จีน
พี่ใหญ่คึกคัก ค้าขายครึกครื้น รวมภาพบรรยากาศตรุษจีนแดนมังกร 2024 ในภาษาจีนมีคำหนึ่งเรียกว่า “大集”(ต้าจี๋)ซึ่งหมายถึงกิจกรรมขายที่จัดอยู่ในตลาดใหญ่ ถนนคนเดิน หรือ หอนิทรรศการ มีความเป็นมายาวนานพอสมควร มักจะจัดในช่วงเทศกาลต่างๆ เมื่อมี “ต้าจี๋” จัดขึ้น ผู้คนจะพากันเที่ยวเดินตลาด ซื้อของกินของใช้ครบถ้วน นอกจากจะได้ของดีราคาถูกแล้ว ยังได้สัมผัสถึงบรรยากาศอันคึกคักและร่าเริง ชุนยวิ่น :หนทางแสงอบอุ่นสู่บ้านเกิด ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม เป็นต้นมา ช่วง “ชุนยวิ่น” หรือการเดินทางกลับบ้านเพื่อฉลองเทศกาลตรุษจีนเปิดฉากขึ้น ภายในเวลา 40 วัน จะมีผู้คนเดินทางถึง 9,000 ล้านครั้ง สำหรับชาวจีนทุกคน การเดินทางกลับบ้านย่อมจะเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ภายในตู้รถไฟต่างๆ ก็มักจะติดภาพเหนียนฮว่า แขวนสิ่งของต่างๆ เพิ่มบรรยากาศต้อนรับเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งยังจัดกิจกรรมต่างๆ ระหว่างเจ้าหน้าที่การรถไฟและผู้โดยสาร เช่น การเขียนตัวอักษร “福” การเขียนกลอนคู่คำอวยพร เป็นต้น เพิ่มบรรยากาศเทศกาลตรุษจีน ติดภาพ “เหนียนฮว่า” ฉลองตรุษจีน ชาวจีนมักจะพูดกันว่า “ไม่ว่ามีเงินหรือไม่มี ก็ต้องซื้อภาพเหนียนฮว่าฉลองตรุษจีน
จะถูกจะแพงขาย “แดง” ไว้ก่อน! ทำไมตรุษจีนต้องสีแดง ช่วยให้ค้าขายรุ่งเรือง? แน่นอนว่านอกจากการไหว้เจ้าขอพรให้ปีใหม่ที่จะมาถึง โดยฤกษ์ไหว้ตรุษจีน 2567 ปีนี้ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือไอเทมที่มีสีแดง เพราะเป็นสีมงคลของชาวจีน ที่เชื่อว่าจะช่วยเสริมโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา ทำไมตรุษจีนต้องสีแดง? เหตุผลที่ชาวจีนนิยมใช้สีแดงในวันมงคล เพราะคนจีนมีความเชื่อว่า สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองความโชคดี สีแดง คือหยาง อันหมายถึง ดวงอาทิตย์ สัญลักษณ์ของพลังแห่งบุรุษเพศ การเคลื่อนไหว ความกระตือรือร้น การเคลื่อนขึ้นไปด้านบน การเจริญเติบโต ความเจริญรุ่งเรือง ความร้อนแรง ความโชคดี ความเคารพ การป้องกัน และการยอมรับนับถือ (ตรงข้ามกับ หยิน) และเนื่องจากสีแดงเป็นสี มงคล ในงานแต่งงาน ในวันตรุษจีน (ปีใหม่) และโอกาสพิเศษที่น่ายินดีล้วนต้องเป็นสีแดง โดยความเชื่อเรื่องสีแดงไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ของความมงคลอย่างเดียว สีแดงในความเชื่อของผู้คนนานาชาติ มีความหมายแตกต่างกันออกไป เช่น ชาวอินเดีย เชื่อว่า สีแดง คือความบริสุทธิ์ ราคะ และจิตวิญาณ นอกจากนี้ยังเป็นสีกายของพระอาทิตย์ เ
พ่อค้าแม่ขายเตรียมรับแรงกระแทก! ทัวร์จีนมาแน่ เฉียดแสนคน ตั้งแต่สัปดาห์แรกปี 67 วันที่ 9 มกราคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา เผยสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 1-7 มกราคม 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา 605,537 คน โดยผลการประเมินเบื้องต้นพบว่า 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ได้แก่ อันดับ 1 จีน 81,854 คน อันดับ 2 มาเลเซีย 64,053 คน อันดับ 3 รัสเซีย 51,467 คน อันดับ 4 เกาหลีใต้ 43,894 คน อันดับ 5 อินเดีย 30,203 คน ซึ่งภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาลดลง 184,106 คน หรือลดลงร้อยละ 23.32 จากสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นการลดลงของนักท่องเที่ยวเกือบทุกตลาด เนื่องจากเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ในสัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึงนักท่องเที่ยวตลาดหลักที่ลดลง ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 4.93 ในขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย อินเดีย จีน และรัสเซีย ปรับตัวลดลง ร้อยละ 48.15 ร้อยละ 23.79 ร้อยละ 18.96 และร้อยละ 2.70 ตามลำดับ สำหรับสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาต
ฟรีวีซ่า ‘จีน-คาซัคสถาน’ ดันท่องเที่ยว ปี 67 คาดได้เห็นต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 31 ล้านคน ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการวีซ่าฟรี 2 ประเทศ คือ จีนและคาซัคสถาน โดยเฉพาะสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และด้วยข้อจำกัดด้านเส้นทางการบินที่ยังมีอยู่ รวมถึงจังหวะการทำตลาดที่อาจค่อนข้างกระชั้น ทำให้ผลบวกในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะค่อนข้างจำกัด โดยมองว่าในช่วงที่เหลือของปี 2566 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยประมาณ 3.5-4.0 แสนคนต่อเดือน เทียบกับช่วง 8 เดือนแรกของปีที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.8 แสนคนต่อเดือน แต่ผลบวกคงจะชัดเจนมากขึ้นในปี 2567 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ นักท่องเที่ยวจากคาซัคสถาน แม้ขนาดตลาดมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของจำนวนชาวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งหมด แต่เป็นตลาดใหม่และกำลังเติบโต มาตรการดังกล่าวจึงน่าจะช่วยให้ไทยเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ แต่เนื่องด้วยที่ผ่านมา การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยต่ำกว่าที่ประเมินในช่วงต้นปี 2566 โดยการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวต่า
ธ.ก.ส. เยี่ยมชมงานลูกค้า ADBC แหล่งผลิตน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดของจีน นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วย นายเชษฐา แหล่ป้อง ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. และคณะผู้บริหาร เยี่ยมชมงานอุตสาหกรรมโรงงานน้ำตาล เมืองฉงจั่ว แหล่งผลิตน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งเป็นลูกค้าของ Agricultural Development Bank of China (ADBC) โดยโรงงานดังกล่าว มีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุตสาหกรรมน้ำตาลและการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การนำเครื่องจักรกลมาใช้ การควบคุมคุณภาพ การแปรรูปที่ไม่เพียงแต่การผลิตน้ำตาลเท่านั้น แต่ยังมีการนำชานอ้อยไปทำกระดาษ ผลิตไฟฟ้า และปุ๋ยกากน้ำตาลนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยีสต์ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ณ Sungain Circular Economic Industrial Park สถานที่ตั้ง Jiangzhou District, Chongzuo, Guangxi, China โดยมีผู้จัดการสาขา ADBC : Li Fang, President of Chongzuo Branch ผู้จัดการโรงงานน้ำตาล ZhangXin Product Manager of Guangxi Chongzuo Xianggui Sugar Industry Co., LTD และ ZhouHua, Executive Assistant นำชมและบรรยาย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ที่ผ่
ไส้กรอกแบบไหน กินแล้วปลอดภัย แนะวิธีสังเกตง่ายๆ หลังมีข่าวดัง ลักลอบนำเข้า จากกรณีข่าว ลักลอบนำเข้าไส้กรอกหมูยี่ห้อหนึ่งจากต่างประเทศ โดยสุนัขบีเกิลได้ตรวจพบไส้กรอกหมูจำนวน 100 แท่ง น้ำหนัก 8.5 กิโลกรัม ราคาประมาณ 2,000 บาท ซึ่งมาจากต้นทางท่าอากาศยานนานาชาติเหม่ยหลาน เมืองไหโข่ว ประเทศจีน โดยเจ้าหน้าที่เผยว่าประเทศต้นทางมีโรคระบาด จึงไม่อนุญาตให้นำเข้า เรื่องดังกล่าวสร้างความตกใจและความกังวลให้กับผู้บริโภคไม่น้อย เพราะไส้กรอกดังกล่าวถือเป็นเมนูฮิตประจำร้านหม่าล่าหม้อไฟ แต่ถึงกระนั้นผู้บริโภคสามารถสังเกตผลิตภัณฑ์แปรรูปดังกล่าวนี้ ก่อนเลือกซื้อได้ โดย เพจฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้แนะนำ ไส้กรอกแบบไหน กินแล้วปลอดภัยหายห่วง ไว้ดังนี้ 1. ให้เลือกซื้อไส้กรอกที่มีฉลากแสดงเลขสารบบอาหารในกรอบ เครื่องหมาย อย. มีชื่ออาหาร ชื่อ-ที่ตั้ง ของผู้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต-หมดอายุ ส่วนประกอบข้อมูลวัตถุเจือปนอาหาร น้ำหนักสุทธิ และซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือเท่านั้น 2. ไม่เลือกซื้อไส้กรอกที่มีสีสดจัดจนเกินไป 3. ถ้าซื้อไส้กรอกแบบพร้อมทานแต่ไม่รู้ยี่ห้อ อาจขอให้ผู้ขายแสดงห่อบรรจุภัณฑ์ของสินค
จีน ทำสำเร็จ ทดลองปลูกทุเรียน 2 สายพันธุ์ เกษตรกรไทย ต้องปรับกลยุทธ์อย่างไร ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อมูลจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารอาเชียน กรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ทุเรียน ราชาผลไม้ ที่นอกจากจะมีรสชาติอร่อยและมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ทำเงินมหาศาลให้กับประเทศไทยอีกด้วย แต่เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศจีน ได้ประกาศถึงความสำเร็จในการทดลองปลูกทุเรียนสายพันธุ์มูซานคิง และพันธุ์หนามดํา ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดอย่างมาก จากปรากฏการณ์ดังกล่าว ได้สร้างความหวาดหวั่นให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนชาวไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เกษตรกรมณฑลม้าวหมิง มณฑลกวางตุ้ง ได้ประสบความสําเร็จในการปลูกทุเรียนพันธุ์มูซานคิงและพันธุ์หนามดํา ที่นําต้นกล้ามาจากมาเลเซีย โดยเริ่มปลูกครั้งแรก เมื่อปี 2561 ประสบผลสําเร็จครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 และคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2565 สำหรับพื้นที่ทดลองเพาะปลูกทุเรียนทั้ง 2 พันธุ์ดังกล่าวนั้น ตั้งอยู่ที่ตําบลกวนจู เมืองม้าวหมิง ซึ่งเป็นพื้นที
ส่งออกทุเรียนไทย เดือน พ.ค. 64 พุ่งทุบสถิติ ตลาดจีนยังคงมาแรง วันที่ 9 ก.ค. 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า มูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยในเดือน พ.ค. 2564 สร้างสถิติรายเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 934.9 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 95.3% (YoY) ส่งผลให้ทุเรียนกลายเป็นสินค้าเกษตรเศรษฐกิจส่งออกสำคัญลำดับที่ 2 และมีแนวโน้มเติบโตทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า ซึ่งแรงสนับสนุนสำคัญมาจากการตอบรับของผู้บริโภคในตลาดโลก โดยมีจีนเป็นประเทศผู้บริโภคทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลก หรือคิดเป็น 70% ของตลาดโลก ซึ่งเมื่อรวมตลาดฮ่องกงที่มีส่วนแบ่งเกือบ 20% ทำให้จีนครองตลาดทุเรียนไปเกือบทั้งหมด ในขณะที่ประเทศไทย เป็นประเทศส่งออกทุเรียนรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก ทั้งด้านปริมาณและมูลค่า โดยไทยมีความได้เปรียบในด้านความเชี่ยวชาญทำตลาดส่งออกผลไม้ ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ตลาดจีน ทำให้การขนส่งทุเรียนสดถึงมือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ในราคาที่ผู้บริโภคยอมรับได้ รวมถึงรสชาติของทุเรียนไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ความต้องการบริโภคทุเรียนในตลาดจีนยังผลักดันให้ราคาจำหน่ายทุเรียนสูงต่อเนื่อง แม้ในปัจจุบันทุเรียนไทยครองตลาด
สินค้าไอที-ผลไม้ไทย อนาคตสดใส ส่งออกตลาดดาวรุ่ง สิงคโปร์ จีน เวียดนาม การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในปี 2563 หดตัว 2.16% มูลค่า 766,314 ล้านบาท ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พรมแดนระหว่างประเทศจำกัดจุดผ่านแดน และเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจปล่อยรถขนส่ง แต่ท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น กลับมีความต้องการสินค้า เพื่อตอบโจทย์กิจกรรมทางเศรษฐกิจวิถีใหม่ ทำให้การส่งออกผ่านแดนไปประเทศที่ 3 เติบโตได้อย่างน่าสนใจ 6.4% กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ที่ช่วยพยุงการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ให้กลับมาเติบโตได้ ในปี 2564 แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทย เริ่มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่เข้ามาช่วยเสริม ให้ตัวเลขการค้าชายแดนพลิกฟื้นกลับมา แม้ตลาดประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทยเกินกว่าครึ่ง ได้แก่ เมียน มา สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ฉุดการส่งออกชายแดนในภาพรวมลดลงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คาดว่าในปี 2564 การส่งออกชายแดนไปตลาดเหล่านี้ จะยังมีทิศทางเติบโตเชื่องช้าต่อไป โดยขยายตัวเพียง 1.3% มูลค่าการส่งออก 454,005 ล้านบาท ด้วยข้อจำกัดด้านกำลังซ
หมอยง ชี้ โควิดระลอกใหม่ มาจากพฤติกรรมในตลาดสด เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 63 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เกี่ยวกับประเด็นโควิด-19 ระบุว่า บทเรียนจากจีนและสิงคโปร์ ประเทศไทยคัดลอกบทเรียนจาก จีน และ สิงคโปร์ ในการระบาด รอบใหม่ ของโรคโควิด-19 บทเรียนจากประเทศจีน ตั้งแต่อู่ฮั่น ปักกิ่ง ต้าเหลียน ชิงเต่า ตลาดจะเป็นตัวขยายโรค (amplify) เริ่มตั้งแต่ ตลาดหัวหนาน ในเมืองอู่ฮั่น ที่เป็นตลาดสด เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ในประเทศจีน โดยผู้ป่วยรายแรกคือใครไม่ทราบ และส่งต่อ 3-4 รุ่น จึงเข้าไปขยายในตลาด และทำให้ระบาดทั้งเมืองอู่ฮั่น จีนได้รับบทเรียน ทันทีที่เกิดการระบาดที่ตลาดขนาดใหญ่ ซินฟาตี้ ในกรุงปักกิ่ง ที่มีการตรวจพบเชื้อไวรัส ที่เขียงปลาแซลมอน ก็ระดมปิดล้อม ด้วยการตรวจหาเชื้อหลายล้านคน และสามารถควบคุมโรคในที่สุด ต่อมาก็เกิดมีการระบาดที่ ต้าเหลียน ตรวจพบไวรัสที่ กุ้งแช่แข็งส่งมาจาก ประเทศเอกวาดอร์ รวมทั้งการระบาดที่เมือง ชิงเต่า ที่เป็นเมืองท่าขนส่งสินค้า ก็เกิดคล้ายๆ กัน โดยที่ไวรัสจะโจมตีที่ตลาดสด หรื