เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured Exclusive

ล้มละลายจากโรงงานวุ้นเส้น สู่ สมาร์ทอิมเมจ ธุรกิจโรงหล่อระดับประเทศ

ล้มละลายจากโรงงานวุ้นเส้น สู่ สมาร์ทอิมเมจ ธุรกิจโรงหล่อ สร้างประติมากรรมเจ๋งๆ อวดชาวโลกมากมาย!

หากใครที่ชื่นชอบงาน ศิลปะประติมากรรม ชื่อของ สมาร์ทอิมเมจ จากจังหวัดสกลนคร คงเป็นอีกหนึ่งชื่อที่ติดโพลโรงหล่อประติมากรรมที่หลายๆ คนรู้จักและให้ความไว้วางใจ

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้คุยกับ คุณนิภัทร สุวาส เจ้าของ บริษัท สมาร์ทอิมเมจ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ที่เล่าที่มาที่ไปให้ฟังว่า แรกเริ่มเดิมที ตัวเขานั้นเป็นลูกหลานครอบครัวชาวนาที่ในรุ่นของพ่อกับแม่รับราชการครู

ผลงานจาก โรงหล่อ สมาร์ทอิมเมจ

คุณนิภัทรเติบโตมาเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป เมื่อเรียนจบก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัท กระทั่งมีช่วงหนึ่งที่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ได้จัดโครงการอบรมเกี่ยวกับการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่และต้องการต่อยอดธุรกิจ

จากที่ไม่คิดจะทำธุรกิจส่วนตัวใดๆ แต่เมื่อลองเปิดใจเข้าไปลองฟัง ก็ทำให้คุณนิภัทรเกิดไอเดียและอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จึงมองหาโอกาสและได้พบกับธุรกิจหนึ่งนั่นก็คือ ธุรกิจโรงงานวุ้นเส้น

คุณนิภัทร สุวาส เจ้าของ บริษัท สมาร์ทอิมเมจ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

“ตอนทำธุรกิจวุ้นเส้นแรกๆ ผมเริ่มต้นจากครัวในห้องแถวเล็กๆ เพียง 1 คูหา ที่เช่าอยู่เดือนละ 3,000 บาทนี่แหละ ก็มีพนักงานทั้งหมด 3 คนคือ ผม ภรรยา และลูกจ้างอีกคนหนึ่ง เรียกว่าเป็นวุ้นเส้นโฮมเมดเลยแหละ เหนียว นุ่ม ทำขายง่ายๆ ให้คนและก็ขายในตลาดแถวๆ นั้น ตอนนั้นผมยังทำงานบริษัทอยู่นะ แต่พอวุ้นเส้นมันขายดีขึ้น ทำกันไม่ค่อยทัน เลยลาออกมาทำวุ้นเส้นเต็มตัวเลย โดยใช้ชื่อว่า ต.เจริญวุ้นเส้น เพราะผมก็เห็นว่า เออ ธุรกิจมันไปได้นะและเราก็อยากให้มันเติบโตขยายๆ ไปเรื่อยๆ”

“ทำขาย 1 เดือน ได้ 2.3 แสนบาท มันก็เติบโตมาต่อเนื่อง จน 1 ปี ยอดขายไปแตะที่ 3 ล้านบาท และสามารถซื้อที่มาสร้างเป็นโรงงานจริงๆ จังๆ ได้ เพราะเราก็ได้ทุนจากโครงการของ ธพว. มาด้วย 1 แสนบาท ตลาดมันว่าง เราผลิตได้มากขึ้น ขายได้เยอะขึ้น เรียกว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดวุ้นเส้นที่ป๊อปมาก แน่นอนมันก็มีเรื่องของคู่แข่งที่เขาอยู่กันมาก่อน ที่เขามีกำลังทั้งผลิตและเงินมากกว่า ก็แข่งกันจนในที่สุดแล้วผมแบกต้นทุนต่อไม่ไหว ทำได้แค่ 2 ปีก็เลยเลิกทำไป เรียกว่าหมดตัวเลยตอนนั้น” คุณนิภัทร เล่า

ต่อมาคุณนิภัทรได้เดินทางไปหางานและสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นช่วงปี พ.ศ. 2549 ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปีพอดี และในกรุงเทพมหานครได้จัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีงานประติมากรรมสวยๆ งามๆ ทุกพื้นที่ แต่ในต่างจังหวัดนั้นมีให้เห็นได้น้อย จึงทำให้คุณนิภัทรเกิดไอเดียในการสร้างประติมากรรมมาจัดแสดงโดยนำเสนอกับทางจังหวัดสกลนคร

“ตอนนั้นก็คิดว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านก็เป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศทั้งประเทศ แต่ทำไมถึงจัดเฉลิมฉลองที่กรุงเทพฯ แค่ที่เดียวล่ะ คนต่างจังหวัดก็น่าจะอยากเฉลิมฉลองด้วยนะ ก็เกิดไอเดียการสร้างประติมากรรมมาจัดแสดงโดยนำเสนอกับทางจังหวัดสกลนคร ไปขอใบอนุญาตจากสำนักพระราชวัง เพื่อจัดแสดงประติมากรรมเกี่ยวกับองค์ ร.9 วิ่งดำเนินการจนแล้วเสร็จก็ได้ทำดังที่มาดหมายไว้ ก็เริ่มทำเป็นพวกงานพริ้นต์ ไฟเบอร์กลาส งานโลหะอะไรแบบนี้ก่อน พอคนมาเที่ยวมาเห็นผลงาน ก็เริ่มมีคนจากจังหวัดอื่นๆ มาถามหาว่าจ้างให้ไปสร้างประติมากรรมเหล่านี้ที่จังหวัดของเขาบ้าง ทั้งงานตกแต่งประตูตามถนน ซุ้มประตูเมือง กำแพงเมือง งานป้าย และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผมได้ขอใบอนุญาตในการผลิตตราของในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างถูกต้องตามระเบียบของสำนักพระราชวังแล้ว”

“แต่พอหมดปี 49 ก็เคว้ง กลายเป็นปัญหาก่อนเริ่มทำธุรกิจจริงๆ จังๆ ไหนจะความรู้เรื่องการหล่อ เราก็ได้มาจากการครูพักลักจำ ไปดูไปถามจากที่จ้างๆ เขามาทำให้ พอมาทำเองมันเลยรู้ว่า งานพวกนี้มันทำมาแล้วขายยากมาก เพราะคนมองว่ามันฟุ่มเฟือยแถมแพงอีก ตอนแรกก็ว่าจะไปขายตามพวกบริษัท เพราะงานผมมันเป็นงานประติมากรรมที่มีความหมาย อย่างรูปม้าก็เป็นสัตว์มงคลอย่างหนึ่ง จำได้เลยว่าชิ้นแรกที่ขายได้ เป็นงานที่อยู่ในบ้านคุณเนวินนี่แหละ พอมีคนไปบ้านท่านแล้วเห็นเขาก็ถามหาคนทำแล้วติดต่อมา ก็เลยเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นธุรกิจการสร้างงานประติมากรรมภายใต้แบรนด์ สมาร์ทอิมเมจ” คุณนิภัทร เล่าอย่างนั้น

แน่นอนว่างานเหล่านี้ย่อมมีคู่แข่งทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ให้ประลองฝีมือการบริหารธุรกิจกันบ่อยๆ ทำให้คุณนิภัทรเริ่มคิดค้นหาจุดเด่นและความพิเศษที่เกิดการลอกเลียนแบบได้ยาก นั่นก็คือ การใส่ฝีมือเข้าไปในงานทุกชิ้น ซึ่งกลายเป็นชิ้นงานปั้น งานหล่อ ขึ้นมาและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

“งานฝีมือนั้นจำเป็นต้องอาศัยทั้งเวลา ความสามารถ และการฝึกฝนจนชำนาญ ซึ่งสมาร์ทอิมเมจ เรามีโรงหล่อเป็นของตัวเองและมีความแตกต่างจากโรงหล่ออื่นๆ ทั่วไป ที่เขาจะมีความเชี่ยวชาญในการหล่อเฉพาะชิ้นงานและจะหล่อเพียงงานเดียวซ้ำๆ เช่น โรงหล่อพระพุทธก็จะหล่อเฉพาะพระพุทธ ส่วนโรงหล่อพระคริสต์ก็จะหล่อเฉพาะพระคริสต์นั่นเอง”

“ความเชี่ยวชาญของแต่ละโรงหล่อก็จะแตกต่าง แต่ของสมาร์ทอิมเมจ เราทำได้หลากหลายในโรงหล่อเดียว ไม่ว่าจะเป็น งานหล่อพระตามศาสนาต่างๆ งานประติมากรรม งานอาร์ต งานศิลป์และงานทุกประเภทของศิลปะ รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานต่างๆ ผลงานที่ผ่านๆ มาก็มี ตัวสิงห์ที่ไร่บุญรอด จ.เชียงราย งานที่อ่าวนาง เกาะพีพี ก่อนจะมีฝีมือและสามารถสร้างงานประติมากรรมได้หลากหลายประเภทจนถึงทุกวันนี้” คุณนิภัทร ว่าอย่างนั้น

ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดคือรูปปั้นสิงห์สีทองขนาดใหญ่ของ สิงห์ปาร์ค ขนาด 9 เมตร ใช้เวลาทำประมาณ 1 ปี

ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ สมาร์ทอิมเมจก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่คุณนิภัทรใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการหล่อพระเครื่องขึ้นมาขายแทนชิ้นงานประติมากรรมที่ทำอยู่ตามปกติ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื่องจากคนไทยจะมีความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและองค์พระที่ส่งเสริมในเรื่องความเป็นสิริมงคลต่างๆ

นอกจากงานที่เกี่ยวกับความเชื่อและงานประติกรรมขนาดใหญ่แล้ว สมาร์ทอิมเมจยังมีงานศิลปะรูปแบบอื่นอีก อาทิ งานประดับตกแต่ง งานประติมากรรมที่สร้างขึ้นเอง ภาพวาด 3 มิติ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างน้ำตกทั้งภูเขา สวนน้ำ ไดโนเสาร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ลูกค้าต่างชาติก็เข้ามาให้ความสนใจและสั่งทำโดยส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น

น้ำตกจำลอง หนึ่งในผลงานจาก โรงหล่อ สมาร์ทอิมเมจ

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก : นิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ story หรือ โทร. (042) 971-508

พระเครื่อง ที่โรงหล่อ สมาร์ทอิมเมจ ผลิต

Related Posts

กะละแมนครพนม