ท่านมุ้ย หรือ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ได้ประทานสัมภาษณ์ถึงที่มาของการทำโครงการบันทึกภาพประวัติศาสตร์ คนไทยน้อมถวายความอาลัยแด่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” โดยพร้อมใจเดินทางเข้าร่วมแสดงพลังประสานเสียงขับร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ซึ่งนับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ และยิ่งใหญ่ต่อปวงชนชาวไทย ว่า วันที่พระองค์ท่านสวรรคต ตนมีความคิดว่าความจริงแล้วในโรงภาพยนตร์มีเพลงสรรเสริญพระบารมี แต่ว่าเพลงสรรเสริญพระบารมีจะเปลี่ยนแผ่นดิน ตนว่าโอกาสที่เราจะฟังเพลงสรรเสริญพระบารมีของรัชกาลที่ 9 มีอยู่ช่วงสุดท้ายคืออีกไม่กี่วันนี้เองก็เลยมีความคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่เราจะให้ประชาชนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน
ตอนแรกวางไว้ว่าจะมีเครื่องดนตรี 2-3 ชิ้น และคนประมาณ 1,000 คน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีเครื่องดนตรีถึง 400 ชิ้น และคนร้องเพลงอีก 200 คน และก็ไม่คิดด้วยว่าจะมีประชาชนมารวมตัวกันมากขนาดนี้ ต้องขอบอกก่อนว่าที่เขามากันด้วยใจจริงๆ ไม่มีการเกณฑ์คนมาหรือบังคับให้เขามากัน ทุกๆ คนยืนตากแดดกันตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึงบ่าย โดยเพลงนี้จะเป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ทุกคนร้องพร้อมกัน และอาจจะเป็นการทำลายสถิติโลกที่มีคนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีมากเป็นประวัติศาสตร์ ไม่มีพรรคการเมือง ไม่มีค่าย ดารามาช่วยกันคนละไม้คนละมือโดยที่เราไม่ได้ไปบังคับ ทุกๆ คนมากันด้วยใจจริงๆ ไม่มีใครคิดเงิน รวมทั้งผู้สร้างหนังเกือบ 1,000 คน ที่เดินทางมาช่วยกัน”
ต่อข้อถามว่ามีการวัดจำนวนคนจากอะไร ท่านมุ้ยเผยว่า “เรากะเกณฑ์โดยการใช้โดรนถ่ายภาพ และก็กะด้วยสายตา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ ส่วนเรื่องอุปกรณ์การถ่ายทำทุกคนก็เอามาช่วยเหลือกันโดยที่ไม่มีใครคิดเงิน แต่ผมก็ไม่ทราบนะครับว่ามีใครมาช่วยบ้าง เพราะไม่ได้มีใครมาบอกรายละเอียดเหมือนกัน
ผู้สื่ข่าวถามอีกว่า มาถึงวันนี้ท่านมุ้ยเห็นคนไทยเดินทางมาร่วมงานเยอะแยะมากมาย รู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านมุ้ยกล่าวว่า “ผมรู้สึกไม่เชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ จะมีคนมาได้มากมายขนาดนี้ และเราจะถ่ายกันไปเรื่อยๆ จนถึงตอนเย็นเลยครับ เพราะช่วงเย็นเราจะให้ทุกคนจุดเทียนเหมือนกับเป็นดวงตาล้านดวง และให้เห็นว่าทั้งหมดนี้คือประชาชน”
ต่อข้อถามว่าการเตรียมงานวันนี้มีความยากง่ายยังไงบ้าง ท่านมุ้ยเผยว่า “ไม่ยากเลยครับ เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดจนผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนมาช่วยกันมากมายขนาดนี้ ทุกคนทุกค่ายช่วยกันไม่มีการแบ่งแยก (น้ำตาคลอ)”
ถามว่าอะไรคือสิ่งที่จุดประกายให้เราเกิดแนวคิดครั้งนี้ ท่านมุ้ยกล่าวเสียงสั่นเครือว่า “แนวความคิดคือ เราต้องการให้ประชาชนช่วยกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีถวายให้กับในหลวง และก็วันนี้ผมเองก็ได้ลูกสาว(คุณหญิงแมงมุม-ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง) มาช่วยกันทำงานด้วย”
เห็นว่าการถ่ายทำวิดีโอครั้งนี้ใช้อุปกรณ์และเทคนิคพิเศษเข้ามาช่วยเสริมด้วย ท่านมุ้ย กล่าวว่า “ครับผม คือคุณไม่มีทางสามารถถ่ายประชาชนทั้งหมดได้ แต่เราก็ได้มีการขออนุญาตในการใช้โดรนด้วย ส่วนเรื่องการบันทึกเสียงในสตูดิโอไม่มีครับ ทุกอย่างสดหมด เรามีเครื่องบันทึกเสียงไมโครโฟนทั้งหมดตรงนี้ 25 ตัว แล้วมีมิกเซอร์เหมือนกับคอนเสิร์ตเลย ทุกอย่างสดหมด ในส่วนของมุมกล้องเราต้องการแม็กซิมั่มของประชาชน ไม่ได้เจาะเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ่ายไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี ประชาชน เราต้องการภาพมุมกว้าง และที่เลือกโลเกชั่นที่นี่ ผมไม่ได้ต้องการจะสื่ออะไร ผมต้องการให้ประชาชนมาร่วมร้องเพลง สำหรับความยากในการทำงานผมเองไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นอะไรที่ยากมากๆ เลย มุมกล้องโน้น มุมกล้องนี้ แดดร้อน”
มีอะไรอยากจะพูดกับประชาชนไหม ท่านมุ้ย กล่าวว่า “ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ร่วมใจกันมา ร่วมใจร่วมแรงกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี หวังว่าพอออกไปฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว ทุกคนคงจะยืนถวายความเคารพ เพราะครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ทำงานถวายในหลวง สำหรับค่าใช้จ่ายไม่ได้เสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ทุกคนร่วมใจกันมาเอง ผมเองก็ไม่ได้ขอความสนับสนุนจากภาครัฐเลย ไม่เคยขอสปอนเซอร์จากใคร ตรงนี้คืองานของประชาชนทุกคน ดาราศิลปินจากแต่ละค่าย สื่อจากทุกสำนักพร้อมใจกันมาโดยไม่แบ่งช่องแบ่งค่าย”
วิดีโอตัวนี้จะออกอากาศเมื่อไหร่ “กำหนดไว้ว่าจะเป็นอาทิตย์หน้าครับ แต่ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นวันที่เท่าไหร่ โดยความยาวเท่ากับบทเพลงหนึ่งบทเพลงครับ ส่วนระยะเวลาในการฉายจะเริ่มฉายอาทิตย์หน้า จนกว่าจะเปลี่ยนแผ่นดิน”
เพลงสรรเสริญพระบารมี ในเวอร์ชั่นนี้จะได้เห็นภาพพระราชกรณียกิจที่เราไม่เคยเห็นไหม ท่านมุ้ย กล่าวว่า “น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะในหลายพระราชกรณียกิจคนไทยไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างนี้ดีกว่า ตัดไปคงร้องไห้ไป”
ด้าน คุณหญิงแมงมุม-ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล เผยว่า “ในส่วนของคุณพลอยไพลิน เจนเซ่น ตนไม่แน่ใจว่าจะมาร่วมร้องกี่รอบ เพราะเป็นส่วนของ อ.สมเถา แต่ได้รับแจ้งมาว่าคุณพลอยจะมา แต่เราคอนเฟิร์มไม่ได้ ท่านมาเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวานไม่ได้มีซ้อมที่นี่ แค่มีการเตรียมตั้งไฟ เตรียมสถานที่
เป็นการถ่ายแบบร้องรอบเดียวจบหรือเปล่า คุณหญิงแมงมุม กล่าวว่า “ถ้าเกิดพูดเป็นเวลา เรียกว่าถ่ายตั้งแต่ 13.00-14.00 น. มีทั้งหมด 3 รอบ 13.00-14.00 น. 1 รอบ , 14.00-15.00 น. 1 รอบ และ 16.00-17.00 น. และไปอีกทีคือ รอบ 22.00-23.00 น. ตอนกลางคืนไม่มีวงออเคสตร้า เราโฟกัสแค่ประชาชนอย่างเดียว มีการจุดเทียนและความรู้สึกที่ประชาชนมีต่อในหลวงของเรา ที่ให้มีการจุดเทียนเพราะมันมีเรื่องของภาพ เราไม่อยากจัดไฟ เราพยายามทำอะไรให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด จริงที่สุด โดยในช่วง 22.00 น. จะมีการร้องรอบเดียว แต่กล้องเรามีทั้งหมด 50 ตัว ก็จะพยายามเก็บให้ได้มากที่สุด”
ต่อข้อถามว่าเท่าที่เห็นประชาชนที่มาในวันนี้เรียกว่าเหนือความคาดหมายไหม คุณหญิงแมงมุม กล่าวว่า “ตอนที่เริ่มจัดเราก็ไม่ทราบว่าคนจะมาเท่าไหร่ แต่เราก็คิดว่าประชาชนอยากที่จะมาอยู่ตรงนี้ อยากเป็นส่วนหนึ่งที่เราทุกคนได้ทำถวาย ภาพที่เราเห็นตอนซ้อมทุกคนร้องจากใจ เหมือนที่ทุกคนมาด้วยใจ จะร้อนแค่ไหน ให้ทำอะไรเขาก็ให้ความร่วมมือ 100% เราอยากให้ทุกคนเท่าเทียมกัน จึงไม่มีการแบ่งโซน เพราะฉะนั้นคนที่มารอตั้งแต่เมื่อคืน เขาก็จะได้อยู่หน้าสุด”
อยากพูดอะไรกับคนที่มารอเต็มท้องสนามหลวง คุณหญิงแมงมุม กล่าวว่า “อยากขอบคุณทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นทั้งรัฐและเอกชน อาสาสมัคร ที่อดทนและทำทุกอย่างเพื่อให้งานชิ้นนี้เสร็จ ทุกคนใจเย็นไม่มีบ่น ตั้งแต่ทำงานมานี่ เป็นครั้งแรกที่ไม่มีใครร้องว่าเหนื่อย ไม่มีใครทะเลาะกันเลย ประชาชนทุกคนก็มีความสุขที่ได้มาร่วม อยากให้ประชาชนเข้ามาร่วมกันมากกว่านี้ แต่สถานที่มีจำกัดจริงๆ ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถให้เข้ามาได้”
สำหรับวิดีโอเพลงสรรเสริญพระบารมีจะสามารถดูที่ไหนได้บ้าง “ดูได้จากในทีวีทุกช่อง และโรงหนังทุกโรงในประเทศไทย หวังว่าอาทิตย์หน้าคงจะได้ชม”
ทราบหรือเปล่าว่ามีกินเนสส์ บุ๊ก มาเก็บสถิติว่ามีคนร้องเพลงประสานเสียงมากที่สุดในโลก คุณหญิงแมงมุม กล่าวว่า “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ส่วนตัวดูแต่โปรดักชั่นอย่างเดียว กล้องบอกไม่ได้ว่าใช้กี่ตัวเพราะมีอาสาสมัครมาเพิ่ม ก็คงไม่ต่ำกว่า 60 ตัว เครน 2 ตัว งานนี้ไม่มีค่าจ้างใดๆ เลย ทุกคนทำด้วยใจ ทีมงานตอนนี้ 1,300 ชีวิต ไม่รวมภาพนิ่งและทีมอาหาร ไม่รวมทีมอาสาสมัคร ไม่รวมทีมซาวด์ เวที 27×28 เมตร”
ที่มา ข่าวสดออนไลน์