เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured Exclusive

กรือโป๊ะ ข้าวเกรียบปลา วัฒนธรรมแดนใต้

ฉันชอบไปเดินตลาดในแฟลตคลองจั่น ซึ่งเป็นศูนย์รวมของชาวใต้ ที่นั่นมีอาหารและวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารใต้ทุกชนิด หรือจะเป็นอาหารปรุงสำเร็จก็มากมายจนเลือกไม่ถูก รวมถึงของกินเล่นที่ฉันชอบมากๆ คือ ข้าวเกรียบปลา ที่เรียกว่า กรือโป๊ะ กือโป๊ะ หรือ กะโป๊ะ ซึ่งได้อิทธิพลมาจากมลายูที่เรียกว่า เกโรโปะก์ (Keropok) ภาษาอินโดนีเซีย เรียกว่า กรุปุ๊ก (Krupuk / Kerupuk) และภาษาฟิลิปิโน เรียกว่า โกรเปก (Kropek)

กล่าวกันว่า ชาวอินโดนีเซียเป็นต้นตำรับของข้าวเกรียบที่เราๆ กินกันอยู่ในทุกวันนี้ โดยมีวัตถุดิบหลักคือ แป้งข้าวเจ้าและแป้งมัน ซึ่งในอดีตอาจจะใช้แป้งสาคูเป็นหลักเพราะหาได้ง่ายในท้องถิ่น แล้วผสมส่วนผสมอื่นๆ ลงไปทำให้เกิดข้าวเกรียบหลากหลายชนิด เช่น ข้าวเกรียบกุ้ง (Krupuk udang) ข้าวเกรียบปลา (Krupuk kemplang / Krupuk ikan) ข้าวเกรียบมันสำปะหลัง (Krupuk singkong/Krupuk kampang/ Krupuk putih) ข้าวเกรียบหัวหอม (Krupuk bawang) แม้กระทั่งเมล็ดของต้นเหมียงหรือต้นเหลียงก็สามารถเอามาทำข้าวเกรียบได้เรียกว่า เอมปิง (Emping) นอกจากนี้ยังมีข้าวเกรียบอีกสารพัดชนิด ซึ่งคนที่เคยไปอินโดนีเซียจะต้องพบกับข้าวเกรียบหลากชนิดที่มีสีสันคัลเลอร์ฟูลอย่างแน่นอน

เรื่องข้าวเกรียบนั้นมีมากมาย วันนี้ฉันขอพูดถึงข้าวเกรียบปลาเป็นหลัก ไว้จะเล่าเรื่องข้าวเกรียบชนิดอื่นให้อ่านกันอีกทีค่ะ ข้าวเกรียบปลานี้ เป็นวัฒนธรรมอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งแพร่หลายมายังจังหวัดชายแดนใต้ของไทย โดยการโยกย้ายถิ่นของชาวมลายูหลังตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ว่ากันว่าที่บ้านดาโต๊ะ ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี มีผู้นำแป้งจากต้นสาคูผสมปลาและเกลือทำเป็นข้าวเกรียบ นวดแล้วปั้นเป็นแท่งยาวตัดเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปต้มหรือนึ่งให้สุกแล้วทอดกินเป็นอาหาร ข้าวเกรียบปลาแบบนี้เป็นแบบสด จะมีความเหนียวคล้ายกับกินลูกชิ้นปลาทอดที่เหนียวๆ ส่วนข้าวเกรียบที่หั่นเป็นชิ้นแล้วตากแดดให้แห้งเมื่อนำไปทอดจะได้ข้าวเกรียบกรอบๆ พองฟู ไว้กินเล่นจิ้มกับน้ำจิ้มสามรส หรือกินแนมกับอาหารต่างๆ

ปลาที่นิยมนำมาทำข้าวเกรียบจะเป็นปลาทู และปลาหลังเขียว ซึ่งเป็นผลผลิตของชาวประมงในพื้นที่ ข้าวเกรียบปลาจะมีสีคล้ำๆ ตุ่นๆ อร่อยและมีโปรตีนจากเนื้อปลา นับเป็นของกินเล่นที่มีประโยชน์ ส่วนน้ำจิ้มนั้นฉันไม่ค่อยนิยม แต่ถ้าใครอยากจะทำเองก็ไม่ยาก เพียงผสมพริกสด กระเทียม น้ำตาลทราย เกลือ น้ำส้มสายชู และซอสมะเขือเทศ บดเข้าด้วยกัน แล้วปรุงรสตามชอบค่ะ

เดี๋ยวนี้หาซื้อข้าวเกรียบปลาได้ง่ายค่ะ นอกจากไปในตลาดชาวใต้แล้วในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีขาย อีกทั้งงานโอท็อปต่างๆ ต้องมีข้าวเกรียบปลาขายแน่นอน

Related Posts

ยอดขาย 300 ล้าน "จอลลี่แบร์" ขนมเยลลี่รูปหมีสัญชาติไทย ทำยังไงให้ครองตลาดมานานกว่า 50 ปี