จากซีรีส์ ‘สงคราม ส่งด่วน’ Mad Unicorn (2025) ที่เพิ่งสตรีมบน Netflix ไปได้เพียง 1 วัน แต่สามารถปลุกกระแสความนิยมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนำแสดงโดย ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ ดาราหนุ่มมากฝีมือ
กับบทบาท อดีตเด็กแว้นที่อยากปั้นสตาร์ตอัป ‘ขนส่ง’ ขึ้นมาโค่น ‘เจ้าสัวใหญ่’ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสตาร์ตอัปยูนิคอร์นหมื่นล้านตัวแรกของไทย นั่นคือ แฟลช เอ็กซ์เพรส (Flash Express)
และวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ ‘คมสันต์ แซ่ลี’ ผู้ก่อตั้ง แฟลช เอ็กซ์เพรส ที่ขึ้นเป็นซีอีโอตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี ให้มากขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ซีอีโอวัย 30 ปี ให้สัมภาษณ์กับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ว่า เติบโตมาในครอบครัวค้าขาย มีพี่น้อง 3 คน ตัวเขาเป็นลูกชายคนโต บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดเชียงราย แต่ไปเรียนต่อที่จังหวัดลำปาง จนจบปริญญาตรี ในสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ จากนั้นย้ายไปทำธุรกิจที่จังหวัดเชียงใหม่
ก่อนเล่าต่อว่า เคยทำธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่จังหวัดลำปาง โดยเปิดร้านขายของอยู่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เน้นขายของให้กลุ่มนักศึกษาจีนที่มาเรียนในโครงการแลกเปลี่ยน เพราะเห็นว่านักศึกษาจีนกินของไทยไม่ค่อยถนัด เลยนำเข้าเครื่องปรุงของจีนมาขาย
กระทั่งช่วงชั้นปีที่ 3 ของการเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี หรืออายุได้ราว 21 ปี เขามีโอกาสได้รับความไว้วางใจให้นั่ง ‘เก้าอี้ซีอีโอ’ เป็นครั้งแรก
“ตอนนั้นมีบริษัทของคนจีนมาลงทุนทำท่าทราย แต่ขาดทุนเยอะมาก กำลังจะเจ๊งพร้อมม้วนเสื่อกลับบ้าน เพื่อนเลยชวนให้ไปคุยกับผู้จัดการใหญ่ของเขา คิดว่าเราน่าจะเข้าไปกู้สถานการณ์ได้ ซึ่งไม่ได้เข้าไปเทกโอเวอร์ แต่ไปเป็นซีอีโอให้ ปรากฏทำได้ปีกว่า เขากลับฟื้นขึ้นมามีกำไร 15 ล้านบาท จากนั้นไม่นานก็ดันบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์”
คุณคมสันต์ อธิบายให้ฟังถึงการพลิกวิกฤตธุรกิจจวนเจ๊ง ให้กลับฟื้นขึ้นมามีกำไรได้อีกครั้ง ว่า ธุรกิจท่าทราย สิ่งสำคัญคือกำลังการผลิต ถ้าเครื่องจักรเสียผลิตไม่ได้ เดือนหนึ่งก็จ่ายค่าแรงไปฟรีๆ และปัญหาที่พบ เครื่องจักรของเขาเก่าเกินไป รวมทั้งปัญหาการคอร์รัปชัน คนงานเป็นญาติพี่น้องกันหมด พอมีรายได้เงินไม่เข้าบริษัท อีกทั้งยังไม่มีคนทำการตลาดให้ด้วย
“พอผมเข้าไปบริหาร เชิญคนเก่าออกหมดเลย เปลี่ยนคนทำงานชุดใหม่ 20 กว่าคน โละเครื่องจักรเก่าเอาออกหมด นำเครื่องจักรใหม่เข้า ลงทุนครั้งเดียว เมื่อมีรายได้อย่าเพิ่งแบ่งเงินปันผล แต่เอาเงินไปซื้อที่ดิน ที่มันมีทราย พอเป็นเจ้าเดียวที่มีทรายในตลาด ขึ้นราคาได้ 3 รอบ กำไรมีขึ้นมาทันที” คุณคมสันต์ ถ่ายทอดเทคนิคการทำธุรกิจในแบบของเขาเมื่อครั้งนั้น
หลังสำเร็จการศึกษา คุณคมสันต์หันไปทำธุรกิจของตัวเองที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนสอนภาษาไทย ปรากฏเปิดได้ครึ่งปีต้องปิดตัว หรือพูดง่ายๆ ก็คือเจ๊ง สาเหตุเป็นเพราะมีความมั่นใจเกินไปแต่ไม่รู้ปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจนั้น คือคิดว่ายังไงต้องมีคนมาเรียน แต่ปรากฏว่าอาจารย์ที่เป็นลูกจ้างไปรับสอนนอกเวลา เลยไม่มีเด็กมาที่โรงเรียนเลย
พักกายใจอยู่ไม่นาน คุณคมสันต์เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่อีกครั้ง คราวนี้หันไปจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำหน้าที่เป็น “โบรกเกอร์” หรือนายหน้าซื้อขายอสังหาฯ ทำอยู่ปีกว่า เขาสามารถทำกำไรให้ตัวเองได้กว่า 100 ล้านบาท
และนั่นเองที่เป็น ‘ต้นทุน’ ในการพาตัวเองเข้าแวดวงธุรกิจขนส่ง ในนาม 4 T Express (โฟร์ ที เอ็กซ์เพรส) เป็นบริษัทโลจิสติกส์จัดส่งสินค้าจากต่างประเทศทั่วโลกกระจายไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศจีน ดำเนินธุรกิจอยู่ราว 3 ปี มีกำไรเป็นเงินปันผลให้หุ้นส่วน ได้เดือนละ 20-30 ล้านบาท
จนในราวปี 2560 จึงเริ่มหันมาศึกษาโอกาสทางธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย กระทั่งพบข้อมูลน่าสนใจ ไทยมีพื้นที่เล็กกว่าประเทศจีนแต่ค่าขนส่งแพงกว่าจีนหลายเท่า อีกทั้งคนไทยยังต้องไปเข้าแถวรอส่งสินค้า ทั้งที่การบริการที่จีนนั้นมีการไปรับสินค้าถึงหน้าบ้านให้เลย
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจ ‘แฟลช เอ็กซ์เพรส’ ในเมืองไทยนั้น เขาพบว่ าตัวเองยังขาดเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนในการทำงาน หากจะใช้คนเป็นจำนวนมาก ค่าจ้างต้องสูงและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ภรรยาของเขาซึ่งเป็นชาวจีน จึงประสานไปทาง “ไอบีเอ็ม” และ “อาลีบาบา” เพื่อให้เข้ามาช่วยพัฒนาระบบเทคโนโลยีและร่วมบริหาร
“ก่อนหน้านี้เคยพาตัวแทนจากอาลีบาบา ไปสำรวจสาขาของคู่แข่ง พบภาพลูกค้ายืนต่อแถวเพื่อรอส่งสินค้า เขาตกใจ และคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะที่จีน มีบริการรับสินค้าถึงหน้าบ้าน จึงคิดว่าโอกาสของเรามาแล้ว เลยตกลงทำธุรกิจร่วมกัน” คุณคมสันต์ บอกอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม “แฟลช เอ็กซ์เพรส” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ภายใต้โมเดลการทำธุรกิจขนส่งแตกต่างไปจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ ไม่รับทั้ง “Out Source” (เอาต์ซอร์ซ) และไม่ใช้ระบบ “แฟรนไชส์” และดึงทีมไอทีที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาดูแลระบบ “หลังบ้าน” เองทั้งหมด ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพนักงานกว่า 10,000 คน ให้บริการครอบคลุมครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีจุดรับส่งพัสดุมากกว่า 2,500 แห่ง และมีตัวเลขการส่งพัสดุของบริษัทฯ มากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อวัน