เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
PR News ข่าววันนี้

ซีไอเอ็มบี ไทย ร่วมสร้าง รพ.จักษุบ้านแพ้ว ในโครงการ ติดปีกเติมฝัน “ทำดีให้คน (มอง) เห็น”

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ร่วมสร้างโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว ในโครงการ ติดปีกเติมฝัน “ทำดีให้คน (มอง) เห็น” ชวนทุกคนร่วมกันมอบแสงสว่างให้ผู้ป่วยโรคตา คุณทำได้

นายประภาส ทองสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สื่อสารองค์กร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว เป็นโรงพยาบาลของรัฐที่ไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของภาครัฐ เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในประเทศไทยที่ขอแยกตัวออกมาได้ แพทย์และพยาบาลมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทุกคนถูกฝึกให้สามารถผ่าตัดต้อกระจก โดยหมอหนึ่งคนจะใช้เวลาเพียง 8 นาทีในการผ่าตัดคนไข้ เหตุที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการผ่าตัดเป็นเพราะผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการมีมากมายมหาศาล ความตั้งใจของโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้วคือต้องการสร้างอาคารไว้เป็นพื้นที่สำหรับรักษาคนไข้ จะได้ไม่ต้องลำบากเดินทางไปรักษาในกรุงเทพฯ บางคนจองคิวกว่าจะได้ผ่าใช้เวลานาน 3 ปี

ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงเข้าร่วมสนับสนุนการหาทุนก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว เนื่องจากเล็งเห็นถึงปัญหาของจำนวนผู้ป่วยภาวะตาบอดที่ต้องทนทุกข์ในโลกอันมืดมิดมากกว่า 100,000 ราย ทั้งที่โรคเหล่านี้แก้ไขหรือชะลอไม่ให้เกิดภาวะตาบอดได้ หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา เป็นที่มาของการก่อสร้างโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร โดยมูลนิธิโรงพยาบาลบ้านแพ้วและภาคประชาชน โดยมีเงินที่จะร่วมบริจาคในครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน 566,838.25 บาท

ด้านนายแพทย์พรเทพ พงศ์ทวิกร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว เล่าว่า เคยเจอคุณยายท่านหนึ่งตอนไปออกหน่วยผ่าตัดต้อกระจกที่จังหวัดกำแพงเพชรเมื่อหลายปีก่อน ยาย อายุ 70 กว่าๆ ต้องมีคนจูงมาตรวจเนื่องจากมองไม่เห็นทั้ง 2 ข้าง ที่จำได้แม่นเพราะญาติบอกว่า ยายต้องกินข้าวกับน้ำตามานาน 10 ปี ตอนแรกเข้าใจว่าฟังผิด แต่ญาติบอกว่า เวลากินข้าวร้องไห้ตลอดเนื่องจากมองไม่เห็น ญาติต้องจับมือยายให้ใช้ช้อนเคาะจานข้าวตัวเองแล้วไปเคาะจานกับข้าวเพื่อให้กะระยะได้

“ยายทรมานมองไม่เห็นต้องกินข้าวกับน้ำตามานานร่วม 10 ปี ผมได้ทำการผ่าตัดต้อกระจกให้กับยายไป รุ่งเช้าตรวจหลังผ่าตัด ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมประทับใจมาก จากยายที่ต้องมีคนจูง วันนี้ยายมองเห็นและเดินเข้ามาสวัสดีผมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและผมที่หวีจนเรียบแปล้ บอกถึงว่าวันนี้ยายน่าจะมีความสุขมากวันหนึ่ง และวันนี้จะเป็นวันแรกที่ยายไม่ต้องกินข้าวกับน้ำตาอีกต่อไป” นายแพทย์พรเทพ กล่าวเสริม

ปัจจุบัน มีผู้ป่วยที่มีภาวะตาบอดต้องทนทุกข์อยู่ในโลกมืดมิดมากกว่า 100,000 ราย โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากโรคต้อกระจก โรคต้อหิน และโรคจอประสาทตา ซึ่งโรคเหล่านี้สามารถช่วยเหลือหรือชะลอไม่ให้เกิดภาวะตาบอดได้ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา โดยโรงพยาบาลบ้านแพ้ว เป็นศูนย์รับส่งต่อโรคทางจักษุในเขตบริการสุขภาพที่ 5  ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้การดูแลผู้ป่วยโรคซับซ้อนทางตาตั้งแต่จังหวัดสุพรรณบุรีถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  อีกทั้งยังเป็นศูนย์รับส่งต่อการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา ร่วมกับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย  ตลอดจนได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการดำเนินโครงการผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดารตลอดระยะเวลามากกว่า 16 ปี

“จากความเชี่ยวชาญดังกล่าวส่งผลให้มีผู้ป่วยเดินทางมารับบริการที่ศูนย์จักษุโรงพยาบาลบ้านแพ้วเป็นจำนวนมากเฉลี่ยถึง 500 รายต่อวัน  รวมถึงความซับซ้อนของโรคที่ต้องใช้เวลานานในการวินิจฉัยและตรวจรักษา แม้ทางศูนย์จะมีจักษุแพทย์เฉพาะทางถึง 16 คน แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ที่มีห้องตรวจเพียง 7 ห้อง และห้องผ่าตัดเพียง 2 ห้อง ทำให้ผู้ป่วยต้องรอคอยการรักษาที่ยาวนานและแออัด”

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในปี 2558 ทางมูลนิธิโรงพยาบาลบ้านแพ้วและภาคประชาชนจึงมีดำริที่จะสร้างโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้วขึ้น ด้วยเงินบริจาคของประชาชนโดยมิได้ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด โดยจะเป็นอาคารสูง 9  ชั้น ที่สามารถรองรับการให้บริการผู้ป่วยได้ไม่ต่ำกว่า 600 รายต่อวัน  มีห้องตรวจ 23 ห้อง ห้องผ่าตัดที่ทันสมัย 9 ห้อง ศูนย์เลเซอร์และศูนย์เครื่องมือพิเศษที่ทันสมัย และที่สำคัญ จะมีศูนย์วิจัยเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดภายในอาคารนี้ด้วย

“ต้องใช้งบประมาณก่อสร้างอาคารประมาณ 400 ล้านบาท และกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562 เบื้องต้นโรงพยาบาลสามารถระดมทุนรับบริจาคได้ 280 ล้านบาท จึงได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์และตอกเสาเข็มขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 โดยยังขาดงบประมาณอีกถึง 120 ล้านบาท ส่งผลให้ก่อสร้างได้เพียงโครงคอนกรีตขนาด 9 ชั้น และไม่สามารถดำเนินการต่อได้มาเป็นระยะเวลา 2 ปี ปัจจุบันมีปริมาณผู้ป่วยโรคซับซ้อนทางตาเข้ามารับการรักษาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดความแออัดอย่างมาก จึงจำเป็นต้องเร่งระดมทุนรับบริจาคเพื่อนำรายได้ไปใช้ในการจัดสร้างอาคารให้แล้วเสร็จโดยเร็ว” นายแพทย์พรเทพ กล่าว

Related Posts