เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured ข่าววันนี้

บรรทัดทอง “ป่วยหนัก” วอนเร่งเยียวยา ปล่อยไม่เกิน 6 เดือน มีพังเกินพันล้าน 

ถนนบรรทัดทอง เมื่อสมัยก่อนย้อนไปหลายสิบปี เดิมเป็นย่านเชียงกง หรือแหล่งขายอะไหล่รถเก่า เสื้อผ้า-เครื่องกีฬา ส่วนร้านอาหารนั้น มีแทรกอยู่บ้างแต่ไม่โดดเด่นอะไร

กระทั่งปี 2563 หลังสถานการณ์โควิด-19 ได้ถูกพัฒนาเป็นย่านสตรีตฟู้ดยามค่ำคืนสุดคึกคัก เป็นแหล่งรวมร้านอาหารสารพัดความอร่อย บรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศ โดยเฉพาะโซนเอเชียให้ความนิยมกันมาก กระทั่งหลายคนให้ฉายา เป็น ‘เยาวราช 2’ กันไปเลย

แต่แล้วในราวต้นปี 2568 หมุดหมายหนึ่งของนักชิมจำนวนมหาศาล กลับเกิดข่าวว่าร้านค้าขนาดเล็กจำนวนไม่น้อย ที่เคยมาเซ้งพื้นที่จากผู้ประกอบการเก่าแก่เปิดเป็นร้านอาหาร ต่างพากันประกาศปิดตัวบ้าง ย้ายร้านออกจากพื้นที่บ้าง จนเกิดข้อสงสัยอย่างกว้างขวาง “เกิดอะไรขึ้น” กับหนึ่งในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวงแห่งนี้

“บรรทัดทอง ตั้งต้นจากการไม่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวยุโรป แต่ดังในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนและเอเชีย ช่วงพีกมีนักท่องเที่ยววันหนึ่งนับหมื่น ซึ่งประเมินว่า นักท่องเที่ยว 1 คนน่าจะมีการจับจ่ายราว 250-500 บาท” คุณนพ-สิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล เจน 2 เจ้าของกิจการ “รสดีเด็ด” ร้านดังแห่งตำนานสยามสแควร์ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เริ่มต้นให้ข้อมูล

ก่อนแจงจริงจัง  ย่านบรรทัดทอง ไม่ได้แจ้งเกิดจากคำว่า “ฟลุก” แต่ผ่านกระบวนการคิดวางแผนมาก่อนอย่างละเอียด เริ่มจากการระดมอินฟลูเอนเซอร์สายอาหารน้อยใหญ่ มาช่วยกันทำคอนเทนต์ จนเกิดความสำเร็จอย่างสวยงามภายในเวลาไม่นาน

ก่อนจะเกิดการรวมใจเป็นหนึ่งของผู้ประกอบการนับร้อยร้าน ขึ้นมาในนาม “สมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง” ที่พร้อมจะช่วยกัน วางแนวทางผลักดันร่วมกัน พัฒนาให้เป็นจุดท่องเที่ยวใหม่ เป็น Tourist Destination มากินอาหารแนวสตรีต ที่มีความ Cool อินเทรนด์ ควบคู่ไปกับร้านในตำนาน และยังมีความพยายามที่จะจัดให้มีเทศกาลประจำปีของชาวบรรทัดทอง สามารถไปบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยวของประเทศไทย

นอกจากนั้น ยังจะมีการวางแผนเพื่อรวมตัวกันของผู้ประกอบการเพื่อซื้อวัตถุดิบและของใช้สิ้นเปลืองร่วมกัน เพื่อเป็นการ “ลดต้นทุน” ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าที่จะทำให้บรรทัดทอง เป็นถนนปลอดภัย สำหรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ

เพราะผู้ประกอบการทุกคนรักในความเป็นบรรทัดทอง หวังยกระดับให้บรรทัดทองเป็นสตรีตฟู้ดแบรนดิ้งของประเทศไทย สามารถที่จะขยายสเกลตัวเองไปในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทำเลสำคัญในประเทศไทย อย่าง พัทยา อยุธยา ภูเก็ต หรือแม้กระทั่งในระดับโลก

“นั่นคือภาพองค์รวมทั้งหมด ของบรรทัดทอง ที่พวกเราพยายามช่วยกันคิด ช่วยกันทำ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ซิงซิง ดาราจีน หายตัวไปช่วงมาประเทศไทย นักท่องเที่ยวหลักของบรรทัดทอง คือคนจีน ก็หายไปอย่างน่าใจหาย จากนั้นมาเป็นเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม ที่ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการมาเมืองไทยกับบริษัทัวร์แทบเป็นศูนย์เลย” คุณนพ เผยอย่างนั้น

และท่ามกลางสถานการณ์ “ยอดขายดิ่งหัวลง” อย่างน่าใจหาย ปัญหา “ภายใน” ของบรรทัดทอง ก็ค่อยๆ ปะทุขึ้นมาหลากหลายประเด็น ซึ่งอาจยัง “เกาไม่ถูกที่คัน” และไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ 

“ปัญหาเร่งด่วนที่บรรทัดทอง ต้องการได้รับการแก้ไขคือ ต้องการเสน่ห์ของสตรีตฟู้ดกลับมา เราเป็นแหล่งสตรีตฟู้ด ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า เรามอบประสบการณ์สตรีตฟู้ดแก่นักท่องเที่ยว จึงอยากได้ระยะทางเท้าที่มีการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม จริงอยู่มีทางเท้าให้คนเดินเป็นสิ่งดี แต่เสน่ห์ของสตรีตฟู้ดหายไป แล้วถ้าไม่ทำอะไร มันตายไปเรื่อยๆ จึงอยากได้ทางเท้าสำหรับตั้งแผงลอยกลับมา ขอสัก 90 เซนติเมตรก็พอ เราไม่อยากให้ตั้งขวางจนคนเดินไม่ได้หรอกครับ” คุณนพ ระบายความรู้สึก

“แต่เดิมบรรทัดทอง สามารถตั้งแผงลอยได้ และแผงลอยคือเสน่ห์ของสตรีตฟู้ด ถ้าเกาไม่ถูกที่คันเมื่อไหร่ การแก้ปัญหาจะผิดหมด ถามว่าทำไมเยาวราช ตั้งได้ เพราะเยาวราชเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ บรรทัดทอง จึงอยากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษในเชิงสร้างสรรค์ แบบเดียวกับเยาวราช แบบเดียวกับถนนข้าวสาร ซึ่งรัฐบาล มีอำนาจประกาศผ่านทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง บอกจริงจัง

และขอคลี่ประเด็นปัญหาของย่านบรรทัดทอง ให้ฟังต่อว่า ปัญหาใหญ่อีกเรื่องคือ ขยะอาหาร ซึ่งโดยเบื้องต้นมีการประสานกับกลุ่มรับซื้อไปทำอาหารปลา แต่อาจต้องขอให้ทาง กทม. ช่วยเพิ่มรอบเก็บ และมีภาชนะจัดเก็บที่ดีและเหมาะสม ไม่ใช่ให้ไปเทลงถังขยะรวม และพอเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตสิ่งแวดล้อม เข้ามาจัดเก็บล่าช้า ปัญหาที่ตามมาคือ หนู

“ผมเคยเจอหนูหนักสุด ประมาณ 50-60 ตัว อยู่บนถุงขยะ ถ้าภาพเหล่านี้เผยแพร่ออกไป บอกคนทั้งโลกว่านี่แหละบรรทัดทอง จะทำยังไง ความจริงเราพร้อมจะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ว่าให้เครื่องไม้เครื่องมือเราหน่อย ไม่ใช่ว่าโทรบอกเจ้าหน้าที่ไป ให้รออีก 48 วัน รอตั้งคณะกรรมการก่อนว่าจะกำจัดหนูเมื่อไหร่ มันไม่ได้ ตอนนี้เจอกันทุกร้าน หนูกัดสายไฟ กัดแอร์ กัดสายอินเทอร์เน็ต เสียหายทุกวัน” คุณนพ เผย

ส่วนประเด็นค่าเช่าที่มีข่าวแพงมาก จนผู้ประกอบการหลายรายสู้ไม่ไหว คุณนพ บอกว่า ค่าเช่าที่ย่านบรรทัดทองไม่ได้แรงขนาดนั้น ยังพออยู่ได้ แต่มันมีปัญหาเชิงซ้อน ที่ต้องใช้วิธีแก้ไขทุกองค์ประกอบและทุกภาคส่วน ความจริงที่ผ่านมาทางสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ อยากช่วยผู้เช่า แต่อาจติดเงื่อนไขระเบียบบางข้อของ กทม. จนทำให้มีปัญหา “ขบกัน” และไม่ได้รับการแก้ไข

เมื่อเร็วๆ นี้ ทางสมาคมฯ จึงเรียนเชิญ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้มาเป็น “คนกลางพิเศษ” รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้ประกอบการบรรทัดทอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“เราไม่เคยตำหนิใคร แต่ที่ผ่านมาอาจยังมองการแก้ปัญหาไม่ตรงกัน และถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ภายใน 3-6 เดือน ถนนบรรทัดทองจะพัง และเริ่มมีอุปาทานหมู่ของผู้ประกอบการภายในว่าถนนเส้นนี้อยู่ไม่ได้แล้ว” คุณนพ บอกจริงจัง

และว่า หลังจากนี้ทางสมาคมฯ จะทำหนังสือเป็นทางการส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้มาหาทางออกร่วมกัน ตอนนี้เหมือนครอบครัวบรรทัดทองกำลังป่วยหนัก ถ้าไปพึ่ง 30 บาทคงต้องรอนาน แต่โชคดีมีญาติพร้อมจะเป็นสปอนเซอร์ ทั้งน้ำตาล ซีอิ๊ว น้ำมัน น้ำปลา ฯลฯ นั่นแปลว่าการรักษาโรคร้ายนี้ ไม่ต้องอาศัย งบรัฐ ขอแค่เครื่องไม้เครื่องมือ เช่น แก้ระเบียบการใช้อาคาร การดูแลด้านความสะอาด ความปลอดภัย

“ถ้าทุกแผนที่พยายามแก้ไขในครั้งนี้ ไม่ได้รับการตอบรับ อันนั้นก็ห้าม ไอ้นี่ก็ไม่ถูก อันนี้ก็ไม่ดี แล้วความเจริญจะเกิดขึ้นได้ยังไง มันปิดกั้นโอกาสกันเกินไป บรรทัดทองเคยเป็นถนนคึกคัก มีนโยบายที่ดี สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ เสริมภาพลักษณ์ที่ดี เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของแท้  ไม่เอาแบรนด์นอกมาขาย ผู้ประกอบการที่นี่คือภูมิปัญญาของคนรุ่นใหม่ทั้งนั้น” คุณนพ พรั่งพรูความรู้สึก

ก่อนทิ้งท้าย

“พวกเราบรรทัดทอง เปรียบเป็นหมู่บ้านบางระจัน อย่าให้เรารบเดียวดายโดยไม่มีอาวุธ ถ้าอาวุธไม่มี สุดท้ายก็จะกลายเป็นหน้าด่านที่ตายคนแรกในเศรษฐกิจที่มีผลกระทบอย่างหนัก ถ้าย่านการค้าแห่งนี้ไปไม่ได้ ต้องมีอย่างน้อย 350 ร้านค้าตายไป และเงินลงทุนเฉลี่ยร้านละ 3 ล้านบาท รวมแล้วนับพันล้านจะหายวับไปเลย จึงอยากให้เหลียวแลเราบ้าง”

Related Posts

จากนักเรียนไทยในแดนมังกร หิ้วสินค้าไทยไปขาย สู่นักไลฟ์สดมือโปร กวาดเงิน 5 ล้านบาท ใน 2 ชั่วโมง