เปลี่ยนทำเลง่าย ไม่จำเจ! เซลส์ขายรถ เปิดท้ายขายแซนด์วิช อาชีพเสริมก่อนเข้างาน 2 ชั่วโมง ได้ 2 แบงก์เทา
“อาชีพหลักเป็นเซลส์ขายรถนำเข้า เงินเดือนไม่ค่อยเยอะ จะได้ค่าคอมมิชชันจากที่เราขายรถได้ แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่แน่น่อน รายได้ก็ไม่แน่น่อนไปด้วย เลยอยากหาอาชีพเสริมทำ”
คำบอกเล่าของ คุณอ้อม-ภัทร์ธีนันท์ พิมพาพันธ์ อายุ 35 ปี เธอเลือกเปิดท้ายขายแซนด์วิชเป็นอาชีพเสริมเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยใช้เวลาช่วงเช้าก่อนไปทำงาน ตั้งแต่ 7 โมง ถึง 9 โมงเช้า ในเวลา 2 ชั่วโมง เธอสามารถหารายได้เข้ากระเป๋า ได้ประมาณ 1,500-2,000 บาท

ขายแซนด์วิช เมนูที่ชอบ
คุณอ้อม เจ้าของร้าน Nizar Sandwich & Salad เล่าให้ฟังว่า เธอชอบทำอาหารอยู่แล้ว โดยเฉพาะสลัดหรือแซนด์วิช ที่เรียนรู้สูตรมาจากยูทูบและเคยทำขายในออฟฟิศเมื่อช่วงก่อนโควิด เมื่อนำมาทำเป็นอาชีพเสริม จึงกลับมาทบทวนฝีมือกันใหม่ ว่ารสชาติยังได้อยู่ไหม
ก่อนเริ่มลงทุนครั้งแรก ด้วยงบประมาณ 2,000 บาท ซื้อวัตถุดิบต่างๆ เช่น ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ หรือของโลตัส และเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยไส้โบโลน่าไก่ ไส้กรอกไก่ ปูอัด ซอสต่างๆ และผัก เป็นต้น ซึ่งเน้นวัตถุดิบที่ทำจากไก่ เพราะมีลูกค้ามุสลิม

การเลือกทำเลและเวลาเปิดร้าน
ส่วนการเปิดร้าน คุณอ้อมนำรถเก๋งคู่ใจที่ขับไปทำงาน มาเปิดท้ายขายแซนด์วิช ซึ่งต้องดูทำเล และศึกษากฎจราจรให้ดี
เธอเลือกเปิดท้ายใกล้ที่ทำงานแถวสุคนธสวัสดิ์ ใช้เวลาขับรถ 5 นาทีก็ถึงออฟฟิศแล้ว โดยจะเริ่มขายตั้งแต่ 7 โมง ถึง 9 โมงเช้า หรือเกินกว่านั้นในบางวัน
ซึ่งการเปิดท้ายขายของแบบนี้ เธอบอกว่ามีข้อดี คือสะดวกในการตั้งร้าน หรือหากวันไหนลมฟ้าอากาศแปรปรวน มีฝนตก ก็สามารถเก็บร้านได้รวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนที่ขายได้ง่าย
ส่วนการจัดร้านให้สวยงาม เบื้องต้นใช้งบประมาณ 1,000 บาท ซื้อธงตกแต่งร้าน ผ้าปูมินิมอล ชั้นวางแซนด์วิช เป็นต้น โดยจะค่อยๆ แต่งเติมไปทีละนิด
จึงเรียกว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ร้านแตกต่างเลยก็ว่าได้
“คนมองว่าร้านสะอาดตา ดูน่ากิน” เธอกล่าวเสริม

แบ่งเวลาเตรียมของขาย
ในการเตรียมของ คุณอ้อมจะตื่นตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง เพื่อประกอบร่างเมนูต่างๆ ถึง 6 โมงเช้า ต้องหยุดทำทันที แล้วไปอาบน้ำเตรียมตัวขับรถออกจากบ้าน ให้ทันตั้งร้านในเวลา 7 โมงเช้า
ขณะเดียวกัน หลังเลิกงานก็ต้องกลับบ้านมาเตรียมวัตถุดิบต่างๆ เช่น หั่นผัก ส่วนการซื้อของจะซื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดย 70% ซื้อจากแม็คโคร ส่วนผักต่างๆ รับจากสวนที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์
แต่ละวันเธอเตรียมเมนูไปประมาณ 30-35 ออร์เดอร์ เช่น แซนด์วิชเกาหลี แซนด์วิชมินิ สลัดโรล สลัดถ้วย ขนมปังสังขยาที่กวนไส้เอง และแฮมเบอร์เกอร์ ขายราคาเริ่มต้น 25 บาท ซึ่งตอบโจทย์เด็กนักเรียน หรือผู้ปกครองที่มาส่งลูกเรียนในละแวกนั้น
ซึ่งส่วนใหญ่ออร์เดอร์ที่เตรียมไปจะขายหมด แต่ถ้ามีเหลือนิดๆ หน่อยๆ จะนำมาทานเองบ้าง หรือขายในออฟฟิศต่อบ้าง
“เราเปิดท้ายแค่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ใน 2 ชั่วโมง จะขายได้ประมาณ 1,500-2,000 บาท กำไร ตีไป 40-50% ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาอุดหนุน เป็นขาประจำแล้ว 80% และรับจัดเบรกด้วย เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้

กำไรต่อเดือนประมาณ 15,000-18,000 บาท ช่วยแบ่งเบาภาระได้เลย เพราะเงินเดือนเซลส์ไม่ได้เยอะ รถก็ใช่ว่าจะขายกันได้ง่ายๆ
มองว่าอาชีพเสริมของเรา สามารถต่อยอดได้ในอนาคต อยากมีหน้าร้านจริงจัง ขายออนไลน์ แต่คงต้องทำเป็นอาชีพหลัก ซึ่งยังไม่ใช่ตอนนี้ ขอสะสมลูกค้าก่อน ให้คนติดรสชาติของเราก่อน”

เหนื่อยแต่มีความสุข
ปัจจุบัน คุณอ้อมทำ 2 อาชีพควบคู่กัน งานหลักคือเซลส์ขายรถ งานเสริมคือเปิดท้ายขายแซนด์วิช ซึ่งแทบไม่มีเวลาพักผ่อน
“เหนื่อยกายนะ แต่มีความสุข เราจะพยายามแบ่งเวลา ถ้าวันไหนเหนื่อย ไม่ไหวจริงๆ ก็หยุด ร่างกายสำคัญ ถ้าเป็นอะไรไปก็ทำอะไรไม่ได้”
และสำหรับใครที่มองหาอาชีพเสริม หรืออยากเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง คุณอ้อม แนะนำว่า “ไม่ว่าจะทำอะไร คิด วางแผน แล้วลงมือลุยเลย ค่อยๆ หาประสบการณ์ ดูว่าขาดเหลืออะไร
อย่างแซนด์วิช ก็น่าสนใจ เป็นเมนูที่คนกินและขายง่าย ถึงคนทำขายกันเยอะ แต่ไม่ว่าจะขายอะไร มันมีคนทำหมดแล้ว ฉะนั้น เราต้องมั่นใจ หาจุดเด่นให้ตัวเอง และถ้าของเราดี ยังไงลูกค้าก็ซื้อ ลูกค้าจะเป็นคนเลือกเอง”
