เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured Leadership

จากลูกมือร้านชานมไข่มุก สู่เจ้าของแบรนด์ CHAGEE มหาเศรษฐีชั่วข้ามคืน พาแบรนด์เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจการค้า

เรียกได้ว่ากระแสร้านชาในปัจจุบัน ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก อีกทั้งหลายแบรนด์ยังมีการปรับรสชาติให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น อาทิ CHAGEE (ชาจี) แบรนด์ชานมเจ้าดังจากจีน ที่ขยายสาขาไปแล้วกว่า 6,440 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยเข้ามาบุกตลาดไทยสาขาแรก ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ โดย บริษัท อีสบริดจ์ จำกัด และ บริษัท ที เนชั่น จำกัด 

จุดเริ่มต้น CHAGEE  

Zhang Junjie (จาง จุนเจี๋ย) ผู้ก่อตั้ง CHAGEE เคยทำงานเป็นลูกมือในร้านชานมไข่มุกมาก่อน ต่อมาเขาได้รับประสบการณ์ด้านการดูแลกิจการ ขณะทำงานที่บริษัทสตาร์ตอัปแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ หลังจากนั้นจึงได้ก่อตั้งแบรนด์ CHAGEE ขึ้น

CHAGEE (ชาจี) มีต้นกำเนิดจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2017 ซึ่งชื่อแบรนด์มาจากบทละครจีนเรื่อง “Farewell My Concubine” (霸王别姬) ที่เล่าเรื่องราวของกษัตริย์นักรบในสมัยจีนโบราณและการร่ำลาคนรักอย่างแสนโรแมนติก โลโก้ของบริษัทเป็นรูปของ “หฺวาตาน” (花旦) ซึ่งเป็นตัวละครหญิงสาวในงิ้วปักกิ่ง

โดย Chagee แตกต่างจากแบรนด์ชานมไข่มุกอื่นๆ คือ จะเน้นชาพรีเมียมที่ทำจากนมและใช้ชาจีนแบบดั้งเดิม เช่น ชาเขียว ชาแดง และชาอู่หลง อีกทั้งยังมีการออกแบบร้านให้มีบรรยากาศเหมือนเลานจ์ และมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 74 บาท)

นอกจากนี้ ตลาดเครื่องดื่มชาสดของจีน คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 426 พันล้านหยวน (ราว 2.21 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2028 และกลุ่มเครื่องดื่มชาพรีเมียมจะมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นจาก 11% ในปี 2019 เป็น 26% ในปี 2024

เข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ ที่จะส่งผลให้เกิดความผันผวนของเศรษฐกิจ แต่แล้วล่าสุด จาง จุนเจี๋ย ก็ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีในวัยเพียง 30 ปี หลังจากพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา โดยระดมทุนได้ 411 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.37 หมื่นล้านบาท)

ซึ่งในวันแรกของการซื้อขายหุ้นของ CHAGEE พุ่งขึ้นกว่า 40% ทำให้เขามีทรัพย์สินทะยานแตะ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 96,000 ล้านบาท) จากการถือหุ้นเพียงคนเดียวในบริษัท ตามการจัดอันดับของ Bloomberg Billionaries

จากกระแสตีกลับสู่การเมืองระหว่างประเทศ

Shen Meng นักวิเคราะห์จาก Chanson & Co. มองว่า IPO ที่ Nasdaq เป็น “แทบจะตัวเลือกเดียว” สำหรับ Chagee ในการระดมทุน เพราะตลาดฮ่องกงเริ่มอิ่มตัว และนักลงทุนเริ่มระวังกับธุรกิจชานมที่เติบโตเร็วเกินไป เขาชี้ว่า “เงินทุนไหลเข้าสินค้าเครื่องดื่มชาใหม่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด”

ขณะที่นักวิเคราะห์อีกคนอย่าง หวัง ซินเย่า มองว่า การเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยให้ Chagee ก้าวขึ้นสู่แบรนด์ระดับโลกได้เหมือน Starbucks แต่ก็เตือนว่า “จังหวะเวลานั้นยังไม่ใช่ช่วงที่ดีที่สุด เพราะปัจจัยทางการเมืองและสงครามการค้ายังคงไม่แน่นอน”

อ้างอิง

The Straitstimes

Wikipedia

Related Posts