เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured Exclusive

ย้อนรู้จักผู้ก่อตั้ง Happy Munchy แบรนด์เล็กๆ ที่เริ่มต้นจาก 3 แม่คนดัง สู่ดราม่าโลกออนไลน์ ‘ออมุก’ ในเซเว่นฯ

ย้อนรู้จักผู้ก่อตั้ง Happy Munchy แบรนด์เล็กๆ ที่เริ่มต้นจาก 3 แม่คนดัง สู่ดราม่าโลกออนไลน์ ‘ออมุก’ ในเซเว่นฯ

จากเรื่องราวของ ‘Happy Munchy (แฮปปี้มันช์ชี่)’ แบรนด์ไทยเจ้าของสินค้าตัวดังอย่าง ‘ออมุก’ สไตล์เกาหลี ที่กำลังเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียล

รู้หรือไม่ แบรนด์นี้เป็นธุรกิจ SMEs จากความร่วมมือของ 3 คุณแม่คนดัง ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์ แห่งเพจเลี้ยงลูกชื่อดัง Little Monster, นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ นักแสดง พิธีกร ผู้ประกาศข่าว และแตน-ธันยวดี วะสีนนท์ นักธุรกิจหญิงผู้คร่ำหวอดในธุรกิจอาหาร

ที่มีจุดเริ่มต้นง่ายๆ อย่างการแก้ปัญหา “ลูกทานยาก” จนเกิดเป็นสินค้าอาหารสำหรับเด็กที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นที่รู้จักในเวลาไม่นาน เดินหน้าแตกไลน์สินค้าและขยายตลาดสู่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กับสินค้า “ออมุก” สไตล์เกาหลี อาหารง่ายๆ ที่เพียบด้วยคุณประโยชน์ เหมาะกับคนทุกวัย ก็ได้รับการตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน

เส้นทางของ Happy Munchy เริ่มต้นจากปัญหาของ ตุ๊ก นิรัตน์ชญา ที่พบปัญหาลูกสาวไม่ยอมทานอะไรเลย นอกจากหมูฝอย เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการตามช่วงวัย เมื่อได้คุยกับ แตน ธันยวดี และนิหน่า สุฐิตา ก็พบว่าเผชิญปัญหาเดียวกัน ทั้ง 3 คนจึงร่วมกันก่อตั้งบริษัท ลิตเติ้ลมันช์ชี่ จำกัด ขึ้นมา เพื่อปลุกปั้นสินค้าอาหารสำหรับเด็ก ที่ทำให้เด็กทานง่าย และได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์

“หลายคนอาจจะคิดว่ามันง่าย เพราะแตน มีโรงงาน แค่บอกให้ทำก็สามารถทำได้ แต่มันไม่ใช่ เราเริ่มจากการคิดค้นสูตรร่วมกันผ่านกระทะเล็กๆ ในครัวหลังบ้าน เพื่อหาความลงตัวตรงตามที่เราต้องการ มันคือ Made by Mom จริงๆ เริ่มทำจาก 3 แม่ ในสเต็ปแรก ถึงจะสู่ขั้นตอนการผลิตโดยโรงงานที่ได้มาตรฐาน” นิหน่า เล่า

หลังจากสินค้าหมูฝอย แบรนด์ Little Munchy (ลิตเติลมันช์ชี่) ที่ชูคอนเซ็ปต์ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด มีประโยชน์ และมี อย. เริ่มบุกตลาดอาหารเด็กในปี 2559 ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ในปี 2563 ทั้ง 3 คนตัดสินใจรีแบรนด์ Little Munchy สู่ Happy Munchy เพื่อให้ขยายฐานลูกค้าไปได้ไกลกว่าแค่กลุ่มอาหารเด็ก

3 แม่คนดัง

“เราใช้คำว่า Happy สื่อถึงความสุขของผู้ทานอาหารที่มีประโยชน์ หลังจากเรารีแบรนด์และเพิ่มช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่น เพิ่มไลน์สินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายของเราเติบโตมากกว่า 100% เรียกว่า เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากที่เลี้ยงลูกอยู่บ้านและลูกไม่กินข้าว มาเป็นงานอดิเรกสู่ธุรกิจแบบจริงจังอย่างปัจจุบัน” แตน เล่า

การจะขยายฐานจากตลาดแม่และเด็ก สู่ตลาดใหม่ๆ จำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้ ทั้ง 3 คนซึ่งมีบุคลิกเป็นทั้งนักคิด นักพัฒนา นักสู้ นักแก้ปัญหา อยู่ใน DNA จึงเดินหน้าลุยและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องระบบบัญชี การบริหารสต๊อก แพ็กเกจจิ้ง ตลอดจนเรื่องรสชาติ จากพันธมิตรช่องทางขายอย่างเซเว่น อีเลฟเว่น เช่น การปรับเปลี่ยนรสชาติไม่ให้ยึดติดกับรสชาติเพื่อแม่และเด็กจนเกินไป เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเซเว่น อีเลฟเว่น ได้ง่ายขึ้น

“เรากลับมาคิดเพิ่มว่าจะผลิตสินค้าอะไรดีที่เหมาะกับลูกค้ากลุ่มนี้ และก็มาจบลงที่ “ออมุก” สไตล์เกาหลี สินค้าที่ยังคงฮอตฮิตมาตลอด แต่ต้องสร้างความแตกต่าง ด้วยการคงคอนเซ็ปต์หลักของเราไว้คือ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด และมีประโยชน์ ทานง่าย รสชาติอร่อย ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี” ตุ๊ก เล่า

ออมุก ผสมผัก

ปัจจุบัน บริษัท มี “ออมุก” วางจำหน่ายใน เซเว่น อีเลฟเว่น ไม่ว่าจะเป็น ออมุกปลาแผ่นเกาหลี และออมุกผสมผัก ออมุกชีสข้าวโพด และสินค้าอื่นๆ อีกมากมายวางจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ โดยในอนาคต เตรียมที่จะออกออมุกตัวใหม่เรื่อยๆ มุ่งหวังให้ออมุก เป็นหนึ่งในซีรีส์ ที่ช่วยส่งมอบความสุขให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

ทั้ง 3 แม่ทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจก็คือ ความรู้ ยิ่งเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยิ่งต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติม และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อไหร่ที่หยุดแสวงหาความรู้ หยุดพัฒนาตัวเองก็เท่ากับตาย จะมีแต่ Passion ไม่ได้ เพราะ Passion เพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้ต่อสู้กับตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้ ต้องทำสินค้าบนความต้องการของตลาด พันธมิตรที่ดี มีส่วนช่วยให้เราเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ง่ายขึ้น 

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2022 

Related Posts

80 ยังแจ๋ว "ป้าตุ่น" ครีเอเตอร์รุ่นใหญ่ ไม่หยุดเรียนรู้ โชว์ทำขนมบนโซเชียล เป็นขวัญใจคนทุกเจน
จากปัญหาของเล่นล้นบ้าน สู่ Keimen Kids ธุรกิจเช่าของเล่นที่อยากช่วยเซฟโลก เซฟเงินในกระเป๋าพ่อแม่