การทำสกินแคร์รูทีนหรือใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวตนเองถือเป็นเคล็ดลับผิวสวย สุขภาพดี ที่หลายเสียงต่างรีวิวว่าหากทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องทุกๆ วันก็จะเห็นผลลัพธ์อย่างแน่นอน แถมยังเป็นการช่วยลดเลือนปัญหาผิว พร้อมเสริมให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้จริง แต่กับบางกลุ่มก็อาจรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะแม้จะเลือกใช้สกินแคร์ที่มีสารและสรรพคุณตอบโจทย์ปัญหาผิวมากขนาดไหน ปัญหาผิวก็ไม่ดีขึ้นเลย มิหนำซ้ำในบางเคสยังอาจเผชิญกับอาการที่รุนแรงมากกว่าเดิมอีก ทั้งผิวระคายเคือง มีสิวผด สิวอุดตัน หรือหน้าลอกเป็นขุย จนพลอยทำให้หมดความมั่นใจ จนไม่อยากใช้สกินแคร์อีก
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้ อย่าเพิ่งท้อใจ หรือนึกโทษสกินแคร์ที่ใช้อยู่ เพราะต้นตอของสาเหตุ อาจไม่ได้มาจากส่วนผสม ยี่ห้อของสกินแคร์ แต่มาจากขั้นตอนการลงสกินแคร์ เรียงลำดับการใช้สกินแคร์ไม่ถูกต้อง ทำให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ไม่ดีพอ ผิวจึงไม่ได้รับการบำรุง การฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง บทความนี้เราเลยขอมาแชร์สเต็ปลงสกินแคร์ให้ถูกวิธี ใครที่สงสัยว่าโทนเนอร์ น้ำตบ ครีมบำรุง หรือเซรั่มทาตอนไหน ตามมาดูได้เลย!
เริ่มต้นด้วยโทนเนอร์ เปิดรูขุมขน
หลังจากทำความสะอาดผิวหน้า เช็ดหน้าให้แห้งสนิท และชัวร์ว่าใบหน้าปราศจากสิ่งสกปรกแล้ว ให้เราเริ่มต้นด้วยการใช้โทนเนอร์เช็ดผิวหน้า โดยโทนเนอร์จะมีเนื้อบางเบา มีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกตกค้าง และปรับสมดุลค่า pH ของผิวเป็นหลัก ช่วยเปิดรูขุมขน และเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในสเต็ปถัดๆ ไป หากลงโทนเนอร์ไว้ที่ขั้นตอนแรกก็จะช่วยให้สกินแคร์ซึมลงสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น
ใช้เอสเซนส์ หรือน้ำตบ
เอสเซนส์ (Essence) หรือน้ำตบ เป็นอีกหนึ่งสกินแคร์ที่ได้รับความนิยม โดยจะมีเนื้อเหลวใส Texture บางเบา ซึมซาบเร็ว มีสารบำรุงเข้มข้นกว่าโทนเนอร์ที่ใช้ในสเต็ปแรก แต่เบากว่าเซรั่มหรือครีม หากลงโทนเนอร์เปิดรูขุมขนเรียบร้อยแล้ว ก็อาจต่อด้วยการลงเอสเซนส์ที่มีสารสกัดบำรุงผิว ตอบโจทย์ปัญหาผิวตนเอง เพื่อเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงผิว โดยเทลงฝ่ามือเล็กน้อย และตบเบาๆ ลงบนใบหน้า
ใช้ยาแต้มสิวลงเฉพาะจุด
สำหรับคนเป็นสิว หรือกำลังเผชิญปัญหาสิวอุดตัน สิวอักเสบ ก็อาจจำเป็นต้องใช้ยาแต้มสิว ด้วย โดยในสเต็ปการลงสกินแคร์นั้น แนะนำให้แต้มสิวหลังการลงน้ำตบ และควรแต้มเฉพาะบริเวณที่สิวขึ้นเท่านั้น ด้วยยาแต้มสิวมักจะมีส่วนผสมสารลดการอุดตันและผลัดเซลล์ผิว อาจมีฤทธิ์เข้มข้น เพื่อช่วยเรื่องสิวโดยเฉพาะ หากใช้ทั่วบริเวณหน้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และหลังจากใช้ยาแต้มสิวลงเฉพาะจุดเรียบร้อยแล้ว ควรเว้นระยะสักครู่ เพื่อรอยาซึมเข้าสู่ผิว แล้วค่อยต่อด้วยสเต็ปถัดไป
ใช้เซรั่ม บำรุงอย่างล้ำลึก
การใช้เซรั่ม (Serum) ถือเป็นสเต็ปสำคัญของการทำสกินแคร์รูทีน เพราะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ถูกออกแบบมาให้มีความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในรูปแบบอื่นๆ มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว แถมมีโมเลกุลขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวได้ล้ำลึก ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ เช่น ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวเป็นสิว หากใครสงสัยว่าเซรั่มทาตอนไหนจึงจะดีที่สุด แน่นอนว่าก็ต้องเป็นตอนที่ผิวของเราพร้อมได้รับการบำรุงจากสารสกัดอย่างเต็มที่ หลังจากใช้โทนเนอร์ น้ำตบ เตรียมผิวแล้วนั่นเอง
ใช้อายครีม หรือครีมบำรุงรอบดวงตา
สเต็ปนี้เหมาะกับคนที่มีใต้ตามีปัญหา มีถุงใต้ตา รอยคล้ำเป็นพิเศษ เพราะอายครีมมักจะมีคุณสมบัติเด่นที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและคอลลาเจน มีสาร Antioxidant ที่ช่วยมอบความชุ่มชื้น หากใครที่มีปัญหารอบดวงตา หรืออยากจะป้องกันการเกิดริ้วรอยใต้ตาก่อนวัยอันควร ก็อาจเลือกใช้อายครีมหลังจากการใช้เซรั่มได้เลย ทั้งนี้ ควรเลือกใช้สูตรอ่อนโยน และไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจเสี่ยงให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองตามมาได้
ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำ
หากอยากมีผิวแข็งแรง ห้ามพลาดกับสเต็ปการลงมอยซ์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) ที่มีช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเป็นพิเศษ ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน พร้อมเสริมเกราะปราการให้ผิวแข็งแรง โดยมอยซ์เจอไรเซอร์จะมีความเข้มข้นสูง มีเนื้อแน่น และมีน้ำมันธรรมชาติเป็นเบสหลัก จึงแนะนำให้ลงสู่ผิวภายหลังจากการลงสกินแคร์เนื้อบางเบา อย่างโทนเนอร์ น้ำตบ เซรั่ม หรืออายครีม และนอกจากมอยซ์เจอไรเซอร์จะช่วยให้ผิวชุมชื้นแล้ว ยังทำให้เมกอัปติดทนมากขึ้นด้วย
ปิดท้ายด้วยการมาส์กหน้า
มาส์ก หรือ สลีปปิ้งมาส์ก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้ใช้บำรุงผิวหน้าโดยที่ไม่ต้องล้างออก มีส่วนผสมที่เข้มข้น เนื้อแน่น คล้ายกับมอยซ์เจอไรเซอร์ มีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ ทั้งเน้นการเพิ่มความชุ่มชื้น ผลัดเซลล์ผิว เสริมให้ผิวเรียบเนียน หากอยากได้ผลลัพธ์ผิวที่แข็งแรง ฟื้นฟูปัญหาผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ภายหลังจากลงสกินแคร์ตัวอื่นๆ ครบหมดแล้ว ก็ให้ปิดท้ายด้วยการมาส์กหน้าก่อนนอน เพื่อล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวไว้ได้เลย ทั้งนี้ หากเลือกใช้เป็นชีตมาส์กควรมาส์กไม่เกิน 20 นาที เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการสูญเสียน้ำ
จบกันไปแล้วกับการลงสกินแคร์ให้ถูกวิธี เพียงแค่เรียงลำดับการใช้สกินแคร์ก็มีส่วนช่วยให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดีมากขึ้น เริ่มจากการเปิดรูขุมขน เตรียมผิวด้วยสกินแคร์ที่มีเนื้อบางเบาอย่างโทนเนอร์ น้ำตบ เริ่มบำรุงเฉพาะจุดด้วยยาแต้มสิว บำรุงให้ล้ำลึกมากขึ้นด้วยเซรั่ม ต่อด้วยอายครีมลดปัญหาใต้ตา ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นอย่างมอยซ์เจอไรเซอร์ และปิดท้ายด้วยการมาส์กหน้า หากทำได้อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ปัญหาผิวลดลง ผิวแลดูสุขภาพดีมากขึ้นแน่นอน
หลังไฮโซสาว “ฟ้า จิลมิกา” ออกมาเปิดใจกรณีคลิปลับหลุดว่อนเน็ตจนเป็นกระแสฮือฮาไปในโลกออนไลน์ ตามที่”ข่าวสดออนไลน์” นำเสนอไปแล้วนั้น(อ่าน: เปิดใจไฮโซ “ฟ้า จิลมิกา” เครียดจัด-คิดฆ่าตัวตาย หลังคลิปลับหลุดว่อนเน็ต!) ล่าสุด ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่าหลังจากที่สาวฟ้าได้พบหนทางสว่าง พบพระอาจารย์ที่สอนให้เธอรู้จักปล่อยวาง ชีวิตของเธอก็กลับมาสดใสอีกครั้งหลังเจอมรสุมลูกใหญ่ หันกลับไปออกกำลังกายเหมือนที่เธอเคยทำเป็นประจำอีกครั้ง รวบรวมภาพของ “ฟ้า จิลมิกา” กับชีวิตใหม่มาฝากกัน ที่มาอินสตาแกรม fah_jilamiga
บอกละเอียด “ซอสผัดไทยสร้างอาชีพ” ทำง่าย ใช้ได้จริง ทำขายรับรองปัง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนเถียงกันเยอะว่า ชื่อนี้มี ย.ยักษ์ ตามท้ายด้วยหรือไม่ เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่า มานี่ค้าาา เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะมาบอกให้ เมนูที่ว่านี้คือ ผัดไทย วิธีการจำง่ายๆ ผัดไทย เป็นของไทย ฉะนั้น คำว่า ไทย ใช้คำเดียวกัน แต่ๆๆๆ วันนี้ไม่ได้มาบอกแค่วิธีการจำชื่อเมนูเท่านั้น แต่จะมาบอกสูตรน้ำซอสผัดไทย ที่บอกได้เลยว่า จะทำไว้กินเอง หรือจะเอาไปทำขาย ได้ทั้งนั้น วัตถุดิบหาง่าย วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก มีขั้นตอนอะไรบ้าง ไปดูกันเลย ส่วนผสม ซอสผัดไทย หอมแดงซอย 100 กรัม น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง (สำหรับเจียวหอม) พริกชี้ฟ้าแห้งแกะเมล็ดออก 6-7 เม็ด น้ำเปล่า 240 กรัม (สำหรับแช่และปั่นพริก) น้ำตาลมะพร้าว 450 กรัม น้ำมะขามเปียกคั้นข้น 240 กรัม น้ำปลา 80 กรัม ผงชูรส 1/2 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) วิธีทำ ซอสผัดไทย ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เปิดไฟกลางไปทางอ่อน จากนั้นใส่หอมแดงลงไป เจียวจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นกรองน้ำมันออก แล้วพักไว้ นำพริกชี้ฟ้ามาปั่นให้ละเอียด โดยเทลงไปทั้งน้ำและพริก นำพริกที่ปั่นเทใส่กระทะที่จะใช้เคี่ยวซอส เปิดแก๊สใช้ไฟกลางค่อนอ
“การชงชา 1 แก้ว แล้วลูกค้าบอกอร่อย มันก็เหมือนกับทำหนังแล้วคนดูชอบ” จากผู้กำกับโฆษณา สู่เจ้าของอาณาจักรชาสุดฮิตย่านห้วยขวาง พี่เอ๊ง-สาโรจน์ สุวัณณาคาร เจ้าของช่อง “ลุงชงชา” ที่เมื่อปี 2540 ได้เจอกับวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้บริษัทไม่มีงาน ไม่มีเงินจ่ายพนักงาน จนพี่เอ๊งต้องขายบ้านหลังหนึ่ง เพื่อนำมาสร้างเรือนไทยที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น กระทั่งกลายเป็นคาเฟ่ที่ฮีลใจใครหลายคน เริ่มแรกพี่เอ๊งอยากจะทำให้ที่แห่งนี้เป็น “อาณาจักรชา” โดยจะมีชาให้เลือกกว่า 300 ตัว ทั้งยังมีสร้างช่องติ๊กต็อกขึ้น เพื่อพูดคุยเรื่องชาโดยเฉพาะ ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปต์ “ดื่มชาอร่อย สไตล์ลุงชงชา” ที่ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมาก ถ้าดื่มแล้วมีความสุขก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนแล้ว โดยหากใครมาที่คาเฟ่แล้วสนใจในเรื่องชา พี่เอ๊งจะคอยถามลูกค้าที่แวะเวียนมาเสมอว่าอยากได้ชารสชาติประมาณไหน ตอนนี้อยู่ในอารมณ์ใด แล้วจะทำการเสิร์ฟในแบบที่ลูกค้าต้องการ พิกัด : ลุงชงชา (Loong Chong Cha) อยู่ในร้านตามใจคาเฟ่ ย่านห้วยขวาง
จะว่าไป คนยุคนี้เมื่อมีอายุเลย 60 ซึ่งเป็นตัวเลขเกษียณการทำงานอย่างเป็นทางการ หลายๆ ท่านยังมีเรี่ยวมีแรง และมีความรู้-ความสามารถ ไม่แพ้คนหนุ่มสาวสักเท่าไหร่ ผู้อาวุโส จำนวนไม่น้อย จึงพยายามหางานอดิเรก หรือแม้แต่ “อาชีพหลังเกษียณ” ทำกันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะไม่อยากปล่อยเวลาให้นับถอยหลัง ผ่านไปอย่างไร้ค่า “ชื่อ จันทร์เพ็ญ ทรงสวยรูป เป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณแล้ว เลยหาช่องทางให้ตัวเองว่าในความรู้ความสามารถของเรา สามารถทำอะไรได้บ้าง” เจ้าของเรื่องราวครั้งนี้ ที่ใช้คำเรียกแทนตัวว่า “ป้าจิ๊ก” เริ่มบทสนทนาอย่างนั้น ก่อนย้อนที่มาของ “อาชีพหลังเกษียณ” ซึ่งเลือกทำมาถึงทุกวันนี้ให้ฟัง มีจุดเริ่มต้นจากปัญหาสุขภาพประจำตัว โดยมีคำแนะนำจากแพทย์ทางเลือก ให้ทานผักใบเขียวเป็นประจำจะทำให้การทำงานของตับดีขึ้น ซึ่งผักที่พอนึกออก เห็นมีแต่คะน้า แต่เธอไม่ชอบลักษณะ “เหม็นเขียว” ของมันมาก กระทั่งราว 7 ปีก่อนหน้า มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับ “เคล-Kale” ผักใบเขียวที่ไม่เหม็นเขียวมากนัก เลยใช้เวลาว่างทำการศึกษา ก่อนแบ่งพื้นที่ข้างบ้านทำแปลงและลงมือปลูก เมื่อได้ผลผลิตแล้ว นำมาปั่นกับผลไม้ ดื่มเป็นประจำตั้งแต่นั้นมา “
