กอ.รมน.
วช. ร่วมกับ กอ.รมน. มอบนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มสตรีผลิตกล้วยกรอบแก้ว วิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสาน และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงโคเนื้อต้นน้ำ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ นายธีรวัฒน์ บุญสม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วยคณะผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ท.ธัชพล เปี่ยมวุฒิ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กอ.รมน. เป็นผู้แทน ส่งมอบนวัตกรรมจากงานวิจัย ได้แก่ เครื่องสไลด์กล้วย ตู้อบไล่น้ำมัน เครื่องแยกขุยและเส้นใยเปลือกมะพร้าว ให้แก่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสตรีผลิตกล้วยกรอบแก้ว ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสตรีผลิตกล้วยกรอบแก้ว ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าว วช. ได้สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม ให้กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย รศ.วรพงค์ บุญช่วยแทน เป็นหัวหน้าโครงการ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีพร้อมใช้ พัฒนาความเป็นมืออาชีพในการ
วันที่ 7 สิงหาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จัดพิธีมอบรางวัล “ชุมชนต้นแบบเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยผลงานวิจัยและนวัตกรรม” ซึ่งเป็นการขยายผลความสำเร็จของการพัฒนาพื้นที่ชุมชนสังคมด้วยวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ : ชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม ระหว่าง วช. และ กอ.รมน. โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ พลโท วิกร เลิศวัชรา รองเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานมอบรางวัลฯ ณ เวที Highlight Stage ในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 : Thailand Research Expo 2023” ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นกลไกหนึ่งในการร่วมปฏิบัติพัฒนานำองค์ความรู้และนวัต
วันที่ 6 มกราคม 2566 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดพิธีส่งมอบนวัตกรรมและเยี่ยมชมการสาธิตผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของชุมชน จากการดำเนินโครงการ “การแก้ปัญหาภัยแล้งและยกระดับผลผลิตทางการเกษตรด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชุมชนสังคม จังหวัดลำปางและสุโขทัย” เพื่อนำองค์ความรู้จากการวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร โดยมี พล.ท.อนุชา สังฆสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีส่งมอบฯ ซึ่งมี นายชนาธิป เสมแย้ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายณัฏฐพงศ์ สุขวิสิฏฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ วช. และ กอ.รมน. ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะนักวิจัย เกษตรกรในพื้นที่ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง พล.ท.อนุชา สังฆสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. กล่าวว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง มีอำนาจห
วันที่ 24 สิงหาคม 2565 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย พลเอก สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ : ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมในการบูรณาการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาชุมชนสังคมในพื้นที่ของ กอ.รมน. อันเป็นฐานรากของการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ณ อาคารรื่นฤดี กอ.รมน. เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพลเอก สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง มีอำนาจหน้าที่และรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นองค์กรหลักในการบูรณาการ อำนวยการ ประสานการปฏิบัติ และกำกับดูแลการปฏิบัติงานป้องกันและแก
กอ.รมน. – วช. ร่วมกับ มมส. เดินหน้าถ่ายทอดองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมเร่งส่งมอบนวัตกรรมสู้ภัยแล้งที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) จัดพิธีส่งมอบนวัตกรรมและตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการ “การบริหารจัดการภัยแล้งพื้นที่เกษตรกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยวิจัยและนวัตกรรมอย่างยั่งยืน” เพื่อนำองค์ความรู้จากการวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร โดยมี พลโท อุดม โกษากุล ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีส่งมอบฯ และพันเอก โอภาส จันทร์อุดม รองผู้อำนวยการ กอ.รมน. จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.อนงค์ฤทธิ์ แข็งแรง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หัวหน้าโครงการฯ กล่าวรายงานซึ่งในพิธีได้รับเกียรติจาก ผู้ท
ปัจจุบัน การผลิตผักในดินมีข้อจำกัดและอุปสรรคอย่างมากสำหรับเกษตรกร เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการได้ตลอดทั้งปี และปัญหาคุณภาพดินที่ไม่เหมาะสม เช่น เป็นกรดจัด เป็นดินเค็ม มีโลหะหนักและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง มีธาตุอาหารในดินที่ไม่สมดุล เป็นต้น ตลอดจนปัญหาขาดแคลนน้ำและน้ำท่วม รวมทั้ง การเกิดโรคและแมลงศัตรูผัก ผักที่ผลิตได้มักมีค่าไนเทรตเกินมาตรฐาน ส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผัก ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้ความร่วมมือกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้ทราบถึงปัญหาและความต้องการของชุมชนเป็นอย่างดี จึงได้ร่วมกันขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน วช.เล็งเห็นว่างานวิจัยระบบการผลิตผักไฮโดรโพนิกส์แบบน้ำไหลเวียน DRFT มีความปลอดภัยตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตทั้งต่อผู้ผลิต ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ได้ผลผลิตที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค สร้างความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่และความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก (Local economy) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมเพื่อนำ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนทุนวิจัย แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธนพัฒน์ สุระนรากุล และคณะ แห่งมหาวิทยาลัยนครพนม ถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้กากมันสำปะหลังหมักยีสต์ และการผลิตปลายข้าวเทียม เป็นแหล่งอาหารสัตว์ทางเลือกใหม่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ลดต้นทุนการผลิต โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและผลิตผลเกษตรที่เหลือใช้ สร้างความมั่นคงทางอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างดี จากปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในการจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ การหาจุดคุ้มทุน การผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์ไว้ใช้เองภายในครัวเรือน หรือภายในกลุ่ม และต้นทุนการผลิตที่ไม่แน่นอน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธนพัฒน์ สุระนรากุล แห่งสาขาวิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม จังหวัดนครพนม และคณะเห็นความสำคัญของการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางวิชาการ ผลงานวิจัย และเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ มาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้พุ่งเป้าไปที่การถ่ายทอดการพัฒนาวัตถุดิบอาหารสัตว์ทางเลือกใหม่ จากการใช้วัตถุดิบเหลือใช้ที่มีอยู่ เพื่อลดต้นทุนการผลิตอาหารให้กับสัตว์ในชุมชน ผู้ช่วยศาสตรา
นักวิจัย คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ผลิตเครื่องผ่าไม้ไผ่และเครื่องจักตอกแบบเลาะข้อ ทุ่นแรงและเวลา สร้างรายได้เพิ่ม แก่กลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักสานเข่งไม้ไผ่ จ.อุตรดิตถ์ โดยการสนับสนุนของ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คณะผู้วิจัย นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ไพโรจน์ นะเที่ยง แห่งคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ได้ออกแบบและสร้างเครื่องผ่าไม้ไผ่และเครื่องจักตอกแบบเลาะข้อ ทุ่นแรงและเวลา เพื่อลดระยะเวลาการจัดเตรียมวัตถุดิบเส้นตอกของชาวบ้านสำหรับสานเข่งไม้ไผ่ ช่วยให้ได้เส้นตอกขนาดมาตรฐาน ลดอันตรายระหว่างการทำงาน และเพิ่มจำนวนการผลิตต่อวันให้สูงขึ้น เป็นไปตามความต้องการของตลาด ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพและสมรรถนะเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของกลุ่มอาชีพผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานไม้ไผ่ ในเขตพื้นที่ ตำบลนานกกก อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีการผลิตเข่งสำหรับใส่ผลไม้และพืชผลทางการเกษตรเป็นหลัก ประส
กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ได้มาจากพลังงานฟอสซิส (น้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน) ซึ่งเชื้อเพลิงดังกล่าว นับวันจะมีปริมาณน้อยลงทุกทีและมีโอกาสหมดไปในอนาคต ประกอบกับราคาเชื้อเพลิงกลุ่มดังกล่าวมีความผันผวนสูงขึ้นตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของโลก ขณะเดียวกันเชื้อเพลิงกลุ่มนี้ยังปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมหาศาล เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก แถมสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พอห่อหุ้มโลกหนาเข้าๆ ก็กลายเป็นสภาวะเรือนกระจก แสงแดดที่ส่องเข้ามาจากดวงอาทิตย์ถูกกักความร้อนเอาไว้ ไม่สะท้อนออกไปสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ทำให้มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นถี่กว่าเดิมถึง 5 เท่า อีกด้วย หากประเทศไทยพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงกลุ่มเดิมๆ แต่เพียงอย่างเดียว ก็เสี่ยงเจอปัญหาขาดแคลนพลังงานได้ และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อการพัฒนาของประเทศไทยได้ในระยะยาว ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาของไทยจึงพยายามนำพลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล น้ำขึ้น-น้ำลง พลังงานไฮโดรเจน ฯลฯ นำมาใช้เป็น
สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสโควิด-19 ในประเทศของเราตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมปีนี้เป็นต้นมา จวบจนถึงปัจจุบันอาจอยู่ยาวอีกเป็นเดือน สถานการณ์เช่นนี้ทางการแนะนำให้กินร้อน มีช้อนกลางของตนเอง สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือให้บ่อยๆ พฤติกรรมดังกล่าวอาจจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีแห่งการดำเนินชีวิตเดิมจากอดีตทั้งการกิน อยู่ หลับนอน ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตพี่น้องคนไทยจำนวนหนึ่งอาจจะต้องว่างงาน กลับภูมิลำเนาบ้านเกิดตั้งต้นชีวิตใหม่ หรือต่อยอดกิจการจากที่พ่อ-แม่สร้างสมไว้ สิ่งสำคัญคือการเริ่มหรือสะสมภูมิคุ้มกันทั้งด้านคลังอาหารและทรัพย์สินเงินทอง เพราะวิถีชีวิตจะไม่เหมือนเดิม แล้วจะทำอะไร? ทำอย่างไร? เศรษฐกิจพอเพียงช่วยท่านได้ ผมแนะนำให้ท่านศึกษาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้ลึกซึ้งและถ่องแท้ เมื่อศึกษาแล้วเกิดความศรัทธาก็คิดออกแบบ วางแผน ลงมือปฏิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ชีวิตความเป็นอยู่จะมีความมั่นคงยั่งยืนอีกครั้ง เมื่อเดือนมีนาคม ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวชมงานอยู่งานหนึ่ง เป็นงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (หรือ Field Day) ที่บ้านแม่ลานเหนือ อำเภอลอง จังหวัดแพร่ งานจัดที่