กรมอนามัย
LINE MAN Wongnai และ กรมอนามัย สานต่อปีที่ 3 “หวานน้อยสั่งได้-เมนูชูสุขภาพ” พบเทรนด์คนไทยสั่ง “ไม่หวานเลย” พุ่ง 160% LINE MAN Wongnai และกรมอนามัย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสานต่อโครงการ “หวานน้อยสั่งได้-เมนูชูสุขภาพ” สู่ปีที่ 3 เผยความสำเร็จปีที่ผ่านมา ยอดออร์เดอร์ของคนไทยเกินครึ่งสั่งลดหวาน ช่วยลดการบริโภคน้ำตาลไปกว่า 120 ตัน พบเทรนด์คนไทยสั่ง “ไม่หวานเลย” พุ่ง 160% ตั้งเป้าขยายความร่วมมือสู่เมนูอาหารจานหลัก โครงการ “หวานน้อยสั่งได้–เมนูชูสุขภาพ” มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น พร้อมสร้างแรงจูงใจให้เลือกบริโภคลดหวาน มัน เค็ม ผ่านบริการฟู้ดดีลิเวอรี ซึ่งจากสถิติพบว่า คนไทยยังบริโภคน้ำตาลและโซเดียมเกินเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด โดยมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มากถึง 400,000 คนต่อปี หรือคิดเป็น 77% ของการเสียชีวิตทั้งหมด ความร่วมมือ 2 ปีลดน้ำตาลแล้วกว่า 120 ตัน คนไทยสั่ง “ไม่หวานเลย” พุ่ง 160% คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยถึงความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างกรมอนามัยและ
โก โฮลเซลล์ สาขาพระราม 2 รับมอบป้าย SAN และ SAN Plus จากกรมอนามัย ตอกย้ำการเป็นสถานที่จำหน่ายอาหารมาตรฐานปลอดภัย “โก โฮลเซลล์” (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร จุดหมายใหม่เพื่อผู้ประกอบการ ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้านโยบายการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในอาหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด โก โฮลเซลล์ สาขาพระราม 2 รับมอบป้ายมาตรฐานสถานที่จำหน่ายอาหาร SAN จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ SAN Plus สำหรับ GOfe’ มุมคาเฟ่ ของ โก โฮลเซลล์ สาขาพระราม 2 โดย นายเอกภิญวัฒน์ ชัยเดช นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ และ นางสาวเจนจิรา ดวงสอนแสง นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ กรมอนามัย SAN ย่อมาจาก Sanitation, Accountability, Network อาหารสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ส่วน Plus คือ การประเมินที่สูงขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งต้องผ่านเกณฑ์การตรวจสอบการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรียในอาหาร ภาชนะ อุปกรณ์ และมือผู้สัมผัสอาหาร และผ่านเกณฑ์เพิ่มเติม 9 ข้อ ประกอบด้วย 1) ผู้สัมผัสอาหารทุกคนติดบัตรหรือแสดงหลักฐานผ่านการอบรม 2) จัดบริการช้อนกลางให้แก่ผู้บริโภคทันที 3) จัดบริการอ่างล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรืออุปกรณ์ล้างมือในจุดรับปร
ลดราคาเกินครึ่งก็แทบขายไม่ได้! ลูกค้าสั่งเอาออกจากกระเช้าด่วน วอนแจ้งให้ชัด แหล่งผลิตมีปัญหาจากที่ไหน จากประเด็นร้อนแรงในเรื่องการตรวจพบสารเคมีตกค้างในองุ่นไชน์มัสแคทที่นำเข้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคในปริมาณมาก ทำให้ผู้บริโภคหลายคนกังวลและระมัดระวังในการเลือกซื้อองุ่นไชน์มัสแคทมากขึ้น จากกระแสข่าวนี้ทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ขายโอดโอยได้รับผลกระทบอย่างหนัก เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้ต่อสายตรงไปยังร้านผลไม้เจ้าหนึ่ง ถามถึงประเด็นที่เกิดขึ้นว่าทางร้านได้รับผลกระทบอย่างไร และมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้าง โดยทางร้านได้บอกว่า หลังจากที่มีข่าวตรวจเจอสารพิษ ทำให้ยอดขายตกอย่างน่าตกใจ จากเมื่อก่อนองุ่นไชน์มัสแคทเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมของผู้บริโภค แต่ตอนนี้หลีกเลี่ยงที่จะซื้อเลยก็ว่าได้ ราคาที่ขาย ขายเป็นพวงงามๆ อยู่ที่ 1,000 บาท แต่ตอนนี้ต้องปรับราคาลงเกินครึ่ง อยู่ที่ 300-400 บาท เพื่อให้พอขายได้บ้าง สำหรับความคิดเห็นของแม่ค้า บอกว่า จากที่ดูในข่าว ตนมองว่าองุ่นที่ได้ตรวจพบสารเคมีตกค้าง ดูจากลักษณะแล้วคาดว่าเป็นองุ่นไชน์มัสแคทที่นำเข้ามาจากจีน แต่ทางร้านของตนมีการนำเข้ามาจากญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่ง
LINE MAN Wongnai จับมือกรมอนามัย สานต่อ “หวานน้อยสั่งได้-เมนูชูสุขภาพ” เผยคนไทยเกินครึ่งสั่งลดหวาน ช่วยลดการบริโภคน้ำตาลไปกว่า 1 ใน 3 คิดเป็นกว่า 80 ตัน วันที่ 4 เมษายน 2567 นายอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai กล่าวว่า “การที่เราเป็นแพลตฟอร์มด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุด สามารถเชื่อมต่อผู้ใช้งาน 16 ล้านคนในไทย และร้านอาหารกว่า 7 แสนร้าน จึงหวังใช้พลังของแพลตฟอร์มในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค ผ่านตัวเลือกเพื่อสุขภาพให้กับผู้บริโภคตอนสั่งอาหาร ตลอดระยะเวลาที่ได้ดำเนินโครงการหวานน้อยสั่งได้ร่วมกับทางกรมอนามัยตั้งแต่ปี 2566 ทำให้เกิดผลกระทบในทางบวก ดังนี้ ร้านค้ากว่า 60,000 ร้านทั่วประเทศตื่นตัว เพิ่มตัวเลือกระดับความหวานในเมนูดีลิเวอรี จำนวนร้านเพิ่มขึ้น 8.5 เท่า เมื่อเทียบกับก่อนเริ่มโครงการ สัดส่วนการสั่งเมนูเครื่องดื่มที่ลดระดับความหวาน (หวานน้อยกว่า 100%) มีมากถึง 58% จากยอดสั่งเครื่องดื่มทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นออร์เดอร์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร คาเฟ่อเมซอนครองแชมป์ ร้านที่มีจำนวนผู้ใช้เลือกระดับลดความหวานมากที่สุด บนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี L
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือ กรุงเทพมหานคร และ ออร์กานอน เปิดโครงการ “รักตัวอย่ากลัวฝัง” ป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในสังคมไทย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ บริษัท ออร์กานอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโครงการ “รักตัวอย่ากลัวฝัง” ร่วมป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในสังคมไทย ปรับความคิดค่านิยมเกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิดคือการรักตัวเองและมีความรับผิดชอบ โดยรัฐจัดให้มีบริการคุมกำเนิดให้กับผู้หญิงไทย ฟรี ณ สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อตอบรับกับยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น โดยมี ดร.นพ.บุญฤทธิ์ สุขรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นพ.สุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ มร.คุง คาเรล เคราท์บ๊อช กรรมการผู้จัดการบริษัท ออร์กานอน (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแถลงข่าว ณ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ดร.นพ.บุญฤทธิ์ สุขรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์การตั้งครรภ์ไม่พร้อมในสังคมไทยปัจจุบัน เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเน
กรมอนามัย-GISTDA เปิดตัว แอปพลิเคชัน “Life Dee” วันนี้ (25 กันยายน 2566) นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA เปิดตัว Mobile application ‘Life Dee’ ณ โรงภาพยนตร์ Screen X พารากอน ซีนีแพล็กซ์ ชั้น 6 กรุงเทพมหานคร นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตของประชาชน กรมอนามัยซึ่งมีภารกิจหลักในการส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดี จึงร่วมกับ GISTDA หน่วยงานที่มีความสำคัญในการผลิตข้อมูลภูมิสารสนเทศสำหรับการศึกษาวิจัย คาดการณ์ เตรียมการและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อยกระดับให้ประชาชนมีความรู้และทักษะอย่างถูกต้องและเท่าทัน จากการลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศที่ผ่านมา กรมอนามัยและหน่วยงานสาธารณสุขในระดับพื้นที่ ได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบาย การวางแผน และการตัดสินใจจัดการปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพในระดับพื้นที่ แอปพลิเคชัน ‘Lif
สายหวานตื่นตระหนก เมื่อ WHO เตรียมประกาศ แอสปาร์แตม เป็นสารก่อมะเร็ง นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมประกาศว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาล แอสปาร์แตม (Aspartame) เป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็ง ซึ่งได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มแบบไม่มีน้ำตาลหรือน้ำตาล 0% เพื่อต้องการควบคุมน้ำหนักไม่ให้ได้รับพลังงานจากน้ำตาลเพิ่มแต่ก็ยังติดได้รสชาติหวานอยู่ กรมอนามัยจึงอยากชี้ให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับน้ำตาลให้ถูกต้อง น้ำตาลจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง เป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน น้ำตาลธรรมชาติที่ใช้ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบขึ้นกับวัตถุดิบและกรรมวิธีที่ผลิต ทั้งน้ำตาลทราย น้ำตาลกรวด น้ำตาลโตนด น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ และน้ำเชื่อม เป็นต้น ส่วนน้ำตาลเทียม (Artificial Sweeteners) เป็นสารที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแต่งเติมรสชาติหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลธรรมชาติ มีทั้งแบบที่ให้พลังงานและไม่ให้พลังงาน นิยมใช้ในผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลและพลังงาน เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่กำลังควบคุ
“พะแนง” อร่อยมากประโยชน์ ไม่แปลกใจ ยืนหนึ่งเมนูสตูรสชาติดีที่สุดในโลก อาหารไทย ถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมด้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่ผ่านมาอาหารไทยเคยได้รับการกล่าวถึงในสื่อต่างประเทศบ่อยครั้ง ล่าสุด TasteAtlas เว็บไซต์สารานุกรมรสชาติได้รวบรวมข้อมูลเมนูอาหาร วัตถุดิบท้องถิ่น และร้านอาหารต้นตำรับจากทั่วโลก ได้จัดอันดับ “แกงพะแนง” ให้ติดอันดับ 1 ของอาหารประเภทสตูที่มีรสชาติดีที่สุดในโลก แซงหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่น และหม้อไฟหม่าล่าแบบเสฉวน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย อยากแนะนำคุณค่าทางโภชนาการของพะแนงหมู 1 ถ้วย ในปริมาณขนาด 100 กรัม ให้พลังงาน 158 กิโลแคลอรี โปรตีน 12.2 กรัม ไขมัน 9.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 6.7 กรัม พะแนงหมูจัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง เนื่องจากมีโปรตีนและไขมันจากเนื้อหมู และมีไขมันจากกะทิ เหมาะกับคนที่ใช้พลังงานเยอะ สำหรับคุณประโยชน์ของ พะแนงหมู เนื้อหมูเป็นแหล่งโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 กรดไขมัน กรดอะมิโนที่จำเป็น ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนรู้ มะเขือพวง มีใยอาหารสูง ช่
กรมอนามัย ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย เปิดตัว 77 สถานประกอบการ “สาวไทยแก้มแดง” ต้นแบบ ทั่วประเทศ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดตัว 77 สถานประกอบการ “สาวไทยแก้มแดง” พร้อมรณรงค์ให้สาวไทยแก้มแดงพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อลดปัญหาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในหญิงวัยเจริญพันธุ์ สู่การเตรียมความพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์คุณภาพ และลดความเสี่ยงของทารกพิการแต่กำเนิด เมื่อวานนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2566) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการเป็นประธานงานรณรงค์สาวไทยแก้มแดง ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ Live สดผ่าน Facebook สำนักโภชนาการ ว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญต่อการพัฒนางานทางด้านสาธารณสุข ตามแนวพระราชดำริ และโครงการเฉลิมพระเกียรติ โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อควบคุมและป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก และป้องกันทารกพิการแต่กำเนิดจากการขาดโฟเลตมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายเสริมธาตุเหล็กให้กับประชาชนไทยในกลุ่มต่างๆ ภายใต้ชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แก่ เด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี ให้ได้รับยาน้ำเสริมธาตุเหล็ก เด็กวัยเรียน อายุ 6 ถึง 12 ปี ให้ยา
กรมอนามัย ปั้น HL Coach รุ่น 2 สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้กับเครือข่ายสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมนักส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพมืออาชีพ รุ่นที่ 2 ประจำปี 2566 เร่งยกระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ ทั้งในส่วนขององค์กร ชุมชน และประชาชน เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข แกนนำชุมชน ให้เข้าถึงข้อมูลความรู้ด้านการสุขภาพ วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2566) ดร.นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการเป็นประธานการอบรมนักส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพมืออาชีพ รุ่นที่ 2 (HL Coach 2) ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขว่า ปัจจุบันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังยังเป็นปัญหาสำคัญของคนไทย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม จากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยครั้งที่ 6 ปี 2562-2563 โดยสำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย พบว่า ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป มีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์และอัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่มขึ้น มีภาวะอ้วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.2 โรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.4 โรคเบาหวานเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.5 ไขมันในเลือดสูงขึ้น ร้อยละ 56.8