เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
หลักสูตรเรียนฟรี

เกษตรกรชาวชุมพรปลูก “สับปะรดสวี” เสริมรายได้ในสวนยางพารา

สับปะรด นับเป็นผลไม้เศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญเชิงเศรษฐกิจ และมากคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีสารอาหารอยู่ในสับปะรดจำนวนมาก แถมมีสรรพคุณทางยาสูง ช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อ เสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจำพวก น้ำตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด การรับประทานสับปะรดเป็นประจำ จะช่วยบำรุงร่างกายให้ห่างไกลจากโรคไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ  ฯลฯ

สับปะรดสวี เป็นสับปะรดสายพันธุ์ดีของจังหวัดชุมพร และเป็นสินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP product champion) รางวัล 3 ดาว ประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร ระดับภาค ประจำปี 2546 สับปะรดสวี  ไม่ได้ปลูกกันเป็นไร่ๆ เหมือนสับปะรดทั่วไป เกษตรกรนิยมปลูกแซมไว้ในสวนมะพร้าว และสวนยาง

“สวี” สับปะรดพันธุ์ดี มาจากปีนัง

ก่อนอื่นขอเล่าประวัติความเป็นมาของสับปะรดสวีสักเล็กน้อย  สับปะรดสายพันธุ์นี้ มาจากประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่เมื่อ 100 ปีที่แล้ว โดยพระยาจรูญโภคากร อดีตเจ้าเมืองหลังสวนเป็นผู้นำเข้าจากเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย และนำพันธุ์สับปะรดมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านพื้นที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพรก่อน ชาวบ้านที่รับแจกพันธุ์ได้นำไปปลูกแซมสวนมะพร้าวและยางพารา ระยะแรกชาวบ้านเรียกสับปะรดชนิดนี้ตามสำเนียงท้องถิ่นว่า “หยานัสฝรั่ง” หรือ “สับปะรดฝรั่ง” นั่นเอง

พี่บุญเกื้อ ทองแท้ ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร พาไปดูแปลงปลูกสับปะรดในสวนยาง

ต่อมาเกิดปัญหาราคามะพร้าวและยางพาราตกต่ำ ชาวบ้านจึงหันมาปลูกสับปะรดแซมในสวนมะพร้าวและสวนยางพาราเพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว ระยะหลังมีการปลูกสับปะรดอย่างแพร่หลายในพื้นที่อำเภอสวี ผู้บริโภคจึงนิยมเรียกชื่อสับปะรดชนิดนี้ตามแหล่งที่ปลูกว่า “สับปะรดสวี” มาจนถึงทุกวันนี้

ลักษณะเด่นของ สับปะรดสวี

สับปะรดสวี มีผลเล็กทรงกระบอก น้ำหนักประมาณ 1 กก. มีจุดเด่นตรงจุกตั้งยาว ผลสุกมีเนื้อเหลือง กลิ่นหอม  เยื่อใยมีน้อย และรสหวานกรอบ แกนยังกินได้ นับเป็นสับปะรดรสชาติดีที่สุดพันธุ์หนึ่ง หาซื้อได้ตามแผงขายผลไม้ที่ อ.สวี และหลังสวน วิธีเลือกซื้อ แนะนำให้เลือกซื้อผลสับปะรดที่มีเปลือกแน่นตึง สีเหลืองอมส้ม สด ไม่เหี่ยวคล้ำ กดดูเนื้อยังแน่น จุกมีสีเขียวตั้งแข็ง ไม่ห่อห้อยลง

สับปะรดสวี จัดเป็นสับปะรดกลุ่มควีน (Queen) ที่มีลักษณะเด่นคือ ขอบใบที่ต้นและขอบใบที่จุกผลมีหนามสั้นๆ แหลมคม ทรงโค้ง สีน้ำตาลแดง ผลเป็นรูปทรงกระบอก ผิวเปลือกเมื่อแก่สุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มหรือเหลืองส้ม ตาใหญ่ ร่องตาลึก เปลือกหนา ตาลึก ทนทานต่อการขนย้าย สับปะรดสายพันธุ์นี้ สามารถปลูกได้ตลอดปี ผลขนาดเล็ก เนื้อสีทอง กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบ

ความจริงแล้ว สับปะรดพันธุ์ภูเก็ต และ พันธุ์สวี ที่นิยมปลูกแพร่หลายในพื้นที่ภาคใต้แถบจังหวัดภูเก็ตและชุมพร ล้วนเป็นกลุ่มสับปะรดควีนเช่นเดียวกัน  สังเกตได้จากต้นสับปะรดซึ่งเป็นพันธุ์ใบแคบ และยาว ใบสีเขียวอ่อน มีแถบสีแดงตอนกลางใบ ขอบใบเต็มไปด้วย หนามสีแดง ผลมีขนาดเล็ก ผลย่อยนูน ตาลึก เนื้อมีสีเหลือง รสหวานกรอบ และมีกลิ่นหอม

อำเภอสวี นับเป็นต้นกำเนิดดั้งเดิมของการทำไร่สับปะรดสวีพันธุ์แท้ มาตั้งแต่สมัยอดีต ชาวบ้านในท้องถิ่นนิยมปลูกสับปะรดพันธุ์สวีและพันธุ์ภูเก็ต แม้ทั้งสองสายพันธุ์จะอยู่ในกลุ่มควีน แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยสับปะรดภูเก็ตมีขนาดผลยาวกว่า มีตาถี่กว่า ส่วนสับปะรดสวีขนาดหัวใหญ่และมีปลายแหลม นอกจากนี้ชาวบ้านบางส่วนยังนิยมปลูกสับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง ซึ่งเรียกในภาษาท้องถิ่นว่า สับปะรดพันธุ์ตาดำ เพราะมีตาดำ ลักษณะฉ่ำน้ำ เป็นจุดเด่นสำคัญ

ปลูกสับปะรดสวี แซมสวนยาง  

ผู้เขียนแวะชมการปลูกสับปะรดแซมสวนยางเนื้อที่ 10 ไร่ ของครอบครัว “ศุภสวัสดิ์” ที่ตั้งอยู่บ้านเลขที่  20 หมู่ 1 ตำบลสวี อำเภอสวี  จังหวัดชุมพร  “คุณอารีรัตน์  ศุภสวัสดิ์” เจ้าของไร่สับปะรดแห่งนี้ เล่าว่า พื้นที่แห่งนี้ เป็นที่ดินมรดกจากคุณแม่เขียว ศุภสวัสดิ์ ตั้งแต่เธอจำความได้ก็เห็นแม่ปลูกสับปะรดแซมสวนมะพร้าวมาตลอด

สมัยก่อน ปลูกสับปะรดเป็นกอใหญ่ๆ จนแทบไม่มีที่ดิน เวลาเก็บผลผลิตออกขาย จะต้องเอาทางมะพร้าวปูเป็นทางเดินเพื่อเข้าไปเก็บสับปะรด ตอนหลังแม่เขียวตัดสินใจรื้อแปลงปลูกสับปะรด โดยนำช้างมาปล่อยเพื่อกินสับปะรดจนหมด ก่อนลงทุนปลูกสับปะรดรอบใหม่

สวนแห่งนี้ปลูกสับปะรดพันธุ์สวีแท้ คอยตัดหน่อออกและปลูกใหม่ มิฉะนั้นต้นสับปะรดจะแตกหน่อเยอะมาก และได้ผลขนาดเล็ก ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เธอสืบทอดอาชีพการปลูกสับปะรดแซมสวนมะพร้าวมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเธอตัดสินใจโค่นสวนมะพร้าวและเปลี่ยนมาปลูกยาง แต่ยังคงปลูกสับปะรดแซมในสวนเช่นเดิม

แม้สับปะรดสวีจะมีอายุยืนยาว  3- 4 ปี แต่ชาวบ้านนิยมรื้อแปลงเพื่อปลูกใหม่ทุกปี เพราะให้ผลผลิตคุ้มค่ากว่า  โดยทั่วไปนิยมปลูกสับปะรดสวีในระยะห่างประมาณ 50 – 100 เซนติเมตร  เพื่อให้สับปะรดมีขนาดผลที่สวยงาม พื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกสับปะรดพันธุ์ทั่วไปได้ประมาณ 5,000 กว่าต้น แต่สับปะรดสายพันธุ์สวี ปลูกแถวเดี่ยวได้ประมาณ 7,000  ต้น ต่อไร่ ทีเดียว

เกษตรกรนิยมปลูกสับปะรดสวีตลอดทั้งปี ยกเว้นเฉพาะช่วงที่มีฝนตกหนัก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการระบายน้ำและโรคระบาดซึ่งมักจะติดตามมาหลังจากเกิดฝนชุกติดต่อกัน การเตรียมแปลงปลูก หากไม่มีปัญหาวัชพืช เกษตรกรจะขุดหลุมปลูกเลย หากมีวัชพืช จะฉีดยาฆ่าหญ้าสักครั้งก่อนใส่ปุ๋ยยูเรีย บำรุงต้นละประมาณ ครึ่งช้อนโต๊ะ

หลังจากปลูกดูแลไปได้ปีเศษ จะเก็บผลผลิตรุ่นแรกออกขายได้ โดยมีแม่ค้าเข้ามารับซื้อผลผลิตถึงไร่  สับปะรดสวีขายได้ราคาดี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ ช่วงตรุษจีน สับปะรดผลใหญ่สามารถขายได้ในราคาผลละ 20 –  25 บาท ช่วงเวลาปกติจะขายผลผลิตได้ในราคาผลละ 18 – 20 บาท

เกษตรกรบางรายไม่อยากสูญเสียโอกาสการขายสินค้าในช่วงเทศกาลสำคัญ  ก็จะเลือกใช้วิธีการหยอดยา ซึ่งเป็นแก๊สบ่มผลไม้ขนาดก้อนเล็กๆ  มาหยอดใส่บริเวณยอดสับปะรด  เพื่อให้ยอดเน่า วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้ต้นสับปะรดขึ้นดอกไวกว่าปกติ และมีผลผลิตออกขายภายในระยะ 5 เดือนหลังจากหยอดแก๊ส

หลังปลูกสับปะรด เกษตรกรสามารถเริ่มต้นหยอดยาครั้งแรกได้ เมื่อต้นสับปะรดมีอายุครบ 8 เดือน  หลังจากหยอดยา รอไปอีก 5 เดือน เมื่อต้นสับปะรดอายุครบ 13 เดือนก็จะตัดผลผลิตรุ่นแรกออกขายได้  สมัยก่อน เกษตรกรจะใช้แก๊สหยอดบริเวณยอดสับปะรด  เนื่องจากสับปะรดแต่ละหน่อจะมีจุดต่อต้านไม่เท่ากัน ทำให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดไม่พร้อมกัน ระยะหลังเกษตรกรจึงหันมาใช้ฮอร์โมนช่วยกระตุ้นให้ต้นสับปะรดออกดอกได้พร้อมกันทั้งไร่

ปัญหาอุปสรรค

เวลาต้นสับปะรดเจอฝนตกหนัก เสี่ยงทำให้ผลผลิตเน่าเสียได้ง่าย  หากมีผลผลิตเข้าตลาดในช่วงฤดูผลไม้ ที่มีผลไม้เข้าตลาดจำนวนมาก เท่ากับมีคู่แข่งขันในตลาดมากขึ้น โอกาสการขายก็น้อยลง ต้องตัดใจขายผลผลิตในราคาถูก

ปัจจุบันพื้นที่การปลูกสับปะรดสวี มีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับในอดีต  เนื่องจากทุกวันนี้  สวนมะพร้าวในพื้นที่อำเภอสวีไม่ค่อยมีแล้ว เพราะถูกปรับมาเป็นพื้นที่ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน  ชาวบ้านปลูกสับปะรดสวีได้ในสวนยางต้นเล็กเท่านั้น  เนื่องจากสับปะรดสวีมีขนาดเล็ก ในระยะหลังชาวบ้านก็ไม่ค่อยนิยมปลูก  แต่หันไปปลูกสับปะรดพันธุ์ตราดสีทองที่มีขนาดผลใหญ่แทน

ลักษณะเด่นของสับปะรดสวี ที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ สับปะรดสวีมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าสับปะรดพันธุ์อื่นๆ  สับปะรดสวีที่ตัดออกจากต้น หากไม่โดนฝนจะมีเนื้อแห้ง มีอายุการขายนานเกือบ 2 สัปดาห์ ขณะที่สับปะรดพันธุ์ตราดสีทองจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า เพียง 7-8 วันเท่านั้น

  

สับปะรดสวี มีรสชาติอร่อย เป็นที่นิยมของผู้บริโภค หากปลูกเป็นแสนต้น ก็จะมีรายได้หลักแสนเช่นเดียวกัน ทำให้ เกษตรกรบางรายตัดสินใจปลูกสับปะรดสวีในลักษณะแปลงใหญ่ เก็บผลผลิตแต่ละวันสร้างรายได้ทะลุหลักหมื่น เรียกได้ว่า สับปะรดสวีเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้สูงไม่แพ้ไม้ผลชนิดอื่น

Related Posts

งานพาร์ตไทม์ วัยเกษียณ! ซีเจ มอร์ เปิดรับสมัครงาน อายุ 55 ปีขึ้นไป ชม.ละ 50 บาท สวัสดิการเพียบ
แชร์ไอเดียสร้างรายได้เสริมจากมือถือ ด้วย 7 แอป-เว็บไซต์ เริ่มต้นสมัครได้ง่ายๆ อยู่ที่ไหนก็ทำได้