เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Exclusive Featured ข่าววันนี้ แฟรนไชส์

Thunder Express สะท้อนอะไร! กับระบบแฟรนไชส์ธุรกิจขนส่งพัสดุในไทย

บทความโดย : อมร อำไพรุ่งเรือง กูรูแฟรนไชส์

ในโลกของภาพยนตร์ Thunder Express ไม่มีคำว่า “แฟรนไชส์” ปรากฏอยู่ในบท ไม่มีโลโก้ร้าน ไม่มีการเซ็นสัญญาสิทธิการใช้แบรนด์

แต่สิ่งที่ชัดเจนกลับเป็นภาพของคนตัวเล็กที่ต้องวิ่งให้ทันระบบใหญ่ คนที่อยู่ปลายทางของห่วงโซ่โลจิสติกส์

คนที่ถูกใช้เพื่อส่ง แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองคือ “ส่วนหนึ่งขององค์กร” หรือแค่ “ฟันเฟืองที่เปลี่ยนได้”

และนั่นเองที่ทำให้ Thunder Express ไม่ได้สะท้อนโลกแฟรนไชส์ด้วยคำพูด แต่มันสะท้อนด้วย “โครงสร้าง” ที่บอกว่า ในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว การขยายสาขา และการกระจายบริการ คนตัวเล็กในระบบแฟรนไชส์ กำลังเผชิญกับคำถามเดียวกัน

Flash Express เคยเป็นผู้สร้างแรงกระเพื่อม ตั้งแต่วันที่ให้ใครก็ได้เปิด “Flash Home” ด้วยเงินเริ่มต้นไม่ถึงหมื่น โมเดลที่เคยถูกมองว่าเปิดให้คนทั่วไปเข้าถึงระบบขนส่งได้อย่างเสมอภาค กลายเป็นทางลัดให้คนตัวเล็กเข้าร่วมกับแบรนด์ใหญ่ในระบบแฟรนไชส์ ไม่มีหน้าร้าน ไม่มีภาระมากมาย แค่เปิดจุดส่ง รับรายได้จากยอดพัสดุ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรากลับพบว่า โมเดลนั้นอาจจะดีเกินไปบนกระดาษ เพราะในโลกจริง ความไม่แน่นอนของยอดส่ง การขาดระบบสนับสนุนที่ลึกพอ และภาระค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่

ทำให้แฟรนไชซีบางคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เราเป็นพาร์ตเนอร์ หรือแค่จุดฝากของ”

ในเวลาเดียวกัน ก็เกิด “โมเดลใหม่” ที่ไม่มีใครคาดคิดและเริ่มขยายตัว ซึ่งไม่ใช่ทั้ง Kerry ไม่ใช่ทั้ง J&T

แต่คือ “ร้านเล็กๆ” ที่รวมพัสดุทุกแบรนด์ไว้ในที่เดียว ไม่ต้องจงรักภักดีต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ไม่ต้องติดพันสัญญาแฟรนไชส์

ไม่ต้องหวังยอดจาก Flash เจ้าเดียว แต่เลือกส่งให้เจ้าไหนก็ได้ที่เร็วกว่า ถูกกว่า หรือจ่ายดีกว่าในแต่ละวัน

นี่คือ Agent Multi-brand รูปแบบร้านที่กำลังเปลี่ยนภาพของธุรกิจพัสดุให้กลายเป็น “ตลาดเสรี” เต็มรูปแบบ

และในโลกที่ผู้บริโภคไม่ได้เลือกแบรนด์ แต่เลือก “ทางเลือก” แฟรนไชส์แบบผูกขาดอาจไม่ใช่คำตอบที่อยู่รอดเสมอไป

คำถามจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า Flash Home จะไปต่อได้หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่า Flash พร้อมจะ “ยอมเปลี่ยน” ตัวเองเพื่อให้พาร์ตเนอร์อยู่รอดด้วยหรือเปล่า

Thunder Express สอนเราว่า ไม่มีใครวิ่งทันโลกด้วยแรงตัวเองล้วนๆ

แต่ในโลกจริง คนตัวเล็ก ยังอยากวิ่งไปกับคนที่เขารู้ว่า จะไม่ทิ้งเขาไว้กลางทาง

ยิ่งโลกเดินหน้าเข้าสู่ยุคที่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ลดลงทุกวัน แฟรนไชส์จึงไม่ใช่แค่ “สิทธิ์ในการขายสินค้า” แต่คือความสามารถของแบรนด์ในการทำให้พาร์ตเนอร์รู้สึกว่าเขากำลังเดินร่วมทาง ไม่ใช่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดชั่วคราว ข้อเสนอแบบลดต้นทุนหรือเปิดง่ายใน 7 วันอาจดึงคนได้ในตอนแรก แต่จะรักษาไว้ได้หรือไม่นั้น อยู่ที่ว่าแบรนด์ให้คุณค่ากับพวกเขาเพียงพอหรือไม่

Flash Express อาจยังมีเวลาในการหันกลับมาออกแบบระบบใหม่ ที่ไม่เน้นขยายจุดรับพัสดุแบบปริมาณล้วนๆ แต่ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของความร่วมมือ” ที่อยู่ในแต่ละจุด เพราะท้ายที่สุด สิ่งที่ทำให้เครือข่ายแข็งแรง ไม่ใช่จำนวนสาขา แต่คือความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างแบรนด์กับคนที่ตัดสินใจฝากชีวิตไว้กับแบรนด์นั้น

สิ่งที่น่าสนใจคือ โมเดลของร้าน Multi-agent ไม่ได้เกิดขึ้นจากการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทใหญ่ใดบริษัทหนึ่ง แต่มันเติบโตขึ้นจากความต้องการของผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องพึ่งพาระบบแฟรนไชส์ใดแฟรนไชส์หนึ่ง และตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุดในพื้นที่ของตนเอง ร้านเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีดีลพิเศษจากแบรนด์ แต่มีความยืดหยุ่นสูง และเลือกได้ว่าวันนี้จะส่งกับใครพรุ่งนี้จะเปลี่ยนไปใช้ใคร ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่แฟรนไชส์แบบเดิมไม่สามารถทำได้

ตัวอย่างที่พบเห็นบ่อยในชุมชนเมืองและอำเภอขนาดกลางคือ ร้านสารพัดบริการที่เริ่มจากการถ่ายเอกสาร เติมเงิน จ่ายบิล และต่อยอดมาสู่การเป็นจุดส่งพัสดุ โดยเพิ่มบริการรับส่งของจากหลายเจ้าพร้อมกัน เช่น Flash, J&T, ไปรษณีย์ไทย, Ninja Van และบางแห่งยังรวมถึงบริการส่งอาหารและรับฝากเก็บเงินปลายทาง (COD) ร้านเหล่านี้กลายเป็นศูนย์กลางของชุมชนโดยปริยาย เพราะลูกค้าไม่ต้องเลือกว่า ‘ส่งกับเจ้าไหนดี’ พนักงานเลือกให้แทนด้วยระบบเปรียบเทียบราคาส่งที่ใช้แอปหรือแพลตฟอร์มกลาง

การเกิดขึ้นของร้านแบบนี้จึงไม่ใช่แค่การแก่งแย่งพื้นที่ แต่คือการสะท้อนว่าผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องการอิสระ และลูกค้าก็ต้องการตัวเลือก การจะยืนระยะในเกมนี้ได้ อาจไม่ใช่การสร้างเครือข่ายให้ใหญ่ที่สุด แต่คือการเข้าใจว่าคนตัวเล็กในระบบกำลังมองหาอะไร และพร้อมจะฟังเขาหรือยัง

บางที Thunder Express อาจไม่ใช่แค่หนังที่วิ่งแข่งกับเวลา แต่มันคือละครชีวิตที่สะท้อนความจริงของธุรกิจแฟรนไชส์

เมื่อแบรนด์ใหญ่เขียนบทเร็วเกินไป จนคนตัวเล็กไม่มีโอกาสแม้แต่จะอ่านบทของตัวเอง เลยเปลี่ยนตัวเองจากคนเล่นมาทำคลิปสั้นๆ เป็นทั้งผู้กำกับ เขียนบท และเล่นเอง

Related Posts

'อัยยะ ปักษ์ใต้ 2 FLY 2 SOUTH NOW FESTIVAL II' ชวนชาวกรุงสัมผัสเสน่ห์แดนใต้ใจกลางเมือง
ยกระดับถั่วพื้นบ้านสู่ซูเปอร์ฟู้ด “พาสต้าถั่วเขียวออร์แกนิก” จาก SMEs ไทย ที่รับซื้อผลผลิตปีละ 30 ตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรในจังหวัดบ้านเกิดปีละ 6 ล้านบาท!