“ท็อปส์ ท้องถิ่น” ฉลองความสำเร็จครบรอบ 2 ปี ดันยอดขายเอสเอ็มอีโตขึ้น 80% พร้อมแผนขยายตลาดสินค้าไทยสู่ต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาทภายใน 3 ปี
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “แพลตฟอร์ม ท็อปส์ ท้องถิ่น (Tops Tongtin) เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ภายใต้โครงการ Small Act Together ที่มุ่งดูแลฐานราก ผลักดันผู้ผลิต สนับสนุนให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนและเอสเอ็มอีไทยได้พัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน รวมไปถึงการยกระดับช่องทางการจำหน่ายสู่โมเดิร์นเทรด เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เติบโตไปพร้อมๆ กับท็อปส์ สอดรับกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ GDP ของเอสเอ็มอี (SMEs) ไทย เติบโตเพิ่มขึ้นจาก 35.2% เป็น 40% ได้ภายในปี 2570
โดยปัจจุบันท็อปส์ ท้องถิ่น แพลตฟอร์มแห่งโอกาสครบรอบ 2 ปี นับเป็นความสำเร็จไปอีกขั้นของท็อปส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจฟู้ดรีเทล ที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสร้างโอกาสทางการขาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานรากกระจายรายได้กลับคืนสู่ชุมชน ตามปรัชญา CRC Care ของเซ็นทรัล รีเทล”

ด้าน นายไบรอัน ฮิลล์ ผู้อำนวยการฝ่ายนำเข้าสินค้าและท็อปส์ ท้องถิ่น บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 รายจากทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า และมีผู้ประกอบการที่มีความโดดเด่นได้รับการคัดเลือกเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับท็อปส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Local Discoveries” จำนวนกว่า 140 ราย
อาทิ น้ำพริกเผ็ดดี by เผ็ดเผ็ด น้ำจิ้มแจ่วมะเขือเทศ สูตรเด็ดที่พัฒนามาจากร้านอาหารชื่อดัง “เผ็ดเผ็ด”, ชิมไทย น้ำจิ้มแจ่วมะแขว่น คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกจากชุมชน, เพนนี ป๊อปคอร์นฝีมือคนไทยระดับพรีเมียม ที่ตั้งใจคัดสรรวัตถุดิบให้ดีต่อสุขภาพ, รสมือนาง น้ำพริกมันปูม้า และเนื้อปูคั่วกลิ้ง ของดีของเด็ดจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ อาทิ ออร์รี่ เครื่องดื่มสปาร์คกลิ้งผสมชาและน้ำผลไม้แท้ 100%
โอยุ ชาข้าวกล้องสไตล์เจ็นไมฉะเจ้าแรกในประเทศไทย และอีกมากมาย ทำให้ปัจจุบันท็อปส์มีผลิตภัณฑ์จากท็อปส์ ท้องถิ่น วางจำหน่ายรวมทั้งสิ้น กว่า 300 รายการ สร้างยอดขายให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตขึ้นกว่า กว่า 80% หรือเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 30 ล้านบาท
ท็อปส์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อเติบโตไปเคียงข้างกันอย่างยั่งยืน ในปี 2567 เน้นการให้ความรู้ในการทำตลาดออนไลน์ สนับสนุนการทำโปรโมชันเพื่อเพิ่มยอดขาย และใช้ KOL Marketing เพื่อเพิ่มการรับรู้ในวงกว้าง
นอกจากนี้ ยังได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการให้ความรู้ในการพัฒนาสินค้าผ่านโครงการความร่วมมือต่างๆ อาทิ โครงการมาร์เก็ต อินไซต์ร่วมกับหอการค้าไทย อบรมทักษะเรื่องการศึกษาแนวโน้มตลาด หลักเกณฑ์การคัดเลือกสินค้า โครงการจากความร่วมมือกับสถาบันอาหาร (NFI) แนะนำแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มและจับคู่ธุรกิจ โครงการจากความร่วมมือกับธนาคารออมสินและสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย มุ่งให้ความรู้เบื้องต้น และแนะนำโครงการท็อปส์ ท้องถิ่น ทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้ ท็อปส์ ยังได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายขยายชั้นวางสินค้าโซน “ท็อปส์ ท้องถิ่น” ภายในร้านท็อปส์ และ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ รวมทั้งสิ้นกว่า 90 สาขาในปีนี้ รวมถึงผลักดันสินค้าเพิ่มเติมเข้าสู่ท็อปส์ เดลี่ ทั้งในสาขาแหล่งท่องเที่ยว และสาขาอื่นๆ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 200% รวมถึงสร้างการเติบโตกว่า 5 เท่า ในช่องทางออนไลน์และออมนิแชนเนล
และล่าสุด ท็อปส์ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับเอ็นทียูซี แฟร์ไพรซ์ (NTUC FairPrice) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดและวิสาหกิจเพื่อสังคมชั้นนำของสิงคโปร์ ในการผลักดันและยกระดับสินค้าไทยเพื่อวางจำหน่ายในกว่า 160 สาขาของร้านในเครือแฟร์ไพรซ์ กรุ๊ป ทั่วสิงคโปร์ รวมถึงช่องทางออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ
“ท็อปส์ ท้องถิ่น เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดย่อมและวิสาหกิจขนาดเล็กที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายศักยภาพธุรกิจของตัวเองให้เติบโตมากยิ่งขึ้น พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์คนสำคัญที่จะช่วยคนตัวเล็กให้ได้มีโอกาสเข้าถึงร้านค้าปลีกชั้นนำระดับประเทศ รวมไปถึงโอกาสในการขยายสินค้าไปสู่ร้านค้าชั้นนำในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าผลักดันยอดขายให้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาท ในระยะ 3 ปีข้างหน้า” นายไบรอัน กล่าวสรุป
สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สมัครได้ที่ www.topstongtin.com