“กาแฟมันเป็นเสมือนจุดเชื่อมโยงของผู้คน มันเป็นความสบายใจ” เขากล่าว
ท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน หลายคนคงโหยหาพื้นที่เล็กๆ ที่มอบความอบอุ่นและสบายใจ findgoodmorning.coffee ร้านกาแฟบนรถตู้สีขาวของ คุณชาลี-เมธาพัฒน์ วิสิฐเกษมหิรัญ หนุ่มวัย 30 ปี คือพื้นที่ที่ว่านั้น
เรื่องราวของ findgoodmorning.coffee เริ่มต้นจากความฝันเล็กๆ ที่อยากจะสร้างร้านกาแฟที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่ขายกาแฟ แต่เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถมาพักผ่อน พูดคุย และเติมพลังบวกให้กับชีวิตได้

เกือบหมดไฟ แต่ไม่หมดฝัน สานต่อให้ก่อเกิด
เล่าย้อนไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว เป็นช่วงโควิค เขาทำงานอยู่ที่ภูเก็ต และมักจะทำงานในช่วงกลางคืน ด้วยสถานการณ์ในช่วงนั้น ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อต้องปิดในเวลากลางคืน ทำให้หากาแฟกินได้ยาก เลยลองซื้อชุดทำกาแฟไว้ทำกินเอง เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ศึกษาว่าแต่ละเมนูทำอย่างไร
เมื่อได้ชุดทำกาแฟ ชุดเล็กๆ ไม่เกิน 1,000 บาท ช่วงที่ต้องออกไปทำงานก็จะเอาไปด้วย เมื่อไปตามเกาะต่างๆ ก็จะไปเจอพี่ๆ ที่อยู่ที่นั่น ไม่มีไฟฟ้าใช้ เลยลองทำกาแฟให้เขากิน เลยมีความรู้สึกชอบ ทางพี่ๆ ก็ชอบ เลยให้ที่พักฟรี เลยมองว่า “กาแฟมันเป็นเสมือนจุดเชื่อมโยงของผู้คน มันเป็นความสบายใจ” เลยนำแนวคิดที่ได้จากตอนนั้น มาผสมผสานกับช่วงเวลาที่เลี้ยงแมว ที่อยากจะหาอาชีพเสริม เพื่อสร้างรายได้ใช้หาค่าอาหารแมว เลยทำให้อยากเปิดร้านขึ้นมา
จึงเริ่มต้นจากเต็นท์เล็กๆ ขายริมทาง แต่ปัญหามีอยู่ว่า เต็นท์จะต้องคอยกางและเก็บทุกๆ วัน อีกทั้งสภาพอากาศที่ร้อน ประกอบกับเก็บของนาน จึงค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์และพัฒนาฝีมือ จากนั้นนำทุนที่เก็บมาในระยะเวลา 1 ปี ต่อยอดทำเป็นรถตู้
“ในประเทศไทยตอนนั้น ร้านกาแฟบนรถตู้ที่เปิดมาแล้วว้าวเลย ยังไม่มี อยากเป็นร้านกาแฟที่สามารถถ่ายรูปเท่ๆ มีเครื่องบด เปิดมาสวยๆ จนในที่สุดก็กลายมาเป็นร้านกาแฟบนรถตู้คันนี้” เขาเล่า
แต่เชื่อว่าการจะทำอะไรสักอย่าง เราเองจะต้องมีแรงจูงใจ หรือมีบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา คุณชาลี บอกว่า เขาเองก็มีต้นแบบอยู่หลายคน
“ไอดอลหรือแรงบันดาลใจของผมในเรื่องของการทำกาแฟ จะมีพี่แบงค์ ร้าน Sukhumvit coffee มีร้าน BREW BAR ที่บางแสน พี่เจ้าของก็เป็นคนช่วยแนะนำตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากนี้ ยังมีพี่ๆ แนวหน้าในการทำลาเต้อาร์ต อย่าง พี่ตี๋ พี่แบงค์ พี่เท็ม ที่ทำให้อยากจะเป็นสตรีตลาเต้อาร์ตเท่ๆ เลยต้องปรับเปลี่ยนจาก Slow bar มาซื้อเครื่องชงกาแฟ”
ตลอดเส้นทาง เขาไม่ได้ละทิ้งงานประจำ แต่จะใช้เวลาว่างทุ่มเทให้กับร้านกาแฟเล็กๆ ของเขา โดยเปิดร้านแค่วันเสาร์และอาทิตย์ แต่ในระหว่างทางที่ตัดสินใจทำรถตู้ ก็หยุดร้านไปเลย แล้วใช้เวลาว่างวันหยุด ลงมือรีโนเวตรถตู้ที่ซื้อมาด้วยตัวเอง โดยมีพี่ๆ ที่เป็นช่างคอยซัพพอร์ตอยู่
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยกให้เป็นจิตใจของตัวเอง เพราะมันต้องสู้กับอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งบรรยากาศที่ร้อน ทั้งความเหนื่อย หากตัวเราอยากพัก เหมือนตัวเองจะถอยกับสิ่งที่เรากำลังทำ อีกเรื่องคือในช่วงที่ปิดร้านกาแฟ 11 เดือนในการทำรถตู้ เป็นช่วงเวลาที่มีความคิดในหลากหลายมิติ เกิดคำถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ เรามาถูกทางไหม ด้วยความมุ่งมั่นและความรักในสิ่งที่ทำ จนตอนนี้ได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเป็นเวลา 6 เดือน และครบ 1 ปีของการทำร้านกาแฟบนรถตู้ โดยมี คุณสาธินี โตประเสริฐ อายุ 30 ปี แฟนสาวของเขาที่เพิ่งลาออกจากงานประจำที่มาร่วมเดินทางในการเดินตามฝันของกันและกัน
การจัดวางตามสไตล์ของตัวเอง ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี
ครั้งแรกที่ทำเป็นรถตู้ มีแนวคิดที่อยากจะทำเป็นรถบ้านที่สามารถทำกาแฟได้ แล้วเปิดบ้านต้อนรับแขกผู้มาเยือน ลูกค้าเปรียบเสมือนเพื่อนบ้าน พี่ๆ น้องๆ รูปแบบร้านก็จะใช้การตกแต่งให้มีความรู้สึกเหมือนบ้านที่มีความอบอุ่น มองดูถึงอุปกรณ์ต่างๆ ดูทั้งเรื่องของแสงไฟ เลือกใช้ให้เป็นสีส้ม ตัดกับผนังสีขาว มีต้นไม้สีเขียว 3 อย่างนี้คือองค์ประกอบหลัก แล้วหาเครื่องชงกาแฟ เครื่องบด มาวางตามจุดต่างๆ เปิดรถขึ้นมาให้รู้สึกว่า ว้าวเลย
กลุ่มเป้าหมาย มองไปที่ลูกค้าที่กินกาแฟเริ่มจริงจัง ที่ร้านจะขายกาแฟคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม สามารถรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัยที่นิยมกินกาแฟ แต่ความพิเศษจะเน้นไปที่กาแฟเข้มไม่ขม จะตรงโจทย์มากที่สุด
“ร้านของเราจะมาตั้งแต่คนที่ชอบถ่ายรูป คนที่ชอบใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ต้องแต่งตัวอะไรมากมาย ก็สามารถมากินกาแฟร้านเราได้”
ร้านกาแฟในประเทศไทย หันไปทางไหนก็เจอ ทางร้านเลยต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่างโดยการใส่สไตล์ที่เป็นตัวเองเข้าไป ให้เป็นจุดดึงดูด
“จุดแรกต้องดึงดูดคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอกก่อน เพราะเขาไม่รู้หรอกว่ากาแฟเราอร่อยไหม แต่จุดที่ 2 คือ รสชาติของกาแฟและบริการ สร้างความสบายใจให้ลูกค้าให้มากที่สุด เดี๋ยวเขาก็กลับมา” เขากล่าว
อยากเปิดร้านกาแฟ แต่ไม่รู้เริ่มอย่างไร
เชื่อว่า พอหลายๆ คนอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อาจจะมีความคิดที่อยากจะเปิดร้านกาแฟมาอยู่แล้วบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร ทางผู้เขียนได้สอบถามไปยังคุณชาลี เขาได้ให้คำแนะนำมาว่า
“ร้านเล็กๆ ถ้าในแบบของผมเริ่มจากอุปกรณ์ Manual Espresso ก็ดีมากๆ ครับ เครื่องบดสัก 2 ตัวเป็นคั่วเข้ม 1 ตัว คั่วกลาง 1 ตัว งบประมาณ 30,000-40,000 บาท เดี๋ยวนี้คนกินกาแฟเก่ง มีกาแฟให้ลูกค้าเลือกก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ”
สำหรับเรื่องของการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ เขาเล่าย้อนไปช่วงที่กำลังทำรถตู้ ที่เหมือนกำลังจะหมดไฟ ก็จะไปกินกาแฟที่ร้านชีวาคาเฟ่อยู่เสมอๆ ด้วยความชอบส่วนตัว ร้านชีวาคาเฟ่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนในเรื่องของวัตถุดิบกาแฟ ทางร้านชีวาก็เป็นคนที่คอยซัพพอร์ตในเรื่องของการควบคุมต้นทุน และการหาเมล็ดกาแฟที่นำเข้ามา เลยได้ในราคาที่ไม่แพงมาก และเหมาะกับราคาที่ขายหน้าร้าน โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่แก้วละ 50 บาท
คุณชาลี บอกว่า หลังจากที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นการขายกาแฟบนรถตู้ ทำให้ยอดขายโตขึ้นเป็นเท่าตัว เรียกได้ว่าเกินคาดมากๆ แต่จะพยายามคงมาตรฐานของรสชาติ และรักษาทั้งลูกค้าเก่าเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ให้ได้ อีกทั้งในอนาคตมีความคิดที่อยากจะเปิดเป็นร้านกาแฟของตนเองโดยคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และสไตล์ที่ลูกค้าถูกใจ
สุดท้ายนี้ ความสุขที่ได้จากการทำอาชีพนี้อย่างแท้จริง คือความสบายใจ ทุกอย่างมันถูกรีเซตในทุกวัน เราปิดร้าน เรารีเซต ไม่ต้องไปคิดว่าพรุ่งนี้เราจะไปเจออะไรที่มันลำบากยากเข็ญ ทุกอย่างมันอยู่ในการควบคุมของเราหมดแล้ว เราคิดมาแล้วว่าวันต่อๆ ไป จะมีความสุขอย่างไรในรูปแบบไหนเข้ามา
findgoodmorning.coffee ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านกาแฟ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ความฝัน และความกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เรื่องราวของร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังตามหาความฝันของตัวเอง
หากใครอยากตามไปลิ้มรสชาติของกาแฟ สัมผัสบรรยากาศที่อบอุ่น ตามไปได้ที่ มรุพงษ์ ซอย 1 ตรงข้าม ม.ราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ findgoodmorning.coffee
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568