เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
SMEs เกษตร

คนพัทลุง ทำประมงเลี้ยงสัตว์น้ำ 3 ชนิด เป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้หมุนเวียน

คุณวิรัตน์ คงหวัง อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 2 ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพยอม จังหวัดพัทลุง เป็นเกษตรกรผู้เห็นช่องทางการสร้างรายได้ โดยที่ไม่ยึดติดกับการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมากเกินไป โดยได้มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนมาปรับเปลี่ยนทำประมง เพื่อให้มีรายได้หลากหลายช่องทาง จึงทำให้สิ่งที่ทำจากที่คิดจะทำเป็นอาชีพเสริมกลับมีรายได้ให้กับเขาได้อย่างดี เมื่อเทียบกับการทำงานประจำกันเลยทีเดียว

ทำประมงเสริมรายได้

คุณวิรัตน์ คงหวัง เล่าให้ฟังว่า เดิมมีอาชีพเกี่ยวกับการเกษตรอยู่แล้ว คือปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อส่งขายให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงโค แพะ และแกะ พร้อมทั้งมีรายได้บางส่วนเกิดจากการค้าขายทั่วไป ต่อมาจึงรู้สึกว่าอยากแบ่งพื้นที่บางส่วนบริเวณบ้านให้เกิดประโยชน์ โดยที่ไม่ยึดติดการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวมากเกินไป จึงได้มีแนวความคิดแบ่งพื้นที่บางส่วนขุดเป็นบ่อเพื่อเลี้ยงสัตว์น้ำเสริมรายได้เข้ามาอีกหนึ่งช่องทาง

คุณวิรัตน์ คงหวัง

“ผมมองไปถึงอนาคตข้างหน้าว่า ถ้าเราทำอาชีพเกษตรกรรม ที่เป็นเชิงเดี่ยวมากเกินไป ก็จะทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงมากในเรื่องราคา ก็เลยมองว่าน่าจะหาอย่างอื่นทำควบคู่ไปด้วย ทีนี้เราก็มองว่าน่าจะทำประมง เพราะจะเป็นสิ่งที่เราคิดไว้แต่เดิมอยู่แล้ว น่าจะทำรายได้ให้อีกช่องทางหนึ่ง จึงได้จัดเตรียมหาพื้นที่สำหรับเลี้ยงปลา เพราะมองว่าไม่เป็นเรื่องยุ่งยาก หากมีการจัดการที่ดี” คุณวิรัตน์ เล่าถึงที่มา

ปลาที่สนใจเลี้ยงในช่วงแรก คุณวิรัตน์ บอกว่า เป็นการเลี้ยงปลาสลิด เพราะสมัยก่อนนั้นได้ทดลองเลี้ยงในบ่อพลาสติกแบบเล่นๆ และเลี้ยงได้ประสบผลสำเร็จ จึงทำให้มีแนวความคิดที่อยากจะเลี้ยงมาตลอดเมื่อมีโอกาส พร้อมทั้งเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดอื่นเสริมเข้าไปด้วย ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น นั้นคือ กุ้งฝอย และหอยขม

 

เน้นเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน

ในขั้นตอนก่อนที่จะนำสัตว์น้ำทั้ง 3 ชนิด มาเลี้ยง คุณวิรัตน์ บอกว่า ขุดบ่อสำหรับเลี้ยงให้มีขนาด 40×40 เมตร ความลึก 1 เมตร จำนวน 4 บ่อ โดยคำนึงถึงขนาดพื้นที่ให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งในช่วงแรกที่จะเริ่มเลี้ยงปลาสลิดมีแนวคิดที่จะจับเลี้ยงเพื่อทำเป็นปลาแดดเดียวแบบสินค้าแปรรูป แต่เมื่อการเลี้ยงประสบผลสำเร็จปลาสลิดมีลูกออกมาให้เห็นจำนวนมาก จึงได้มีการเปลี่ยนแนวคิดมาเลี้ยงเพื่อขายลูกพันธุ์แทน

คัดไซซ์ปลาสลิด

“ตอนนั้นพอเราเปลี่ยนมาเพาะลูกพันธุ์ขาย ตอนนั้นก็ทำแบบไม่ได้คิดจริงจังอะไรมาก ก็เอาแบบพอดีที่กำลังพอไหว ทำไปทำมาขายได้ประมาณ 8 หมื่นบาท เราก็มาคิดว่า แบบนี้น่าจะดีกว่า เพราะทำเงินได้ไว ไม่ต้องมาทำปลาและค่อยแปรรูป ก็เลยตัดสินใจตั้งแต่นั้นมาว่า จะเพาะลูกขาย เพียงต้องจัดการให้ดี และต้องมีการเลี้ยงแบบละเอียดประณีต สัตว์น้ำที่เลี้ยงก็จะขายได้ราคา” คุณวิรัตน์ บอก

ในขั้นตอนแรกเมื่อเตรียมบ่อเสร็จแล้ว คุณวิรัตน์ บอกว่า จะเตรียมบ่อให้มีแพลงตอนด้วยการนำเศษหญ้าเนเปียร์ที่เหลือจากขายมาผสมกับปุ๋ยคอกนำมาใส่ลงไปในบ่อ จากนั้นน้ำภายในบ่อก็จะค่อยๆ ปรับสภาพเป็นสีเขียว เมื่อบ่อพร้อมสำหรับเลี้ยงปลาแล้ว จะนำกุ้งฝอย หอยขม และปลาสลิดลงมาเลี้ยงภายในบ่อเดียวกัน ทำให้ภายในบ่อมีสัตว์น้ำที่สามารถทำเงินให้ได้ทั้ง 3 ชนิด

พื้นที่บ่อ

คุณวิรัตน์ บอกว่า ไม่ต้องดูแลอะไรมาก ปล่อยให้อยู่แบบตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าปลาสลิดจะกินกุ้ง เพราะปลาสลิดเป็นปลาที่กินพืช จึงไม่ค่อยกินกุ้งฝอยที่นำมาใส่เลี้ยงไว้ ส่วนหอยขมมีลักษณะที่อยู่ก้นบ่อ ก็จะกินเศษอาหารที่อยู่ก้นบ่อ ก็จะเป็นการเลี้ยงแบบที่สัตว์แต่ละชนิดที่เอื้ออำนวยซึ่งกันและกัน โดยปลาสลิดที่นำมาเลี้ยงในบ่อเป็นปลาที่อนุบาลไว้ภายในบ่อพลาสติกให้มีอายุประมาณ 3 เดือน

ซึ่งอาหารช่วงแรกจะให้กินอาหารเม็ดเพื่อสร้างความแข็งแรง ต่อมาจะลดการให้อาหารเม็ดลง จะเน้นให้อาหารที่เป็นรำละเอียดและใช้ปุ๋ยคอกผสมกับหญ้าเนเปียร์ผสมกันสร้างแพลงตอนเพื่อเป็นอาหารให้กับปลาแทน

“ก่อนที่เราจะเอาลูกปลาสลิดขาย ก็จะทำกระชังเสริมไว้ในบ่ออีกทีหนึ่ง โดยเราก็จะหมั่นจับลูกปลาสลิดไซซ์ที่พอจะขายได้ มาขังไว้ในกระชังที่เตรียมไว้ พอมีคนที่เขาสนใจจะซื้อ เราก็ขายได้เลย ส่วนหอยขมพื้นที่ใต้บ่อผมก็จะเอาทางมะพร้าวใส่ลงไป หอยขมก็จะมีที่เกาะ พอตัวได้ขนาดใหญ่เท่าที่ขายได้ ก็จะจับมาล้างเตรียมไว้ใส่ในกระชังคัดไซซ์ขาย ส่วนกุ้งฝอยก็จับตามที่มีลูกค้าสั่ง เท่ากับว่าการเลี้ยงของผมสามารถประสบผลสำเร็จทำเงินหมุนเวียนได้” คุณวิรัตน์ บอก

ขายแบบชั่งกิโล

สามารถจับขายได้ทุกวันสลับกันไป

เมื่อปลาสลิดมีอายุได้ประมาณ 6-7 เดือน คุณวิรัตน์ บอกว่า ก็จะพร้อมเป็นแม่พันธุ์ที่จะผลิตลูกให้สามารถขายได้ เมื่อเห็นว่าลูกปลาสลิดเริ่มมีจำนวนที่มากขึ้นภายในบ่อ ก็จะเตรียมลากอวนจับลูกปลาสลิดมาใส่ในกระชังที่เตรียมไว้ภายในบ่อ จากนั้นคัดไซซ์ที่ขายให้กับลูกค้าที่สนใจจะซื้อไปเลี้ยงต่อ โดยขนาดลูกปลาสลิด 3 นิ้วครึ่ง ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท และถ้าเป็นลูกปลาสลิดไซซ์ 1 นิ้ว ขายอยู่ที่ ตัวละ 2 บาท

ลากอวน

ส่วนกุ้งฝอยที่เลี้ยงภายในบ่อจะลากอวนขาย อยู่ที่กิโลกรัมละ 100-120 บาท โดยราคาสามารถขึ้นได้ตามกลไกตลาด ส่วนหอยขม ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ซึ่งคุณวิรัตน์บอกว่า ทั้งกุ้งฝอยและหอยขมสามารถขายให้กับลูกค้าได้เรื่อยๆ อย่างน้อยก็สามารถทำเงินไว้ใช้จ่ายภายในบ้านได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นอาชีพเสริม โดยรายได้ต่อเดือนก็ตกอยู่ที่หลักหมื่นบาทกันเลยทีเดียว

หอยขม ภายในบ่อ

“ในเรื่องของการขาย ก็จะเป็นปากต่อปากบอกกันไป ว่าที่บ้านผมมีลูกพันธุ์ปลาสลิดขาย และก็หอยขม กุ้งฝอย เขาก็จะเข้ามาติดต่อขอซื้อกันเรื่อยๆ ยิ่งตอนนี้กระแสโซเชี่ยลมันมีประโยชน์ ผมก็จะลงขายผ่านทางเฟซบุ๊ก ก็จะได้ลูกค้าที่เป็นคนรู้จักในพื้นที่เข้ามาติดต่อซื้อ ก็ใหม่ๆ ทำไปเพลินๆ พอทำไปทำมามีรายได้ ก็เริ่มสนุกก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำรายได้ให้เราได้ดีไม่แพ้กัน” คุณวิรัตน์ บอกถึงหลักการขาย

ทางมะพร้าวให้หอยขมเกาะภายในบ่อ

สำหรับผู้ที่สนใจอยากทำเป็นอาชีพเสริม คุณวิรัตน์ บอกว่า สามารถทำได้เพราะเป็นงานที่เพลิดเพลิน หรือถ้าอนาคตมีการต่อยอดก็สามารถพัฒนาเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดอื่นให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยทำเป็นอาชีพหลัก มองถึงความพร้อมของพื้นที่ก่อนว่าเหมาะสมกับการเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดไหน และที่สำคัญสำหรับผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณจึงเป็นงานที่เหมาะสม เพราะไม่ได้ใช้แรงงานมากเกินไป แต่กลับทำให้มีงานยามว่างทำเมื่ออยู่ในวัยเกษียณอย่างไม่เหงาอีกด้วย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวิรัตน์ คงหวัง หมายเลขโทรศัพท์ (089) 596-9459

ท่ีมา : เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์

Related Posts

จากลูกจ้างในตลาดผัก สู่เจ้าของแผง 'ขายมะเขือเทศ' มีลูกค้าประจำ ทั้งร้านอาหารดัง  ซูเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงสายการบิน ขายเฉลี่ยวันละ 500 ลัง 
ไอเดีย สร้างอาชีพเสริมแบบไม่ต้องรอพร้อม ‘เช่าที่ปลูกดอกไม้กินได้’
อดีตพนักงานห้าง ปิ๊งไอเดีย ขายผักน้ำพริก เริ่มต้นแพ็กละ 10 บาท โกยรายได้ครึ่งแสนต่อเดือน
ออกจากงานประจำ มาขาย "เตยหอม" เจาะกลุ่มโรงงานขนม ร้านดอกไม้ พ่อค้าแม่ค้า วันละ 900-1,000 กิโลกรัม