เจาะสูตรลับ น้ำเต้าหู้ปูปลา จากเททิ้งเป็นพันลิตร สู่ร้านดังคิวยาวย่านประตูผี
“น้ำเต้าหู้ร้อนๆ หอมกลิ่นเตาถ่าน เดินผ่านทีต้องเหลียวกลับมาซื้อ” เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยกินน้ำเต้าหู้ที่มีกลิ่นหอมถั่ว และหอมกลิ่นเตาถ่านอบอวลอยู่ในนั้น ซึ่งจะหากินแบบนั้นในสมัยนี้ คงต้องตามหากันนานพอสมควร แต่ทว่า เมื่อได้ลองกินน้ำเต้าหู้จากร้าน “น้ำเต้าหู้ปูปลา” ความรู้สึกที่เล่ามาข้างต้น หวนมาให้ได้รู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง
น้ำเต้าหู้ปูปลา แบรนด์น้ำเต้าหู้ของคนไทย ที่มีความคาดหวังว่าจะยกระดับน้ำเต้าหู้เข้าสู่ห้าง และชูรสชาติที่คงเอกลักษณ์และความดั้งเดิมไว้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับ คุณตูน-ศิริวัฒน์ ศิริบุญฤทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัท น้ำเต้าหู้ปูปลา กรุ๊ป จำกัด ถึงเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของร้านนี้ ที่เริ่มจากในครอบครัว จนต่อยอดไปเติบโตในห้างหลายแห่ง

“คุณพ่อ” คือจุดเริ่มต้น
คุณตูน เล่าว่า จุดเริ่มต้นของร้านน้ำเต้าหู้ปูปลา เกิดขึ้นมาจากคุณพ่อที่ชอบกินน้ำเต้าหู้เป็นประจำ ซึ่งจะมีร้านเก่าแก่ที่ซื้ออยู่เสมอ แต่วันหนึ่ง ร้านนั้นก็ปิดตัวลงไป การจะหาน้ำเต้าหู้ที่มีรสชาติเข้มข้นอย่างนั้น เป็นเรื่องที่ยากมากพอสมควร เขาเลยตัดสินใจว่า อยากจะเปิดร้านน้ำเต้าหู้ขึ้นมา แต่ก่อนจะขายต้องทำให้คุณพ่อชิมก่อน
“เราก็ไปเรียนจากที่ต่างๆ เรียนตั้งแต่เลือกถั่ว โม่ถั่ว กรอง ต้ม ทุกอย่าง ลองผิดลองถูก ผมทำประมาณ 1 ปี กว่าจะได้เปิดร้าน เราทิ้งน้ำเต้าหู้เป็นพันๆ ลิตร กว่าที่ท่านจะพอใจในสูตรนั้น” คุณตูน เล่า
เมื่อสูตรลงตัว ต่อไปจึงต้องหาทำเลที่ตั้ง เขาเล่าว่า สาขาแรกนั้น เปิดแบบ Stand Alone ที่ประตูผี เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพของที่ตรงนี้ เพราะจะมีหลายๆ ร้านที่เป็นร้านที่มีชื่อ และเป็นความสนใจของกลุ่มลูกค้า จึงเลือกและเปิดสาขาแรก
ในช่วงแรก ค่อนข้างเงียบ ด้วยที่ยึดหลักว่า ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่ควรโปรโมตอะไรมากมาย ให้ลูกค้ามาตามธรรมชาติ เพราะว่าไม่อย่างนั้น เราจะทำไม่ทัน และจะได้ข้อเสียมากกว่าข้อดี
คุณตูน เล่าต่อว่า ตอนนั้นคิดกับตัวเองว่า มาถูกทางหรือไม่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็จะมีลูกค้าและนักรีวิวต่างๆ เข้ามา พอรีวิวออกไป ก็เริ่มพลิก เริ่มเปลี่ยน ลูกค้าเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กลับมาคิดใหม่ว่า มาถูกทางแล้วจริงๆ
สำหรับร้านน้ำเต้าหู้ปูปลา มีเมนูให้เลือกหลากหลาย โดยเมนูขายดีคงหนีไม่พ้นน้ำเต้าหู้ร้อนและน้ำเต้าหู้เย็น มีราคาเริ่มต้นที่ 25 บาท และยังมีปาท่องโก๋ น้ำขิงบัวลอยงาดำ น้ำลำไย น้ำผลไม้ตามฤดูกาล และอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีท็อปปิ้งให้เลือกกว่า 40 อย่าง
“ลูกค้าอาจจะไม่ชอบเมนูที่ทางร้านเซตไว้ ก็สามารถเลือกสิ่งที่ตัวเองชอบได้ คือปกติน้ำเต้าหู้อาจจะใส่ลูกเดือย อาจจะใส่เม็ดแมงลัก แต่ว่าเราก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำเต้าหู้ใส่รากบัวก็ได้ หรือว่าใส่เม็ดบัวก็ได้ หรือใส่งาดำก็ได้” เขากล่าว
อยากนำน้ำเต้าหู้ เข้าสู่ห้าง
น้ำเต้าหู้ก็เป็นเครื่องดื่มและอาหารที่อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่รุ่นก่อน มีประโยชน์ สามารถดื่มได้ทุกวัน แต่ว่ายังไม่ค่อยมีคนที่ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ ถ้าเราสามารถทำได้ตรงนี้ เหมือนยกระดับร้านน้ำเต้าหู้
คุณตูน เล่าว่า เมื่อเวลาไปเดินในห้าง โดยส่วนมากจะเห็นแต่ร้านกาแฟ ร้านชานม แล้วก็ชาไข่มุก แต่ไม่เคยเห็นร้านน้ำเต้าหู้เลย ตรงนี้มันก็เป็นช่องว่างและโอกาสในการเติบโตได้
แต่ก่อนที่จะไปเข้าห้างหรือไปที่ต่างๆ เราจะต้องสร้างตัวตนเสียก่อน เพราะบางทีเขาก็อาจจะไม่ได้มองเห็นเราตรงนั้น เพราะฉะนั้น เราจึงเลือกเปิดเแบบ Stand Alone ที่ประตูผีก่อน และปัจจุบัน ก็ขยายสาขาเข้าไปในห้าง ซึ่งที่แรกคือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว กระแสตอบรับค่อนข้างดี และล่าสุดเปิดที่เซ็นทรัลเวสต์เกต ปัจจุบันมี 9 สาขา และมีรายได้รวมกันหลักล้านต่อเดือน
กลยุทธ์ที่ใช้ครองใจลูกค้า
เรื่องรสชาติ ถือเป็นหนึ่งในความสำคัญที่ธุรกิจอาหารต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ น้ำเต้าหู้ปูปลา ที่กล่าวมาข้างต้น จะคงความเป็นเอกลักษณ์และความดั้งเดิมไว้ น้ำเต้าหู้ที่มีรสชาติเข้มข้น หอมถั่ว และหอมกลิ่นเตาถ่านนิดๆ นี่ถือเป็นจุดที่ดึงดูดลูกค้ามาได้
นอกจากรสชาติแล้ว คุณภาพก็ต้องเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจค่อนข้างเยอะ ทั้งคุณภาพ บริการ และความสะอาด 3 เรื่องนี้ที่ต้องให้ความสำคัญ ทำควบคู่ไปกับการพัฒนา ฟังเสียงลูกค้าแล้วเราก็นำมาพัฒนาปรับปรุงรสชาติของน้ำเต้าหู้ของเรา
ความเชื่อมโยงต่างๆ ของร้าน ก็จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจในความเป็นเราได้ดียิ่งขึ้น อย่างชื่อร้าน “น้ำเต้าหู้ปูปลา” ก็มีที่มาจากคุณตูนที่ในสมัยอยู่โรงเรียนชายล้วน กิจกรรมที่เล่นกันก็จะมีน้ำเต้าปูปลาประกอบอยู่ด้วย ก็นึกอยู่หลายชื่อ ก็เอาคำคำนี้มาใช้ จนเป็นน้ำเต้าหู้ปูปลา พอไปบอกเพื่อนหรือบอกคนอื่นๆ บอกทีเดียวก็จำได้เลย
ดังนั้น เมื่อชื่อร้านไปในแนวทางนี้แล้ว ก็จะต้องคงคอนเซ็ปต์ น้ำเต้าปูปลา เป็นกิมมิกต่างๆ ก็เอา ตรงนั้นมาเล่น ซึ่งพอไปตามสาขาต่างๆ มันก็อาจจะมีลูกเต๋าเป็นโคมไฟที่อาจจะบ่งบอกถึงการทอยเต๋าในตัวน้ำเต้าปูปลา หลังๆ ธุรกิจก็ต้อง Instagrammable เราต้องถ่ายรูปได้ พวกถ้วย ถาดรอง หรือว่าถ้วยที่ใส่สังขยา ก็จะเลือกให้คงคอนเซ็ปต์ของร้าน เวลาถ่ายรูปมาก็จะออกมาค่อนข้างดี พอลูกค้าชอบถ่ายรูป มันก็จะเป็นเหมือนเสียงกระจายไปอัตโนมัติ
“ความสุขที่อยากแบ่งปันคือ เหมือนเราทำน้ำเต้าหู้ให้ครอบครัว ทุกวันนี้คุณพ่อ ก็ยังทานของที่ร้านอยู่ อยากแบ่งปันตรงนี้ให้ทุกคนที่เป็นลูกค้า หรือแม้กระทั่งลูกค้าของเราซื้อไปฝากคนที่เขารักได้ครับ” คุณตูน กล่าว
สำหรับใครที่อยากจะไปลิ้มลองรสชาติความเข้มข้นของน้ำเต้าหู้จากร้าน น้ำเต้าหู้ปูปลา สามารถเข้าไปซื้อได้ทุกสาขา
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : น้ำเต้าหู้ปูปลา