ถ้าพูดถึงแบรนด์ ‘ชาไทย’ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการดื่มชาไทย หนึ่งในนั้น ต้องมีชื่อ Karun Thai Tea ติดอยู่ในลิสต์ร้านโปรด
ซึ่งเจ้าของแบรนด์นี้ คือ คุณรัส-ธัญย์ณภัคช์ ศิริประภาเจริญ เธอเริ่มต้นสร้างแบรนด์นี้มาจากความชอบดื่มชาไทยของคุณแม่ ก่อนนำมาต่อยอด ปรับสูตรโดยใช้ชาหลากหลายชนิด จนได้ชาไทยสูตรลับของร้าน ที่ทำตามได้ยาก
หลังจากปั้นแบรนด์ Karun Thai Tea จนติดตลาด
เราจึงได้เห็นการแตกแบรนด์น้องใหม่ในเครือ Karun ไม่ว่าจะเป็น เจริญสังขยา Summer Bowl และ Avery Wong ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนมีเอกลักษณ์และโปรดักต์ที่ชัดเจน

อย่าง Avery Wong ที่กำลังเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียล คือแบรนด์ที่เน้นขาย ‘ชานม’ เป็นหลัก
โดยเปิดสาขาแรกบริเวณชั้น G ศูนย์การค้า Gaysorn Amarin ใจกลางเมือง
ความโดดเด่นของแบรนด์นี้ เริ่มตั้งแต่ ‘แพ็กเกจจิ้ง’ ที่ออกแบบมาในโทนสีเขียว และสีครีม สกรีนชื่อร้าน ให้ความเรียบหรูและพรีเมียม สามารถยกดื่มหรือใส่หลอดได้เช่นกัน พร้อมกับถาดรองแก้ว ที่ออกแบบมาในลวดลายตารางหมากรุก
สำหรับราคา เมนู Signature Milk Tea เริ่มต้น 110 บาท และมีรสชาติพิเศษ ทั้ง Barley, Strawberry, Peach & Lychee และ Mint
นอกจากนี้ยังมี เมนู Plant-Based เริ่มต้น 145 บาท และ AVW’S SWIRL เริ่มต้น 155 บาท
โดยสามารถเลือกความหวานได้ถึง 5 ระดับ ตั้งแต่ 0% 25% 50% 75% และ 100%
นอกจากนี้ ยังเสริมความหลากหลายด้วยท็อปปิ้ง 5 อย่าง เริ่มต้น 15-20 บาท ทั้ง Mochi Milk Pudding, Chewy Barley, Cookie Crumble, Whipped Cream และ White Pearl Boba

ซึ่งหลังจากเปิดตัวแบรนด์ ก็มีเหล่า Kol หรือเพจต่างๆ แวะไปรีวิวกันเพียบ เชื่อได้เลยว่า แบรนด์นี้จะกลายเป็นแบรนด์ฮิตในไม่ช้า เพราะคุณรัส เคยทำสำเร็จมาแล้ว จากการปั้นแบรนด์ Karun Thai Tea
โดยปั้นแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ ดังนี้
1. เริ่มจากสำรวจกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวเอง ว่าใครสามารถจ่ายชาไทยในราคานี้ได้ รวมถึงหาข้อมูลเรื่องการบริหาร การตลาด การจัดคน รวมไปถึงการสร้างแบรนด์
2. เก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อทำ Buyer Personal ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่กำหนดไว้ คือ ผู้หญิง อายุ 28 ปี เงินเดือน 30,000-40,000 บาท ใช้ชีวิตแถวสุขุมวิท ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดมีลักษณะแบบนี้ จึงตัดสินใจเปิด Karun สาขาแรกที่เอ็มควอเทียร์ เพราะตอบโจทย์มากที่สุด
3. เมื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าแล้ว ต้องแปลข้อมูลในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ทำให้เห็นว่าชาไทยที่มีขายทั่วไป ยังไม่มีแบรนด์ชาไทยที่เป็น Specialty Thai Tea ในตลาด
อย่างไรก็ตาม หากย้อนดูผลประกอบการของ บริษัท การัน เบฟเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด จากเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า
ปี 2564 รายได้รวม 9 ล้านบาท ขาดทุน 4.1 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้รวม 26 ล้านบาท ขาดทุน 9.2 แสนบาท
ปี 2566 รายได้รวม 100 ล้านบาท กำไร 9.1 ล้านบาท
อ้างอิงข้อมูลจาก
Tidpromo
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
บทความจากเพจเส้นทางเศรษฐีออนไลน์