รู้จัก “K-9” ฮีโร่สี่ขาผู้กล้าหาญ สายพันธุ์ไหนได้รับความนิยม? สุนัขส่วนตัวฝึกเป็นสุนัข K-9 ได้หรือไม่!
หลังจากประเทศไทยได้ประสบกับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด ที่เกิดขึ้นบริเวณใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา หลายพื้นที่โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและภาคเหนือที่สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน
แม้ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวจะอยู่นอกประเทศ แต่ความรุนแรงก็ส่งผลกระทบมาถึงไทย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พื้นที่ที่มีอาคารสูง อย่างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เกิดการพังถล่ม ส่งผลให้มีทั้ง ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้สูญหาย เป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนไทยไม่ค่อยมีประสบการณ์จริงกับการรับมือเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
เพื่อเร่งตามหาผู้ที่ติดอยู่ภายในซากอาคารให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญจึงได้ร่วมมือประสานกันทำงาน มีทั้งหน่วยหุ่นยนต์และโดรนคอยให้การสนับสนุนในการออกสำรวจในพื้นที่เสี่ยงอันตรายสำหรับมนุษย์ และพื้นที่แคบๆ ที่ยากต่อการเข้าถึง
อีกทั้งยังขาดไปไม่ได้กับอีกหนึ่งฮีโร่สี่ขาอย่าง “สุนัข K-9” ที่เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการทำภารกิจกู้ภัย ด้วยความสามารถในการดมกลิ่นและระบุพิกัดอย่างแม่นยำ
วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพามาทำความรู้จักกับ “ปฏิบัติการสุนัข K-9” ว่าพวกเขามีบทบาทหน้าที่อะไร? จำเป็นต้องเป็นสุนัขตำรวจเท่านั้นหรือไม่? และสามารถเป็นอีกหนึ่งอาชีพทางเลือกของคนรักสัตว์เลี้ยงได้หรือเปล่า?
สุนัข K-9 คืออะไร?
ที่มาของชื่อ “K-9 (เคไนน์)” มาจากคำว่า “Canine” ในภาษาลาติน มีความหมายว่า “สุนัข” ซึ่งได้ถูกนำมาใช้เรียกแทนสุนัขที่ได้รับการฝึกฝนมาเพื่อใช้ทำงาน เช่น สุนัขตำรวจ สุนัขทหาร และสุนัขกู้ภัย
ในประเทศไทย การนำสุนัข K-9 มาใช้ในการทำงานของตำรวจมีมาประมาณ 60 ปีก่อน จากการริเริ่มของ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ได้ให้ตำรวจไปศึกษาต่อด้านการฝึกสุนัขที่ต่างประเทศและนำความรู้ที่ได้พร้อมสุนัขนั้นกลับมาถ่ายทอดความรู้ จนกองกำกับการตำรวจสุนัขและม้าได้ถือกำเนิดขึ้น ปัจจุบันหน่วย K-9 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจนครบาล
การเข้าร่วมหน่วยและสายพันธุ์
กว่าจะได้เป็นสุนัข K-9 นั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากสุนัขที่ต้องการจะเข้ารับการฝึกได้ ต้องผ่านการคัดเลือกคุณลักษณะเสียก่อน อีกทั้งยังต้องผ่านการฝึกฝนที่เข้มงวด เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมทำภารกิจในสนามจริง ซึ่งหลังจากที่ผ่านการคัดเลือกแล้วจึงจะสามารถเลือกสายงานตามที่ถนัดได้ และมีกำหนดการเกษียณอายุตอนอายุ 8 ปี ซึ่งหลังจากเกษียณ สุนัข K-9 จะถูกนำส่งประมูลเพื่อหาบ้านใหม่
สายพันธุ์สุนัข K-9 ที่ได้รับความนิยม
– ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)
– เยอรมันเชพเพิร์ด (German Shepherd) หรือแอลเซเชียน
– ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)
– โดเบอร์แมนพินเชอร์ (Doberman Pinscher)
– บลัดฮาวด์ (Bloodhound)
– เบลเยียมมาลินอยส์ (Malinois)
– บีเกิ้ล (Beagle)
บทบาทหน้าที่ของสุนัข K-9
1. การค้นหาและกู้ภัย (Search and Rescue – SAR)
สุนัข K-9 มีบทบาทสำคัญในการค้นหาผู้รอดชีวิตจากสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรืออุบัติเหตุที่มีการพังทลายของอาคาร เพราะสามารถดมกลิ่นมนุษย์ได้แม่นยำและรวดเร็ว โดยใช้ความสามารถในการระบุพิกัดที่มีมนุษย์ติดอยู่ภายในซากอาคารหรือพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ทำให้การค้นหาผู้รอดชีวิตทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. การตรวจจับวัตถุระเบิด (Explosive Detection)
สุนัข K-9 ที่ได้รับการฝึกในด้านการตรวจจับสารระเบิด (Explosive Detection Dogs – EDD) สามารถค้นหาวัตถุระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัยได้ด้วยการดมกลิ่นที่ไวมากแม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย มักจะถูกใช้งานในสนามบิน, จุดตรวจสอบในพื้นที่เสี่ยง หรือสถานที่ที่ต้องการการป้องกันความปลอดภัย
3. การตรวจจับยาเสพติด (Narcotics Detection)
สุนัข K-9 ที่ฝึกมาเพื่อการตรวจสอบยาเสพติด (Narcotics Detection Dogs) จะใช้ความสามารถในการดมกลิ่นเพื่อค้นหายาเสพติดในสถานที่ต่างๆ สามารถระบุสารเสพติดที่ถูกซ่อนไว้ได้จากกลิ่นที่พวกมันรับรู้ ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการขนส่งยาเสพติด
4. การปฏิบัติงานกับตำรวจ (Police and Security Work)
สุนัข K-9 มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะในการจับกุมผู้ต้องสงสัยหรือการติดตามคนร้าย สุนัขที่ได้รับการฝึกสำหรับการจับกุม (Patrol Dogs) สามารถช่วยเจ้าหน้าที่ในการเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และยังช่วยในการตรวจสอบพื้นที่และค้นหาหลักฐานสำคัญที่ซ่อนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุได้
5. การสนับสนุนการป้องกันฝูงชน (Crowd Control)
สุนัข K-9 มีบทบาทในการสนับสนุนการควบคุมฝูงชนในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การประท้วง หรือการรักษาความสงบในพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก สามารถช่วยควบคุมสถานการณ์ได้โดยการทำให้คนเคารพคำสั่งของเจ้าหน้าที่ หรือเตือนให้รู้การกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
6. การช่วยเหลือผู้พิการ (Assistance Dogs)
สุนัข K-9 มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้พิการทางร่างกาย เช่น สุนัขนำทางสำหรับผู้พิการทางสายตา หรือช่วยผู้ป่วยโรคลมชัก สุนัขที่ได้รับการฝึกฝนพิเศษในด้านนี้สามารถช่วยเหลือเจ้าของได้ในการเดินทางในที่สาธารณะหรือในชีวิตประจำวัน เช่น การนำทางผู้พิการทางสายตาผ่านถนนที่มีการจราจรหนาแน่น หรือการตอบสนองเมื่อเจ้าของเกิดอาการชัก
7. การช่วยในการรักษาความปลอดภัย (Security Patrol)
สุนัข K-9 สามารถใช้ในงานรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่างๆ ได้ เช่น อาคารราชการ, สถานที่สำคัญ หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง สุนัขสามารถตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาสิ่งผิดปกติหรือคนที่เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะช่วยให้สามารถเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด
8. การช่วยในการค้นหาหลักฐาน (Evidence Recovery)
สุนัข K-9 ยังสามารถใช้ในการช่วยค้นหาหลักฐานในคดีต่างๆ เช่น คดีอาชญากรรม หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ค้นหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ ค้นหาสิ่งของที่ถูกซ่อนไว้ หรือระบุพิกัดที่ต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติม
ทำไมต้องใช้สุนัขในการกู้ภัย?
สาเหตุที่สุนัขถูกเลือกให้เป็นกำลังหลักในภารกิจกู้ภัยและค้นหาผู้รอดชีวิต เนื่องจากมีความสามารถเฉพาะตัวที่เหนือกว่าสัตว์อื่นๆ ในหลายด้าน
ทั้งประสาทการดมกลิ่นที่ไวมากกว่ามนุษย์และสัตว์อื่นหลายเท่า ความสามารถทางกายภาพสูงทำให้คล่องตัว มีความฉลาดทำให้ง่ายต่อการฝึกฝน มีการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดี ทนต่อสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถทำงานเป็นทีมได้ดี ทำให้การค้นหาผู้รอดชีวิตมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสุนัขจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับภารกิจ K-9 แทนที่จะเป็นสัตว์ชนิดอื่น
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว การนำสุนัขส่วนตัวมาฝึกเป็นสุนัข K-9 นั้นมีข้อจำกัด เนื่องจากสุนัข K-9 ต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน แต่สุนัขส่วนตัวสามารถมีส่วนร่วมในงานช่วยเหลือสังคมได้ในรูปแบบอื่นๆ เช่น สุนัขกู้ภัยอาสา หรือการฝึกฝนส่วนตัว
แหล่งที่มา :
หลายคนในแวดวงธุรกิจอาหารเริ่มออกมาพูดถึงเหตุการณ์เศรษฐกิจที่ถดถอยลง ส่งผลกระทบถึงหลายๆ ร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารสตรีตฟู้ด คาเฟ่ หรือแม้กระทั่งร้านอาหารมิชลินต่างก็เจอกับยอดขายที่ลดลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าปีนี้คำว่า “เผาจริง” ไม่ได้เป็นแค่คำเปรียบเปรย แต่กำลังจะกลายเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นจริง ที่จะส่งผลกระทบทุกหย่อมหญ้า ผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของยอดขายที่ลดลงเท่านั้น แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่งคือ ‘พฤติกรรม’ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม ที่พร้อมจ่ายเพื่อรับประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานอาหาร แต่ตอนนี้หลายคนเริ่มหันมาจับจ่ายแบบระมัดระวังมากขึ้น เช่น การเลือกทำกับข้าวกินเองที่บ้าน หรือเลือกใช้บริการสั่งอาหารผ่านดีลิเวอรี แทนการไปนั่งกินที่ร้าน โดยเสียงสะท้อนจากหลายๆ ผู้ประกอบการ ณ ตอนนี้ มักจะแนะนำว่า “ถ้ามีเงินก้อนตอนนี้ อย่าเพิ่งลงทุนอะไรหนักๆ เก็บเงินสดไว้ก่อนจะดีกว่า” นั่นก็เป็นเพราะว่าในช่วงนี้สินค้าหรือวัตถุดิบก็ได้มีการปรับขึ้นราคากันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีในเรื่องของภาษีจากสหรัฐฯ ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ และเมื่อต้นทุนสูงขึ
ในวงการขนมหวานชื่อดังเมืองเพชรบุรี หากพูดชื่อ “โรงงานลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์” ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะเรื่องความอร่อย สดใหม่ การชูวัตถุดิบดั้งเดิมในท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดย โจ้-ประวิทย์ เครือทรัพย์ ทายาทรุ่นที่ 3 ได้ผันตัวจาก “พ่อค้าขายขนมในออฟฟิศ” ปรับตัว คิดนอกกรอบ สร้างความต่าง มาต่อยอดธุรกิจครอบครัว และเคยได้รับรางวัล Inventor Awards จากเวที 7 Innovation Awards 2024 ล่าสุดพัฒนาสินค้าใหม่ “ขนมหม้อแกงกะทิสดเผือกหอม ลุงอเนก” ส่งขายเฉพาะร้านเซเว่นฯ และสามารถแจ้งเกิดหลังวางจำหน่ายได้ภายใน 2 เดือน กลายเป็นสินค้า SME ขายดี สร้างยอดขายกว่า 400,000 บาทต่อวัน โจ้-ประวิทย์ เครือทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรบุรี ไทยดีเสิร์ท จำกัด ผู้บริหารหนุ่มลูกหลานเมืองเพชร วัย 42 ปี เล่าถึงความเป็นมาว่า ธุรกิจนี้เริ่มต้นจากขนมไทยรสชาติต้นตำรับรุ่นคุณย่า ที่ได้รับการสืบทอดเรื่อยมาจนมีโรงงานลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์ ที่หมู่บ้านลาดโพธิ์ ต.สํามะโรง จ.เพชรบุรี เป็นโรงงานผลิตขนมไทยโบราณ ไม่ว่าจะเป็น หม้อแกง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ถ้วยฟู ฯลฯ ที่คงรสชาติแต่โบราณ และคงวัตถุดิบท้องถิ่น ส่
ใครจะไปคิดว่าเพลงโปรโมตสินค้าธรรมดาๆ จะกลายเป็นไวรัลใน TikTok จนมีคนนำเพลงในแผ่นเสียงไปใช้ทำคอนเทนต์เป็นหมื่นคลิปในเวลาไม่กี่สัปดาห์ “เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์” คือเพลงที่ “คุณยุทธ” เจ้าของช่อง “ยุทธ เมืองสุรินทร์” แต่งขึ้นมาเพื่อหวังจะขายสินค้าในแบบฉบับที่ใช้เพลงในการขาย แต่ทว่าเมื่อปล่อยเพลงไปแล้ว ผลตอบรับดีเกินคาด เนื้อเพลงและทำนองดันติดหู ร้องตามง่าย จนกลายเป็นมีมเสียงใหม่ที่เป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว ซึ่งในคลิปต้นฉบับมีการโพสต์แคปชันสั้นๆ ว่า “เยลลี่ รสผลไม้ #เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์ #ยุทธเมืองสุรินทร์” อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ผลลัพธ์คือยอดวิวพุ่งสูงถึง 6.7 ล้านครั้ง และแผ่นเสียงถูกนำไปใช้มากกว่า 2 หมื่นคลิป ส่วน ‘เนื้อหา’ ในคลิปจะถือตัวสินค้าที่เป็นเยลลี่ และออกท่าทางเต้นตามเพลงเบาๆ ต่อมาในส่วนของ ‘เนื้อเพลง’ จะร้องว่า “เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์ ใครได้เห็นก็ต้องอยากกิน โคตรอร่อยเคี้ยวเพลินนุ่มลิ้น จะไปบอกแม่ ว่าหนูอยากกิน” ความหมายของเนื้อเพลงก็ตรงตัว ไม่ต้องคิดเยอะว่าแต่ละประโยคแปลว่าอะไร เพราะในเนื้อเพลงบอกครบแล้ว ว่าตัวสินค้าที่จะโปรโมตคือเยลลี่ ของร้านคุณยุทธ ที่อยู่จังหวัดสุรินทร์
‘ช่างชุ่ย ครีเอทีฟ พาร์ค’ ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งศิลปะและความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ล่าสุด ได้สร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่ให้วงการศิลปะ โดย ‘คุณลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง อย่าง FLYNOW และ ผู้เนรมิต ช่างชุ่ย ครีเอทีฟ พาร์ค สนับสนุนให้มีการจัดนิทรรศการเดี่ยวในรอบ 9 ปี ‘ARCH OF LINECENSOR : PERFECT STORM’ ของ ‘Linecensor’ ศิลปินสตรีตอาร์ตชื่อดังของไทย นำผลงานจิตรกรรมและประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีซมาจัดแสดง พร้อมผลงานสุดอลังการ มีขนาดใหญ่สุดถึง 8 เมตร จัดขึ้นที่อาคาร ChangChui Gallery ซึ่งเต็มไปด้วยความคึกคัก จากเซเลบชื่อดัง และผู้ที่ชื่นชอบในงานศิลปะ คุณเกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ หรือที่รู้จักในชื่อ Linecensor กล่าวว่า “ผมไม่ได้จัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวที่ประเทศไทยมานานหลายปี เลยอยากนำผลงานจิตรกรรมระดับมาสเตอร์พีซ ทั้งงานใหม่ ประมาณ 7-8 ชิ้น และผลงานจากนักสะสมที่หลายคนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนมาจัดแสดง โดยมีผลงานขนาดใหญ่สุดถึง 8 เมตร ควบคู่กับการนำประติมากรรม ที่ผมออกแบบใหม่ทั้งหมดประมาณ 20 ชิ้น เพื่อเสริมการเล่าเรื่องผ่านงานจิตรกรรมให้โดดเด่นมากขึ้น รวมถึงมีของที่ระล
