Featured ข่าววันนี้ แจกสูตรอาหาร และเครื่องดื่ม

มหัศจรรย์ Soft Power “พริกแกงคั่ว” แตกไลน์ทำได้ทั้ง แกง ผัด นึ่ง ทอด ปิ้ง

“พริกแกงไทย” ว่ากันว่าสืบเชื้อสายมาจากเครื่องแกงของเปอร์เซีย ซึ่งมีอิทธิพลมาถึงเครื่องแกงอินเดีย ไทย และประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บรรพบุรุษ ปู่ย่าตายายของไทย ท่านได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ตัด ปรับ เติม โน่นนิดนี่หน่อย จนพริกแกงไทยกลายเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย

จากพริกแกงพื้นฐานนี้ ปรับ เติมอีกหน่อย ได้เป็นอาหารไทยในหลายรูปแบบ แกงคั่ว แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ยำพริกแกง หมก นึ่ง ปิ้ง ทอด เป็นน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็ยังได้

พริกแกงแบบชาวบ้านขอแค่มี พริกแห้ง หอม กระเทียม ตะไคร้ กะปิ ก็ตำพริกแกงได้แล้ว ให้ครบเครื่องขึ้นมาหน่อยเพิ่ม รากผักชี ข่า ผิวมะกรูด (ปอกให้ติดสีขาวแต่น้อย มันจะขม) พริกไทย ได้เครื่องแกงคั่วเต็มสูตร

พริกแห้งที่ใช้ พริกเม็ดใหญ่หรือพริกชี้ฟ้าแห้งเลือกสีแดงๆ เอาเม็ดออก หั่นชิ้นเล็กแล้วแช่น้ำ อันนี้เอาสีแดงของเครื่องแกง ส่วนความเผ็ดใช้พริกขี้หนูแห้ง เผ็ดแค่ไหนตามใจ เครื่องแกงที่ใส่เยอะหน่อยเป็น หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ตัวอื่นใส่อีกอย่างละหน่อย

ขาดไม่ได้คือ กะปิ ตามนี้เรียก “พริกแกงคั่ว” คือเวลาทำแกงเราเอาพริกแกงคั่วไปคั่วกับหัวกะทิ ให้กะทิแตกมันดึงเอาสีและความหอมจากเครื่องพริกแกงออกมาถึงจะเทเครื่องแกงที่เหลือลงผสม

แกงคั่วที่เราชินๆ กัน เช่น แกงคั่วสับปะรด แกงหมูเทโพ (เมื่อก่อนคือปลาเทโพ พื้นเนื้อท้องเป็นมันย่อง ล่องลอยมัน) แกงคั่วกระท้อน แกงคั่วหอยขมใส่ใบชะอม ใบชะพลู แกงคั่วมะระใส่ปลาดุกแต่ไม่เรียกแกงคั่ว เรียก “แกงอ่อมมะระ” ในน้ำพริกแกงคั่วมักจะเพิ่มเนื้อและความหอมด้วยกุ้งแห้งป่น หรือปลาป่น แล้วแต่ชอบกลิ่นรสไหน ทั้งหมดนี้เป็นแกงแบบมีน้ำแกง

แต่ถ้าเป็นน้ำแกงขลุกขลิก เราเรียก “ฉู่ฉี่” คือน้ำพริกแกงคั่วผัดกับกะทินี่ล่ะ แล้วเอาชิ้นปลาลงไปฉู่ฉี่กับพริกแกงให้สุก มักจะเป็นปลาทูสด ปลาเป็นชิ้นก็ได้ กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ๆ เดี๋ยวนี้ร้านอาหารมักใช้วิธีทอดเนื้อปลา เนื้อกุ้ง แล้วทำน้ำพริกแกงฉู่ฉี่ราด ไม่ได้เอาปลาลงไปฉู่ฉี่เหมือนเมื่อก่อน ให้น้ำแกงข้นมันมากๆ คุณยายจะโขลกมะพร้าวขูดลงไปกับพริกแกงด้วย ฉู่ฉี่อย่างนี้โรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย แม่ค้าที่ทำฉู่ฉี่ขายเป็นเรื่องเป็นราวใช้กระทะใบบัวคั่วเครื่องแกงกับกะทิ น้ำใสหน่อย เพราะเคี่ยวไปจะข้นขึ้น แล้วเอาปลาลงไปลอยคอ ใบมะกรูดฉีกเอาโรยเยอะๆ  ซอยไม่ไหว ใครสั่งก็ตักปลาใส่ถุงราดน้ำแกงขลุกขลิกให้กลับบ้านไป

จากแกงมีน้ำ เป็นแกงขลุกขลิก พริกแกงคั่วยังเอามาผัดกับเนื้อสัตว์กลายเป็นผัดเผ็ด เช่น ผัดเผ็ดหมูป่า ผัดเผ็ดหมูกรอบ ผัดสะตอพริกแกง ผัดเผ็ดปลาดุกแบบสดกับแบบทอด ผัดเผ็ดปลาช่อน ผัดเผ็ดถั่วฝักยาวซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า “ผัดพริกขิง” แต่ไม่มีขิง เด็กรุ่นใหม่เลยไม่รู้จัก นึกว่าเป็นผัดหมูหรือไก่กับขิงซอยใส่เห็ดหูหนู

คำว่า “พริกขิง” ย้อนหลังไปได้ถึงต้นรัตนโกสินทร์ ในตำราอาหารแม่ครัวหัวป่าก์ ระบุหมายถึง “พริกแกง” นั่นเอง ผัดพริกขิงนี้ เอาไปดัดแปลงทำน้ำพริกพริกขิงปลาดุกฟู โดยการผัดพริกแกงคั่วกับน้ำมัน แล้วโรยปลาดุกฟู โรยน้ำตาล น้ำปลา ผัดให้แห้ง ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอย จับใส่ขวดได้

พริกแกงคั่วยังเอาไปกวนกับกะทิใส่เนื้อปลาทำห่อหมก ใช้นึ่งเรียกว่าหมก นำไปปิ้งเรียก “งบปิ้ง” ทำให้งวดมีเนื้อหน่อยไปจับกับไม้ไผ่ปิ้งไฟเรียก “จับไม้” ที่หนองมนเรียก “แจงลอน”

ส่วนเนื้อปลาฟาดใส่พริกแกงไม่ใส่กะทิ ใส่ใบมะกรูดฝอย นำไปปั้นเป็นก้อนกลมทอดเรียก “ทอดมัน” ทางเพชรบุรีเรียก “ปลาเห็ด” นัยว่าเป็นคำตกทอดมาจากภาษาเขมร ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปด้วย ทอดมันเมืองเพชรจึงหวานและดำเพราะน้ำตาลไหม้ คนโบราณน้ำตาลหวานกินขนมจีนกับทอดมันเป็นอาหารประจำวัน

จะเห็นว่าพริกแกงคั่วตัวเดียว ทำได้ทั้ง แกง ผัด นึ่ง ทอด ปิ้ง ได้อาหารตระกูลน้ำพริกแกงที่มีรสชาติ เนื้อสัมผัสแตกต่างออกไป

บทความโดย : อาจารย์ยศพิชา คชาชีวะ เจ้าของคอลัมน์ “ตู้จดหมายพลศรี” ประจำ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์”

Related Posts