กลับมาเป็นปีที่ 2 สำหรับ “อัยยะ ปักษ์ใต้ 2 – FLY 2 SOUTH NOW FESTIVAL II” เทศกาลที่อยากชวนคนกรุง มาร่วมสัมผัสความมหัศจรรย์ของศิลปะและวัฒนธรรมภาคใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมตื่นตาไปกับแฟชั่นโชว์กลางแจ้งสุดพิเศษจาก 6 แบรนด์ดีไซเนอร์แดนใต้ ได้แก่ Clothear Vestiare, D’Arcy the Designs, Keziah, Spybrand, Yabulan และ Yayee ที่จะนำแรงบันดาลใจของ “สีสัน เส้นสาย ลายเส้น” จากผ้าภาคใต้ มาสะบัดบนรันเวย์บริเวณลานจอดเครื่องบินขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานที่จัดงานสุดครีเอต อย่าง “ช่างชุ่ย”
โอกาสนี้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” มีเรื่องราวเบื้องหลัง-เบื้องหน้าน่าทึ่ง จาก “หัวเรือใหญ่” ของอีเวนต์สุดสร้างสรรค์ ที่ผ่านพ้นไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นี้เอง
“เมื่อปีที่แล้ว ฟลายนาว 3 มีโอกาสทำงานกับงานศิลปวัฒนธรรมและผ้าผืน โดยเฉพาะผ้าปาเต๊ะของภาคใต้ ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งแล้ว แต่ปีนี้มีความท้าทายใหม่ คือการต้องไปส่งเสริม น้องๆ รุ่นใหม่ ซึ่งผ่านการเลือกเฟ้นมาแล้ว มีแววจะเป็นกำลังที่ดีของวงการแฟชั่น”คุณลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา เจ้าของ FLYNOW (ฟลายนาว) เสื้อผ้าแบรนด์ดัง ในฐานะเจ้าภาพร่วม อีเวนต์ “อัยยะ ปักษ์ใต้ 2” เริ่มต้นให้ฟังอย่างนั้น
ก่อนแจงต่อ ความจริง เจ้าของแบรนด์หลายคน ยืนได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ หลายแบรนด์เป็นธุรกิจที่ทำเงินทำทองได้อยู่ และถ้าถามว่าทำงานกับเด็กรุ่นใหม่เป็นยังไงบ้าง ต้องบอกว่า เป็นการทำงานที่ให้เกียรติกันและกัน ฟลายนาว ในฐานะเป็นเหมือนโค้ช เป็นพี่เลี้ยง เป็นครูบาอาจารย์ ได้นำประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 40 กว่าปีแล้ว ไปมอบโนว์ฮาว หรือมอบองค์ความรู้ ให้กันแบบไม่กั๊ก
“ต้องยอมรับ โดยปกติ ห้องเสื้อ ไม่อยากให้ใครเข้ามาในแผนกออกแบบเท่าไหร่ เพราะมีโนว์ฮาวบางอย่างอยู่ อย่างไรก็ตาม การเข้ามาทำงานร่วมกันครั้งนี้ มีทีมของฟลายนาว 3 ฟลายนาวใหญ่ และตัวผม ที่เป็นผู้อาวุโส ทำหน้าที่หาทิศให้ถูกต้อง เพราะพวกเราให้ความสำคัญ เสื้อสวยต้องสวยตั้งแต่เนื้อใน ตั้งแต่การวางผ้า ลายผ้า แพตเทิร์น การตัดเย็บ สัดส่วนต่างๆ ต้องมีความสัมพันธ์กันหมด” คุณลิ้ม ฟลายนาว เผยเบื้องหลังการทำงาน
ก่อนเผยงานเบื้องหน้า ที่ “เจ้าพ่อฟลายนาว” ถึงกับยอมรับ เป็นอีกหนึ่งงานที่เขาต้อง “จดจำไว้”
“แฟชั่นโชว์ จากการทำงานร่วมกันครั้งนี้ มีการแคสติ้งนายแบบ-นางแบบ 500-600 คน ก่อนคัดเหลือไม่ถึง 40 คน ถือเป็นการคัดเลือกที่โหดมาก แต่ในเมื่อลงมือทำแล้ว เราไม่จัดธรรมดา เพราะต้องการให้เกิดพลังงานต่อเนื่อง กลายเป็นงานระดับประเทศ ที่ยกระดับคนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งในอนาคตน่าจะเป็นผู้นำที่ดีของวงการแฟชั่นในสายใต้ และอาจจะมีโอกาสส่งไม้ต่อให้กับคนรุ่นต่อๆ ไป” ดีไซเนอร์รุ่นใหญ่ เผย
คาดว่าการจัดงานครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยแฟชั่น ได้มากน้อยแค่ไหน คุณลิ้ม หยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนบอก
“เชื่อว่าเด็กๆ ที่มาทำงานกับเรา พวกเขามีโอกาสกลายเป็นแบรนด์ระดับประเทศ ซึ่งเมื่อ หัวจักร ถูกขับเคลื่อนแล้ว น่าจะเกิดแรงบันดาลใจให้คนชุดต่อไป คือไม่ได้หวังว่างานครั้งนี้ ที่ใช้เงินเท่านี้ ต้องเนรมิตให้ทุกคนขึ้นมาร่ำรวย ถ้าทำได้ขนาดนั้น ผมคงเสกอะไรมากกว่านี้ แต่ผมเชื่อหลักแห่งความเป็นจริง คือไม่สามารถทำให้คนทุกคนให้โตไปพร้อมกันได้ แต่สามารถเลือกคนที่น่าจะไปได้ก่อน เพื่อเป็นหลักนำให้คนที่เห็นไอเดียดีๆ ได้ไปทำตามต่อ ไปเล่าขานต่อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้”
ก่อนจบบทสนทนา เจ้าของเรื่องราว บอกยิ้มๆส่งท้าย
“งานในปีนี้ อาจเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์และความวุ่นวาย แต่โลกใบนี้ คงปฏิเสธความวุ่นวายได้ยาก ที่ผ่านมา เราเคยวุ่นวายเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ตอนนี้เราวุ่นวายกันเรื่องอำนาจ เรื่องผลประโยชน์ของโลกทั้งใบ ของคนไม่กี่คนที่ทำให้ปั่นป่วน ซึ่งถ้ามัวคิดว่าความวุ่นวายปั่นป่วนนั้น ทำให้รู้สึกว่าทางออกในชีวิตน้อยลง ในทางกลับกัน น่าจะคิดว่าโอกาสในชีวิตมีเต็มไปหมด น่าจะดีกว่าไหม” รุ่นใหญ่วงการแฟชั่น ตั้งปุจฉาทิ้งท้าย ชวนให้คิดต่อ
…