกประมาณ 30% เป็นวัยทำงาน ซึ่งเธอจะมาตั้งร้านขายประมาณ 16.30 น. แต่เธอเล่าว่า ลูกค้าบางคนมารอตั้งแต่บ่าย 3 โมง ซึ่งมาไกลจากแม่สอดเลยทีเดียว และในช่วงที่เป็นกระแสมากๆ เพราะคลิปเป็นไวรัลมียอดวิวสูงถึง 6 ล้านวิว ทำให้มีกระแสมาเรื่อยๆ
@teinkaew ตอบกลับ @Joey Drawing เทียนแก้วกี่กล่องดีคะ🥹♥️🙏🏻 #เทียนแก้วเซฟวัน #เซฟวันgo #ตลาดเซฟวันgo #fypシ゚viral ♬ 原聲 – 娛樂特派員
ฝากข้อคิดให้ผู้ประกอบการ
“ถ้าจะค้าขาย ควรมองว่าตลาดไหนน่าสนใจ ถ้าไปแล้วสามารถทำคอนเทนต์ได้ไหม เพราะถ้าตีตลาดแตก ตีติ๊กต็อกแตกก็คือจบ และในเรื่องของฝีมือ ถ้าสมมติว่าเราพรีเซนต์ของที่จะขายว่ามันดียังไง และมีลูกค้าตามมากินแล้วอร่อย ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว”
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567