ท่ามกลางกระแสโลกที่ให้ความสำคัญกับความงามในหลากหลายมิติ ไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังรวมถึงพลังและความมั่นใจที่เปล่งประกายจากภายใน แนวคิดเรื่อง “ความงามจากภายใน” จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามยุคใหม่
อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงาม มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย โดยในปี 2567 ธุรกิจเครื่องสำอาง มีมูลค่าตลาดรวมถึง 2.81 แสนล้านบาท
เนื่องจากกระแสความนิยมในการใส่ใจสุขภาพและความงาม และตลาดอีคอมเมิร์ซได้เข้ามา มีบทบาทในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย ยังคงประสบกับปัญหาในการสร้างภาพลักษณ์ให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเท่าที่ควร การพัฒนาผลิตภัณฑ์และควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล
เพื่อสำรวจและเจาะลึกถึงแนวทางการสร้างแบรนด์ไทยร่วมสมัยที่ผสานพลังแห่งความงามภายในได้อย่างลงตัว เวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “ประทิน-ตัวตน-ความกล้า : สร้างพลังความงามภายในสู่แบรนด์ไทยร่วมสมัย” ได้จุดประกายความคิดและแรงบันดาลใจอันน่าสนใจจากผู้คร่ำหวอดในวงการ ไม่ว่าจะเป็น
คุณโชติกา วงศ์วิลาส ผู้ประกอบการเครื่องสำอาง Cho cosmetics
คุณลักษณ์สุภา ประภาวัต นายกสมาคมการค้าคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย
ดร.พุฒิกร พุกฝึกดี ที่ปรึกษาการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
รองศาสตราจารย์ ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ อนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น
โดยเนื้อหาจากเวทีเสวนาที่สะท้อนและตอกย้ำอุตสาหกรรมไทย มีเนื้อหาดังนี้
จากความเชื่อมั่น สู่พลังแห่งการสร้างสรรค์
เรื่องราวเริ่มต้นจากคุณเนย โชติกา ที่ถ่ายทอดถึงจุดเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีก่อน ด้วยความเชื่อลึกซึ้งในพลังของความงามที่สามารถเสริมสร้างความมั่นใจจากภายใน การคลุกคลีกับเครื่องสำอางในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะส่งต่อความรู้สึกดีนี้ไปยังผู้อื่น จนกลายเป็นจุดกำเนิดของแป้ง “โช” เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของความมั่นใจที่เธอต้องการมอบให้ทุกคน
ในมุมมองของดร.พุฒิกร ได้ฉายภาพให้เห็นถึงความโดดเด่นของแบรนด์ไทยที่ไม่ละเลยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ท่ามกลางกระแสสินค้าแฟชั่นที่หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว คุณเนยกลับเล็งเห็นถึงความสำคัญของประสิทธิภาพและความปลอดภัย จนนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นอย่างกันแดด ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ในคุณภาพที่แท้จริง
ปรากฏการณ์ใหม่และความภาคภูมิใจในความเป็นไทย
คุณลักษณ์สุภา ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ได้เล่าถึงปรากฏการณ์ที่น่าสนใจของการรวมตัวกันของหน่วยงานต่างๆ ในเอเชีย เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่น่าจับตามอง สิ่งที่เธอสัมผัสได้จากผลิตภัณฑ์และแบรนด์ไทยคือความภาคภูมิใจที่ทำให้เธอสามารถวางใจและหันมาชื่นชมแบรนด์ของคนไทยเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยคุณภาพและความโดดเด่นที่ตอบโจทย์ผิวของคนไทยได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ คุณลักษณ์สุภา ยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่ประเทศไทยมีเหนือกว่าใครในเรื่องของวัตถุดิบที่หลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความได้เปรียบในการสร้างแบรนด์เท่านั้น แต่ยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่มาตรฐานและการยอมรับในระดับโลกได้อีกด้วย
ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และการส่งต่อความมั่นใจ
คุณเนย โชติกา ได้ตอกย้ำถึงความกล้าที่จะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ “โช” ไปสู่ “คลีนบิวตี้” ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ เธอเล่าถึงความทุ่มเทในการพัฒนาสูตรกันแดดที่ต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี กว่าจะได้สูตรที่ลงตัว สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว และไม่รบกวนการแต่งหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความใส่ใจในทุกขั้นตอน
“ไม่ว่าเราจะทำอะไร ถ้ามั่นใจ ภูมิใจ เราสามารถส่งต่อไปยังผู้บริโภคได้” คุณเนย กล่าวอย่างหนักแน่น
รองศาสตราจารย์ ดร.สุภาวี ได้นำเสนออีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเริ่มต้นผลักดันแบรนด์เครื่องสำอางไทย โดยกล่าวสรุปเป็น 3 ข้อสำคัญ คือ
1. ใช้ภูมิปัญญาไทย
2. ใช้นักวิชาการไทยที่มีความรู้ที่ไม่แพ้ต่างประเทศ ที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพที่สูง
3. ภาครัฐและอุตสาหกรรมช่วยขับเคลื่อน
โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของการออกแบบและภาพลักษณ์ในการเสริมสร้างความเป็น “ประทิน-ตัวตน-ความกล้า” ให้กับแบรนด์ ซึ่งเป็น 3 องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยสร้างความโดดเด่นและน่าจดจำ
ภูมิปัญญาไทยสู่สากล และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
คุณลักษณ์สุภา เสริมว่า ภูมิปัญญาไทยนั้นมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นในตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นานาชาติต่างให้ความสนใจ ดังนั้น เวลาที่เราจะสร้างผลิตภัณฑ์ สิ่งที่จะทำให้เราแตกต่างนั่นก็คือ ต้นกำเนิด วัตถุดิบ วัฒนธรรม ลักษณะภูมิประเทศ และเรื่องราวที่รวบรวมกันออกมาถ่ายทอด เพราะฉะนั้น การนำเสนอความเป็นไทยอย่างมั่นใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ดร.พุฒิกร ได้ให้มุมมองในฐานะนักเคมี โดยชื่นชมความอัศจรรย์ของธรรมชาติ แต่ก็ตระหนักถึงข้อจำกัดในเรื่องของความเสถียรภาพ การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานที่สุด เธอยังเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยไม่ได้ด้อยกว่าใครและความรู้ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยผลักดันให้แบรนด์เครื่องสำอางไทยก้าวไปได้ไกลอย่างแน่นอน
เวทีเสวนาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ฉายภาพให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของผู้ประกอบการแบรนด์ไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงพลังของการผสานความเชื่อมั่นในตนเอง ความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ไทย และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์แบรนด์ร่วมสมัยที่สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนทั้งในตลาดภายในประเทศและระดับสากล “ประทิน-ตัวตน-ความกล้า” จึงไม่ใช่เพียงแค่ชื่อหัวข้อเสวนา แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนความงามของแบรนด์ไทยให้ผลิบานอย่างสง่างาม