แหล่งปลูกมะม่วงส่งออกทำเงินของประเทศไทย หากดูจากแผนที่ประเทศไทยแล้ว จะพบว่ากระจายอยู่ทั่วประเทศ จะมีกลุ่มที่รวมตัวกันหลายจังหวัดที่เป็นเขตติดต่อกันบ้าง เช่น พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร ในภาคอีสานก็เป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น ภาคเหนือเกาะกลุ่มจังหวัดลำพูนประปราย น่าน เชียงรายและเชียงใหม่ ภาคกลางมีไม่มากนักในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี ส่วนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่พบว่ามีการปลูกมะม่วงส่งออกน้อยกว่าภาคอื่น
จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงรวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่ม 2 แห่ง คือที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ตำบลบ้านโภชน์ และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มปรับปรุงคุณภาพมะม่วงเพื่อการค้าและการส่งออก จ.เพชรบูรณ์ นำโดยคุณไตรรัตน์ เปียถนอม ผู้ซึ่งการันตีด้วยรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำสวน ปี 2557

ทำมะม่วงส่งออก แทน มะม่วงตามกระแส
คุณไตรรัตน์ เปียถนอม เริ่มทำสวนมะม่วงมาตั้งแต่ปี 2530 ทุกปีประสบปัญหาขาดทุน เพราะไม่ได้อยู่ดูแลสวนมะม่วงด้วยตนเอง กระทั่งปี 2533 จ้างคนดูแลและปลูกมะม่วงตามความนิยมของท้องถิ่น คือ พันธุ์เขียวเสวย พันธุ์ฟ้าสั่น พันธุ์หนองแซง และพันธุ์น้ำดอกไม้ ไม่ถึงกับขาดทุน แต่ขายได้ตามฤดูกาลภายในประเทศบ้างเท่านั้น ขณะนั้นคุณไตรรัตน์ยังทำงานประจำ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำสวนมะม่วงอย่างจริงจัง
คุณไตรรัตน์ เคยศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทำสวนมะม่วง ในระหว่างที่ทำงานประจำ และทราบว่า มีการส่งมะม่วงไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2535 และราคาส่งออกค่อนข้างสูง จึงคิดว่า การทำสวนมะม่วงเพื่อการส่งออกจะทำให้เกษตรกรอย่างเขาอยู่รอด
หลังลาออกจากงานเริ่มศึกษาแนวทางการผลิตมะม่วงคุณภาพอย่างจริงจัง เดินทางไปศึกษาดูงานยังแหล่งที่ประสบความสำเร็จเท่าที่ทำได้ ทำให้ทราบว่า มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง เป็นพันธุ์ที่ต่างประเทศต้องการ จึงตัดสินใจปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองแซมพันธุ์เขียวเสวย หนองแซง และฟ้าลั่น ในพื้นที่ 40 ไร่ก่อน จากนั้นไม่นาน ก็เปลี่ยนเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองทั้งหมดในพื้นที่ 100 ไร่

พื้นที่ 100 ไร่ เป็นมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง 95 เปอร์เซ็นต์ และ มะม่วงพันธุ์มหาชนก อีก 5 เปอร์เซ็นต์ อาศัยน้ำในการเพาะปลูกจากน้ำฝน 100 เปอร์เซ็นต์
พื้นที่ปลูกดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ไม่อุ้มน้ำ เมื่อถึงฤดูแล้งจะแห้งแล้งมาก ส่งผลให้ผลผลิตคุณภาพต่ำ คุณไตรรัตน์ แก้ปัญหาโดยยึดแนวพระราชดำริ ในการทำการเกษตร ที่ต้องมีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง อย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ จึงขุดแหล่งน้ำเป็นบ่อไว้กักเก็บน้ำรวมพื้นที่ 25 ไร่ กระจายไปตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ปลูก การขุดบ่อกักเก็บน้ำพิจารณาจากความเหมาะสมของพื้นที่ บริเวณที่ลาดเมื่อฝนตกน้ำไหลไปรวมกัน จึงขุดบ่อบริเวณนั้น และขุดบ่อลึกกว่าบ่อมาตรฐาน 2-3 เท่า เน้นความลึก เพื่อให้เก็บกักน้ำในปริมาณมาก และพื้นผิวด้านบนของบ่อแคบ เพื่อลดปริมาณการสูญเสียจากการระเหย

ระยะปลูก 6 x 4 และ 5 x 4 จำนวนต้นอยู่ที่ 60-80 ต้นต่อไร่
ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับพื้นที่
คุณไตรรัตน์ มีเทคนิคในการผลิตมะม่วงส่งออก โดยพยายามประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ คำนึงถึงการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ นำมาประยุกต์ใชในสวนของตนเอง ดังนี้
1.นำเครื่องขุดเจาะหลุมมาใช้ในการขุดหลุมปลูกมะม่วงเพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการจ้างขุดหลุมเพื่อปลูกมะม่วงต่อหลุมปัจจุบันราคาประมาณ 20 บาท หากปลูก 1 ไร่ จำนวน 70 ต้น จะเสียค่าขุดหลุมปลูกเป็นเงิน 1,400 บาท หากใช้เครื่องขุดเจาะจะมีต้นทุนหลุมละ 5 บาท เป็นเงิน 350 บาท ประหยัดต้นทุนได้ไร่ละ 1,050 บาท
2.การใช้น้ำระบบมินิสปริงเกลอร์และทำคันดินเล็กรอบๆ บริเวณโคนต้น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกนอกบริเวณชายพุ่ม ซึ่งสามารถแก้ปัญหาสภาพดินที่ไม่อุ้น้ำได้เป็นอย่างดี และเป็นการลดต้นทุนเรื่องแรงงานในการให้น้ำมะม่วง ทั้งยังเป็นระบบที่ประหยัดน้ำ
3.ใช้การพ่นสารเคมีแบบ แอร์บัส คือ การใช้แรงดันพ่อนผ่านปั๊มแรงดันสูง มีพัดลมช่วยกระจายสารเคมีให้ละอองกระจายทั่วถึง ทำให้ประหยัดต้นทุนในการผลิต เนื่องจากแอร์บัสจะประหยัดสารเคมีลง 30 เปอร์เซ็นต์ ใช้แรงงานในการพ่อสารเคมีเพียง 1 คน ทำงานได้รวดเร็ว จากเดิมพื้นที่ 30 ไร่ ใช้แรงงานพ่นสารเคมี 2 คน ต้องใช้เวลาพ่น 5 วัน แต่การใช้แอร์บัส ใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้การป้องกันโรคและแมลงทำได้ทันเวลา
4.มะม่วงที่ปลูกอยู่เดิมเป็นพันธุ์เขียวเสวย ฟ้าลั่น ไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีได้ จึงใช้เทคนิคการเปลี่ยนยอดและอุ้มบุญ ในการเปลี่ยนยอดะม่วงในพื้นที่ให้เป็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง เพื่อลดระยะเวลาในการปลูกใหม่ และเทคนิคการอุ้มบุญ คือ การนำมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองไปเสียบฝากในต้นพันธุ์เขียวเสวยและฟ้าลั่น ทำให้เกษตรกรยังมีรายได้จากการขายมะม่วงฟ้าสั่น เขียวเสวย และมีผลพลอยได้จากมะม่วงฝากท้องในช่วง 1-3 ปี ก่อนที่จะทยอยตัดกิ่งต้นเดิมเหนือรอยทาบออก เพื่อให้เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง 100 เปอร์เซ็นต์
5.การปรับปรุงคุณภาพดิน เนื่องจากพื้นที่ปลูกเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ในช่วงแรกของการปลูกมะม่วง จึงปรับปรุงคุณภาพดินโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (มูลไก่แกลบ) บำรุงดินต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 ปี มีการปลูกปอ ซึ่งเป็นพืชบำรุงดิน เพื่อเป็นปุ๋ยพืชสดเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน

7 สวนมะม่วง อายุ 1 ปี
ควบคุมแมลงวันผลไม้ ผลสวย ด้วยการห่อ
การตัดแต่งทรงพุ่ม เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก มะม่วงสวนคุณไตรรัตน์ต้นเตี้ยทุกต้น เพื่อสะดวกต่อการห่อ เก็บ โดยควบคุมความสูงของต้นไม่ให้เกิน 3.50 เมตร เมื่อตัดแต่งกิ่งภายในทรงพุ่มที่ไม่มีผลผลิต ควรรูดใบแก่ที่มีเพลี้ยแมลงทำลายออกบางส่วน เช่น เพลี้ยแป้งและเพลี้ยหอย แล้วนำไปเผาทิ้งลดการระบาดได้ การควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืช ควรทำเมื่อมะม่วงติดผลขนาดหัวแม่มือ
มีการควบคุมแมลงวันผลไม้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการห่อผลด้วยถุงห่อทุกผล สำหรับผลที่ไม่ได้คุณภาพ จะตัดแต่งผลทิ้งในช่วงผลมะม่วงมีอายุ 30-40 วัน ก่อนการห่อผล

“ถ้าสังเกตจะเห็นดอกออกตามต้นได้ หากเราทำทรงพุ่มให้โปร่ง จะปลูกชิดกันก็ได้ แต่ทำให้โปร่ง จะทำให้ออกดอกตามต้น แต่ถ้าทำสวนให้ทึบ มันก็จะไม่ออกดอกตามกิ่งก้านให้ ยิ่งหน้าร้อนถ้าออกดอกให้ผลจะถูกแดดเผา แตถ้าติดดอกออกผลใต่พุ่ม ไม่ถูกแดด จะทำให้ผิวผลสวยงาม”

การใช้สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืชและเชื้อรา สวนแห่งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของคู่ค้า คือ มาตรฐานญี่ปุ่น และ GAP ของกรมวิชาการเกษตร ไม่ใช้สารเคมีต้องห้าม มีการจดบันทึกตามระบบ GAP
เดิมมีการให้ปุ๋ย ซึ่งเป็นปุ๋ยจากงานวิจัยของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกซว.) ประกอบกับประสบการณ์เน้นการให้ปุ๋ยเมื่อมะม่วงติดผลแล้ว โดยให้ทีละน้อยทุกๆ 7 วัน ตามการติดผลของมะม่วงแต่ละต้น สูตรปุ๋ย 25-5-18 หรือ 4.5-1-3.8 ผลผลิตมากให้มาก ผลผลิตน้อยให้น้อย
เทคนิคล่าสุดที่คุณไตรรัตน์ใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพมะม่วง คือ การให้น้ำเสมือนฤดูฝน ดินจะต้องชุ่มอยู่ตลอดเวลา แม้ฤดูแล้ง เพื่อให้ต้นไม้ได้รับน้ำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยวิธีการขุดรอบโคนต้นมะม่วง 3 ส่วน 4 ของรัศมีทรงพุ่ม เพราะเมื่อให้ปุ๋ยและน้ำ จะซึมออกมาบริเวณรากพืชที่อยู่ชายพุ่ม ทำให้ต้นมะม่วงได้รับปุ๋ยและน้ำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะชายพุ่มต้นมะม่วงจะเป็นเขตรากที่หาอาหารได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์


คุณไตรรัตน์ ให้ข้อมูลว่า ปี 2557 ผลผลิตมะม่วงเกรด A เพื่อการส่งออกของจังหวัดเพชรบูรณ์ผ่าน บริษัท สยาม เอ็กซ์ปอร์ต มาร์ท จำกัด เพียงบริษัทเดียว มีปริมาณถึง 555 ตัน คิดเป็นเงิน 31,822,643 บาท และมีแนวโน้มเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากเกษตรกรรักษาคุณภาพของมะม่วงให้มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศจีนนิยมมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองมาก เพราะคนจีนถือเป็นผลไม้มงคล ยิ่งในเทศกาลตรุษจีนและเชงเม้ง ความต้องการในประเทศจีนสูงมาก ทำให้มีการเรียกชื่อสั้นๆ ว่า มะม่วงทอง

กลุ่มปรับปรุงคุณภาพมะม่วงเพื่อการค้าและการส่งออกนี้ ตั้งอยู่ที่แปลงมะม่วงของคุณไตรรัตน์ ไว้สำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้สนใจปลูกและปรับปรุงคุณภาพมะม่วง โทรศัพท์ 089-858-7358