เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
SMEs เกษตร

แนะวิธี ปลูกผักกูดขาย ให้สร้างรายได้วันละ 600-1,000 บาท

แนะวิธีปลูกผักกูดขาย ให้สร้างรายได้วันละ 600-1,000 สู้วิกฤตโควิด-19

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยสถานีวิจัยลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ประสบความสำเร็จพัฒนาระบบการปลูกผักกูดในพื้นที่ร้อน/แล้ง แนะหากจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตสามารถปลูกได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย  โชว์เคสตัวอย่างเกษตรกรสามารถปลูกผักกูดในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา สร้างรายได้ ช่วยลดผลกระทบ สู้วิกฤตโควิด-19

นายมนตรี แก้วดวง ผู้อำนวยการสถานีวิจัยลำตะคอง วว. เปิดเผยความสำเร็จในการพัฒนาระบบการปลูกผักกูดของสถานีวิจัยลำตะคอง วว. ว่า ผักกูด [Diplazium esculentum (Retz.) Swartz] เป็นพืชตระกูลเดียวกับเฟิร์น ลักษณะของต้นผักกูดจะขึ้นเป็นกอ สูงประมาณ 50-100 เซนติเมตร รากแตกฝอยเป็นกระจุกใหญ่ ก้านใบแตกจากเหง้าใต้ดิน ใบยาว 50-100 เซนติเมตร ส่วนของยอดอ่อนปลายยอดม้วนงอแบบก้นหอยและมีขน การขยายพันธุ์โดยใช้สปอร์ที่สร้างขึ้นบริเวณด้านหลังใบ เมื่อสปอร์ปลิวไปตกบริเวณที่มีความชื้นก็จะแตกเป็นต้นใหม่ และขยายพันธุ์โดยใช้ต้นใหม่ที่เกิดจากส่วนเหง้าหรือรากฝอยของต้นแม่

เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่เป็นดินร่วนปนทราย ในสภาพมีความชื้นสูง แสงแดดไม่ร้อนจัดเกินไป คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าผักกูดจะต้องปลูกในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกและความชื้นค่อนข้างสูง อย่างภาคใต้และภาคตะวันออก แต่จากการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบการปลูกผักกูดในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา  พิสูจน์ให้เห็นว่า การปลูกผักกูดให้ได้ผลผลิตที่ดีต้องปลูกในสภาพแสงแดดรำไรและมีความชื้นสูง หากเราจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตก็สามารถปลูกได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย

สำหรับรูปแบบของการปลูกผักกูดสามารถทำได้ 2 วิธี คือการปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่น เพื่อช่วยในการพรางแสง เช่น การปลูกร่วมกับกล้วย หรือปลูกร่วมกับไม้ผลยืนต้น วิธีที่สอง ปลูกภายใต้ร่มเงาตาข่ายพรางแสงหรือซาแลนที่สามารถพรางแสงได้ตั้งแต่ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ระยะปลูกที่ใช้ระหว่างแถวและระหว่างต้น 50 เซนติเมตร การดูแลรักษาเน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก โดยใส่ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 3 เดือน/ครั้ง ร่วมกับการพ่นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำ 1-2 ครั้ง/เดือน ในช่วงที่เริ่มเก็บผลผลิตแล้ว จะช่วยให้ได้ต้นมีการเจริญเติบโตและผลผลิตดีขึ้น

หลังปลูกผักกูดประมาณ 6-8 เดือน จึงเริ่มเก็บผลผลิตได้ โดยเก็บส่วนยอด ความยาว 25-30 เซนติเมตร ผลผลิตที่ได้เฉลี่ยประมาณ 200 กิโลกรัม/ไร่/เดือน นอกจากนี้ผักกูดไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน การปลูกจึงไม่มีการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลง จึงเหมาะอย่างยิ่งในการผลิตเป็นพืชผักปลอดสารพิษ…” ผอ.สถานีวิจัยลำตะคอง กล่าวเพิ่มเติม

นายอาคม ทัศนะนาคะจิตต์ เกษตรกรในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา   ตัวอย่างของเกษตรกรที่มีประสบการณ์ในการปลูกผักกูด กล่าวว่า สนใจและอยากที่จะปลูกผักกูดมานานแล้ว เพราะเป็นผักที่มีรสชาติอร่อย แต่หาซื้อรับประทานยาก หากไม่ใช่ช่วงฤดูกาลที่มีผลผลิตออกตามธรรมชาติ หรือพื้นที่ที่มีการปลูก จากการพูดคุยกับคนรู้จักและผู้ที่ชื่นชอบรับประทานผักเพื่อสุขภาพ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักปลอดสารพิษ​ และจากการสืบค้นจากอินเตอร์​เน็ต พบว่ามีงานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกผักกูดที่สถานีวิจัยลำตะคอง วว. ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอปากช่อง เช่นกัน จึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอคำแนะนำวิธีการปลูก

จากนั้นจึงเริ่มต้นหาแหล่งต้นพันธุ์จากคนที่รู้จัก ซึ่งปลูกอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี นำมาปลูกในพื้นที่ข้างบ้านประมาณ 3 ไร่ โดยปลูกร่วมกับต้นมะเขือพวง ช่วงเดือนแรกที่ปลูก สังเกตว่าต้นกล้ามีอาการเหลือง ไม่เป็นสีเขียว จึงได้ปรึกษากับทางนักวิจัยของสถานีวิจัยลำตะคอง เพื่อเข้าไปดูแปลง ได้รับคำแนะนำว่าแปลงปลูกแสงแดดจัดเกินไป ควรที่จะมีการพรางแสงด้วซาแลนและรดน้ำให้ต้นได้รับความชื้นที่เหมาะสม จะทำให้ต้นโตดี จึงตัดสินใจซื้อวัสดุมาบางส่วนร่วมกับวัสดุที่มีอยู่แล้วทำเป็นโครงเพื่อขึงซาแลน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหลังจากการพรางแสงและให้น้ำอย่างเหมาะสม ต้นผักกูดเจริญเติบโตดีมาก

ตอนนี้ปลูกมาได้ประมาณ 8 เดือน เริ่มเก็บผลผลิตได้แล้ว แต่ละวันจะเก็บยอดผักกูดได้ประมาณ 10-15 กิโลกรัม มีคนมารับซื้อถึงหน้าสวน ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม มีรายได้เข้ามาวันละประมาณ 600-1,000 บาท ถือว่าช่วยลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้บ้าง และในอนาคตหากช่องทางการตลาดไปได้ดีก็จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น และผลิตต้นพันธุ์จำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจอยากจะทดลองปลูกผักกูด

อนึ่ง “ผักกูด” เป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางด้านอาหาร  โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนและธาตุเหล็ก พบว่ามีปริมาณสูง ซึ่งหากรับประทานผักกูดจะช่วยบรรเทาโรคโลหิตจางและบำรุงเลือดได้เป็นอย่างดี เป็นผักที่มีเส้นใยสูงเมื่อรับประทานแล้วจึงช่วยในการระบาย รับประทานได้ทั้งสดและปรุงเป็นอาหาร เช่น ลวกหรือต้มจิ้มกับน้ำพริก ผักกูดต้มกับกะทิ ยำผักกูด ผัดผักกูดไฟแดง แกงส้ม และแกงเลียง เป็นต้น  

         

เผยแพร่ครั้งแรก วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ.2563

 

 

 

 

 

Related Posts

ไอเดีย สร้างอาชีพเสริมแบบไม่ต้องรอพร้อม ‘เช่าที่ปลูกดอกไม้กินได้’
อดีตพนักงานห้าง ปิ๊งไอเดีย ขายผักน้ำพริก เริ่มต้นแพ็กละ 10 บาท โกยรายได้ครึ่งแสนต่อเดือน
ออกจากงานประจำ มาขาย "เตยหอม" เจาะกลุ่มโรงงานขนม ร้านดอกไม้ พ่อค้าแม่ค้า วันละ 900-1,000 กิโลกรัม
สบายใจ ไม่รวย แต่พอกิน! คนรุ่นใหม่ทำเกษตร ปลูกผักสลัดบนดอย มีรายได้หลักหมื่น