จบทุกปัญหาการจองโต๊ะ! ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว ร้านอาหารยุคใหม่ปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลด้วยระบบจองโต๊ะออนไลน์
สมัยก่อนการจะจองโต๊ะเพื่อไปทานอาหารร้านดังๆ สักร้าน เราจะต้องทำการโทรไปยังที่ร้าน หรือทำการทักเฟซ ทักไลน์ไป แต่ในยุคปัจจุบัน ที่ทุกอย่างเข้าถึงง่ายเพียงปลายนิ้ว การจองโต๊ะก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
AAppoint (แอพพ้อยท์) แพลตฟอร์มจองโต๊ะออนไลน์ที่ช่วยให้ร้านอาหารสามารถจัดการระบบหลังบ้านและหน้าบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลูกค้าสามารถจองโต๊ะได้ด้วยตัวเองแค่ปลายนิ้ว ทำให้สะดวก รวดเร็ว แถมยังไม่ต้องเสียเวลาโทรศัพท์ไปจองอีกด้วย
ดังเช่นเรื่องราวของ คุณต๊ะ-รัฐพล นาควิเชียร Founder / CEO AAppoint ที่ภรรยาของเขาเป็นทันตแพทย์ และได้รับฟังปัญหาในแต่ละวันเกี่ยวกับคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของการจัดการในคลินิกที่ไม่ดีพอ
เช่น “วันนี้มานั่งเฝ้าที่คลินิก แต่กลายเป็นว่านัดคนไข้ผิดพลาด” หรือ “บอกให้คนไข้มารับบริการวันนี้ แต่ว่าทำการแจ้งข้อมูลคนไข้ไม่ถูก” ทำให้ต้องเสียเวลาเลื่อนนัดไปอีกเป็นเดือน
เมื่อคุณต๊ะมองเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ ว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับ Communication หรือปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสาร เขาจึงเริ่มออกแบบแพลตฟอร์มแอพพ้อยท์ขึ้น โดยเริ่มต้นใช้กับทางคลินิกทันตกรรมก่อน
หลังจากนั้นก็ได้เห็นโปรแกรมหนึ่งของทาง Google ที่เรียกว่า Reserve with google จึงมองว่าเป็นทางออกที่ค่อนข้างดี เพราะทุกวันนี้หลายคนใช้ Google Maps กันบ่อย
“ในยุคก่อนจะมีคำพูดว่า ถ้าคุณอยากขายดี อันดับแรกคือ Location อันดับที่สองคือ Location อันดับที่สามก็คือ Location จนกระทั่งการมาของ Facebook หรือ Google Maps ทำให้บาร์ลับหรือร้านลับเกิดขึ้น”
คุณต๊ะ เล่าให้ฟังว่า เขาใช้เวลาติดต่อร่วมงานกับทางกูเกิลประมาณ 6-7 เดือน
“ติดต่อกับกูเกิลเหมือนคุยกับคอมพิวเตอร์เลยครับ ทุกอย่างจะมีแบบฟอร์มชัดเจน คุยผ่านอีเมล เพราะฉะนั้น ขั้นตอนที่เป็น Technical Requirement ตรงนี้ ค่อนข้างยากเหมือนกันครับ”
อีกทั้งแอพพ้อยท์ยังมีไอเดียมาจากนิสัยส่วนตัวของคุณต๊ะเอง ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบต่อคิวนานๆ เวลาไปทานอาหารข้างนอก เขามักจะหลีกเลี่ยงร้านที่ต่อคิวยาว
เขากล่าวต่ออีกว่า “ถ้าเราทำแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา คนที่มีนิสัยแบบเรา หรือคนที่ไม่คุ้นชินกับท้องถิ่นนั้นๆ เขาก็จะได้รับบริการที่ดีจากร้านอาหารเหล่านั้นได้ด้วย”
ในส่วนผลตอบรับจากร้านค้าที่ได้ใช้แอพพ้อยท์
“ปกติลูกค้าจะโทรมาจอง แต่อันนี้เหมือนจองผ่าน Google Maps แล้วมีอีเมลตอบกลับ Comfirmation ทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนโรงแรม 5 ดาว และทำให้ง่าย ลูกค้ามาถึงก็โชว์ที่จองแล้วเข้ารับบริการได้ทันที”
“ผมก็ถือว่าการเพิ่มช่องทางหลายๆ ช่องทางจะค่อนข้างดี แล้วก็เป็นประโยชน์กับร้าน อย่างน้อยวันหนึ่งสัก 2-3 โต๊ะ ขอยังดีกว่าไม่ได้เลย”
คุณฌานนท์ เกิดเจริญ เจ้าของร้าน Seoi (เส่ย) จุดเริ่มต้นของ “เส่ย” เปิดมาตั้งแต่ปี 2530 ที่แรกจะอยู่ที่ประตูน้ำ และได้มีการย้ายมาที่สถานีรถไฟสามเสน ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังกว่า 14 ปี จากนั้นได้มีการย้ายมาที่หมู่บ้านพิบูลวัฒนาและปัจจุบันอยู่ที่นี่มา 8 ปีแล้ว
โดยร้านเส่ยจะขึ้นชื่อเรื่องรสชาติ เน้นความจัดจ้านถึงพริกถึงขิง ตามฉบับเมืองเพชรบุรี ทำให้จุดนี้เป็นจุดขายของเส่ย และเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าพร้อมที่จะรอ
เขาเล่าว่า ร้านเส่ยจะมีลูกค้าที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้มีปัญหาในเรื่องของเวลา ที่ลูกค้าจะต้องใช้เวลารอที่ค่อนข้างนาน เช่น ช่วงพีกประมาณเที่ยง หรือ 6 โมงเย็น จะมีลูกค้าเข้าพร้อมๆ กันเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ต้องใช้เวลารอเป็นชั่วโมง และบางวันมีลูกค้าที่เข้ามารับประทาน พีกสุดประมาณ 300 โต๊ะต่อวัน
เขาจึงต้องหาตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น จนได้มาเจอกับแอพพ้อยท์ เขารู้สึกว่าตัวแพลตฟอร์มมีความน่าสนใจ ถ้ายิ่งมีหลายช่องทาง ก็ทำให้มีกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
“ทำให้ร้านมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะบางทีการตอบไลน์ เฟซบุ๊ก ไอจี จะค่อนข้างใช้เวลา เพราะเราไม่ได้จ้างแอดมินสำหรับดู”
ในส่วนของฟังก์ชันการแจ้งเตือน เมื่อลูกค้าทำการจองเข้ามาแล้ว ทางร้านและลูกค้า จะได้รับ SMS และ E-mail แจ้งเตือนเข้ามา ทำให้ฟังก์ชันนี้ตอบโจทย์ทั้งตัวร้านอาหารและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
“อย่างกรณี SMS ที่ขึ้นโชว์มา พอขึ้นโชว์ปุ๊บ ผมก็โอเค กดคลิกแล้วก็จดลงสมุดให้เรียบร้อย ผมเลยมองว่าช่องทางนี้ ถือเป็นช่องทางที่ค่อนข้างสะดวก คนเข้าถึงง่าย เอะอะอะไรก็จะกดกูเกิลอย่างเดียวนี่แหละ มันก็ง่ายสุดแล้ว”
พิกัด : หมู่บ้านพิบูลวัฒนา ซ.พิบูลวัฒนา 6
เวลาทำการ : 10.30-21.30 น. (หยุดวันเสาร์)
“พอมีระบบแอพพ้อยท์มาก็ทำให้ทางร้านจัดการระบบหน้าร้านได้ง่ายขึ้น โดยสามารถเช็ก Booking Online ได้ตลอด ทราบว่าวันนี้มีจำนวนกี่โต๊ะ สามารถรับรู้ได้ทันทีแล้วก็สามารถกระจายงานในส่วนอื่นได้ง่าย”
คุณธิดาทิพย์ นุ่มนวลศรี ผู้จัดการร้าน เสน่ห์จันทน์ ร้านอาหารไทยแท้ ที่เสิร์ฟสไตล์ Fine Dining ปัจจุบันเปิดมา 8 ปีแล้ว การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมิชลิน 7 ปีซ้อน ทางร้านจะเน้นกลุ่ม Business Corporate และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งทำให้แอพพ้อยท์ที่ได้มา Co กับ Google Search ตอบโจทย์ทางร้าน เพราะสะดวก และได้ลูกค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น
เพราะสมัยนี้ ถ้าเวลาจะหาร้านอาหารสักที่หนึ่ง ก็จะเสิร์ชหาตาม Google Search ซึ่งถ้าหาคำว่า ร้านอาหารไทย Fine Dining ขึ้นชื่อร้านเสน่ห์จันทน์ ก็จะง่ายต่อการจองผ่านระบบแอพพ้อยท์
เธอเล่าว่า ก่อนหน้านี้ อาจจะมีปัญหาในเรื่องของการจอง แต่ตอนนี้พอมีแพลตฟอร์มแอพพ้อยท์เข้ามา ก็ทำให้หน้าบ้านใช้ชีวิตง่ายขึ้น
“แอพพ้อยท์ตอบโจทย์กับทางร้านอาหารมาก หนึ่งคือช่วยในระบบจัดการโต๊ะให้ทางหน้างานได้บริหารจัดการโต๊ะ เนื่องจากว่าเรามีจำนวน 16 โต๊ะ บวกกับห้อง Private อีก 3 ห้อง ซึ่งทำให้เราบริหารจัดการโต๊ะได้ดีขึ้น บวกกับที่เชฟจัดเตรียมวัตถุดิบต่อวันได้ง่ายขึ้น” เธอกล่าว
พิกัด : เสน่ห์จันทน์ ถนนวิทยุ อาคารสินธร
เวลาทำการ : เปิดให้จอง 2 รอบ รอบ 1 : 10.30-14.00 น. และ รอบ 2 : 18.00-22.00 น.
“แอพพ้อยท์ทำให้มีเวลาไปพัฒนาในด้านอื่นมากขึ้น ทั้งเรื่องการบริการ เมนูอาหาร และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่อยากเข้ามาใช้บริการร้านเรา เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ”
คุณบัว-กานต์ชนิต เจริญยศ หุ้นส่วนร้าน Ba hao 八號 (ปาร์ฮ่าว) เธอเล่าว่า จุดเริ่มต้นของ Ba hao เกิดจากการรวมตัวของหุ้นส่วนทั้ง 6 คน ที่เป็นเพื่อนกัน และมีไลฟ์สไตล์เหมือนๆ กัน
หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ซอยนานา เยาวราช ยังไม่ได้มีร้านบาร์มากนัก มีเพียง 1-2 ร้าน พวกเขาจึงมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกัน
โดยช่วงแรกก็มีการปรับปรุงหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องการบริการ อาหารและเครื่องดื่ม จนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น
ซึ่งเมื่อมีลูกค้ามากขึ้น ปัญหาหลักๆ ของทางร้านเลย นั่นคือ ที่ร้านจะมีพนักงานและทีมงานค่อนข้างน้อย จึงต้องหาเครื่องมือที่จะมาช่วยในการรับจองให้กับ Ba hao จนได้มาเจอกับ AAppoint ทำให้ตอบโจทย์กับทางร้านมากขึ้น
เธอเล่าต่ออีกว่า ลูกค้าบางท่านโทรมาในช่วงที่ร้านยังไม่เปิด ซึ่งทางร้านจะไม่ได้มีสตาฟฟ์ที่สแตนด์บายตลอดเวลา ทำให้อาจจะพลาดการจองและสูญเสียลูกค้าไป แต่เมื่อมีแอพพ้อยท์เข้ามา ก็สามารถเพิ่มยอด Booking ให้กับทางร้านได้มากขึ้น
“เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า สามารถกรอกข้อมูลประมาณไม่ถึง 1 นาที อีกทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของ Manpower ด้วยค่ะ เพราะทุกอย่างเป็นระบบ มีข้อมูลครบถ้วน ทำให้เรามีลูกค้าจองเข้ามาแบบไม่ต้องพลาด Booking”
พิกัด : Ba hao 八號 (ปาร์ฮ่าว) ซอยนานา เยาวราช
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 17.00-24.00 น.
แอพพ้อยท์ แพลตฟอร์มจองโต๊ะออนไลน์ ที่สามารถกดจองได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที โดยสามารถค้นหาชื่อร้านที่เข้าร่วมกับทางแอพพ้อยท์ และทำการกดจองโต๊ะ เมื่อกรอกเสร็จแล้ว จะได้รับการแจ้งเตือนทั้ง 2 ฝ่ายทันที ทำให้การจองโต๊ะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เมื่อจองเสร็จสิ้นแล้วจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านทาง SMS และ E-mail
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจทดลองใช้แอพพ้อยท์ เพื่อเพิ่มการมองเห็น และเพิ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้กับทางร้าน ตอนนี้มีโปรโมชันสุดพิเศษ จ่ายเพียง 690 บาท ใช้ฟรี 3 เดือน (ปกติราคา 690 บาทต่อเดือน) ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2567
ช่องทางการติดต่อ
Line Official : @AAppoint
เบอร์ : 064-452-5865
Facebook : AAppoint แอพพ้อยท์ จองโต๊ะร้านอาหาร
Website : https://www.aappoint.me/
จากอดีตวิศวกร สู่เจ้าของ ‘หยกสด’ ขนมไทยโบราณ ยอดขายวันแรก 4,000 บาท สู่ 26 สาขาในปัจจุบัน “หยกสด ทำขึ้นเพราะอยากให้คนไทยได้เข้าถึงขนมไทย หยิบตัวขนมที่อาจจะหาทานไม่ได้ทั่วๆ ไป นำมาทำให้รสชาติ และรูปร่างหน้าตา มีความร่วมสมัยมากขึ้น” หยกสด เป็นแบรนด์ขนมไทยที่โด่งดังเรื่องความหอม หวาน และรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมของใบเตย โดยบทความนี้เป็นเรื่องราวของ คุณจ๊าก-มหศักย์ สุรกิจบวร ที่ชีวิตพลิกผันจากอดีตวิศวกร สู่เจ้าของแบรนด์ “หยกสด – ขนมไทยใบเตย 100%” ขนมไทยโบราณหาทานยาก จากวันแรกยอดขายเพียง 4,000 บาท สู่ 26 สาขาในปัจจุบัน จากความชอบ สู่ ธุรกิจจริงจัง คุณจ๊าก เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่หันมาสนใจขนมไทย คือตอนที่ทำงานประจำเกี่ยวกับ Software แล้วเครียดจากงาน จึงได้ไปบวช และมีโอกาสได้ทาน ‘ขนมเปียกปูนกะทิสด’ ที่ชาวบ้านได้นำมาถวาย จึงเกิดความสนใจ เพราะรสชาติอร่อย ประกอบกับที่เขานั้นไม่เคยทานมาก่อน หลังจากสึกออกมา คุณจ๊ากได้ไปลองหาซื้อขนมเปียกปูนกะทิสด แต่หาไม่ได้ จึงลองทำด้วยตัวเอง เริ่มแรกก็เสิร์ชข้อมูลต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต นำมาพัฒนาปรับปรุงสูตร และลองให้เพื่อนๆ ได้ลองทาน ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม จึง
ขนมไทย ใครว่าโบราณ! แค่ปรับลุกส์ใหม่ ก็ขายดี ขนมไทย ใครว่า โบราณ ขอเถียงขาดใจ! แค่นำมาปรับลุกส์ใหม่ ก็ขายดิบขายดี เช่น 3 ร้านดัง ที่ได้ทายาทรุ่นใหม่ มาสานต่อสูตรเด็ดของครอบครัว ร้านแรก ยายทำให้หลานขาย ใครอยู่ซอยอารีย์จะรู้จักเป็นอย่างดี ร้านนี้มีสูตรเด็ดความอร่อย ส่งต่อจากคุณยาย ที่ขายขนมไทยมากว่า 50 ปี นำมาใส่แพ็กเกจจิ้งหรู ใครเห็นก็อยากกิน ร้านสอง วลักษณ์ ขนมไทย นำขนมไทยโบราณสูตรเด็ดของคุณแม่ มาแต่งตัวใหม่ ด้วยแก้วชานมไข่มุก จนขายคล่องมือ และสุดท้าย ขนมไทยยายปู สานต่อร้านขนมของแม่ที่ขายมากว่า 30 ปี ให้ซื้อง่ายขายคล่อง ด้วยการใส่กระทงใบตองจิ๋ว ยายทำให้หลานขาย ไอเดียธุรกิจ ครอบครัวขนมไทย มีคุณยายเป็นเจ้าของสูตร ทำขายมากว่า 50 ปี ได้หลานคนเก่ง คุณนัท-พัชริดา มะลา อายุ 28 ปี และ คุณปู-อนงค์นาฎ สุหาลา ช่วยทำการตลาด เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่ จากขายตลาดนัด มาเปิดแผงเล็กๆ สับเปลี่ยน วันละ 20 เมนู ราคาเริ่มต้น 25-35 บาท ขายดี วันละหลักหมื่น พิกัด วันพุธกับศุกร์ ขายที่ซอยละลายทรัพย์ วันพฤหัส ขายที่ลาดพร้าว-วังหิน ซอย 14 ส่วนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ขายที่ซอยอารีย์ เปิดร้านตั้งแต่ 06.00-14.00 น.
จากแอร์โฮสเตสสาวที่ลาออกมาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ด้วยเงินสนับสนุนจากทางบ้าน หวังเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่นานร้านก็ต้องปิดตัว เพราะไม่ทำกำไร เธอไม่ยอมแพ้ ลองทำเบเกอรี่ฝากขาย แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้งในเวลาเพียง 1 เดือน จนวันหนึ่ง การเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงทำให้เธอได้ลองชิม ‘พายหมูแดง’ นำมาสู่การคิดค้นสูตรพายที่ถูกปากคนไทย นี่คือเรื่องราวของ คุณอร–กนกกัญจน์ มธุรพร เจ้าของ April’s Bakery ที่สร้างยอดขายทะลุ 630 ล้านบาท! คุณอร มีพื้นเพเป็นชาวนครสวรรค์ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ด้านบริหารธุรกิจ และเคยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของสายการบินต่างชาติอยู่ 2 ปีเศษ ก่อนตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว โดยขอทุนทางบ้านมาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในคอมมูนิตี้แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่เปิดได้ไม่ถึงปีก็ต้องปิดตัว เพราะไม่ทำกำไร จากนั้นได้หันไปทำเบเกอรี่สไตล์อิตาเลียนฝากขายตามห้างสรรพสินค้า แต่ก็ ‘เจ๊ง’ ในเวลาเดือนเศษ เพราะไม่เคยศึกษาตลาด หรือพฤติกรรมของลูกค้ามาก่อน แต่คุณอรยังเหลือไว้ 1 สาขา พร้อมกับเปลี่ยนมาขายเค้ก คุกกี้ และมัฟฟินแทน แต่ยอดขายก็ยังไม่กระเตื้อง ขณะเดียวกันก็ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำอะไรมาขา
กูรูด้านอาหาร อย่าง อาจารย์ยศพิชา คชาชีวะ เจ้าของคอลัมน์ “ตู้จดหมายพลศรี” มีเรื่องราวน่าสนใจสำหรับ “วงการยำ” มาให้เรียนรู้กัน ดังนี้ … “หนูทำยำไม่เคยอร่อยสักที เดี๋ยวเปรี้ยวไป เดี๋ยวหวานไป อาจารย์มีสูตรไหมคะ ขอหนูหน่อย” คำถามทำนองนี้ผมเจอมาหลายคน หลายครั้ง ทุกครั้งผมเลยให้คาถาสูตรสำเร็จไปท่องให้ขึ้นใจว่า “1-1-ครึ่ง” 1 คือ น้ำปลา 1 ส่วน อีก 1 คือ น้ำมะนาว 1 ส่วน และครึ่ง คือ น้ำตาล ถ้าผสมน้ำยำเริ่มต้นจากสูตรนี้ การปรับเพิ่มเติมอะไรอีกนิดหน่อย ทำให้ลงตัวง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ตวงน้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ก็ตวงน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนน้ำตาลทรายเหลือ 1 ช้อนโต๊ะ หรือยกตัวอย่างเป็นถ้วย น้ำปลา 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ถ้วย น้ำตาลครึ่งถ้วย ใช้เป็นชั่งน้ำหนักก็ได้ครับ เช่น น้ำปลา 50 กรัม น้ำมะนาว 50 กรัม น้ำตาลทราย 25 กรัม อาจจะต้องมีการยับยั้งชั่งใจกันเล็กน้อย เช่น ลดน้ำปลาลงนิดหน่อยก่อน เพราะน้ำปลาบางยี่ห้อโคตรเค็ม บางหน้ามะนาวเปรี้ยวมากก็ใส่น้อยลงนิดหนึ่งก่อน แต่ถ้าผสมแล้วเปรี้ยวไปหน่อย เค็มไปนิด ก็เติมส่วนผสมให้พอดีได้ตามใจ น้ำยำ แบบนี้ภาษาการครัวเรียกน้ำยำขาว เป็นยำพื้นฐานของยำไทยๆ เอาไปทำยำหมูยอ ยำวุ้น
