เพราะอยากทำอะไรเป็นของตัวเอง ทำให้ คุณป๊อป-ณรงค์สักก์ พันธุปรีชารัตน์ ที่ขณะนั้นทำงานในฝ่ายการตลาดให้กับบริษัทอาหารและเครื่องดื่ม เริ่มต้นสร้างธุรกิจน้ำส้มคั้นในแบบฉบับของตัวเอง ในชื่อ Codesom (โค้ดส้ม)
โปรเจ็กต์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน เขาใช้เวลากว่า 1 ปีเต็ม ในการวางแผนธุรกิจ และพัฒนาสูตรชิมน้ำส้มมาแล้วกว่า 40 แบรนด์ เพื่อค้นหารสชาติที่ ‘ใช่’ ที่สุดสำหรับแบรนด์ของตัวเอง ด้วยความตั้งใจ “อยากให้เป็นแบรนด์น้ำส้มในใจของคนไทย”
ถึงปัจจุบัน Codesom เดินทางมานานกว่า 4 ปี สร้างรายได้รวมกว่า 10 ล้านบาท ในปี 2567
เรื่องราวการปั้นแบรนด์เป็นอย่างไร ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์ของ ‘เส้นทางเศรษฐีออนไลน์’

จุดเริ่มต้นของ ‘Codesom’ น้ำส้มคั้นสด
เจ้าของแบรนด์ เล่าให้ฟังว่า Codesom เริ่มต้นขึ้นก่อนเกิดโควิดระบาดได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น แม้จะต้องเจอกับผลกระทบและปัญหามากมายในช่วงวิกฤต แต่ก็ไม่คิดยอมแพ้ จากช่วงแรกที่ขายผ่านการออกบูธ ก็ได้ปรับกลยุทธ์มาสู่ช่องทางออนไลน์อย่างรวดเร็ว
รวมถึงส่งน้ำส้มไปให้เหล่าดารา อินฟลูเอนเซอร์ ได้ลองชิม เพราะน้ำส้มดีต่อสุขภาพ ช่วยเสริมวิตามิน จึงสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคโรคระบาดได้
ประกอบกับ จุดเด่นของแบรนด์คือ การผสมผสานของส้ม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ส้มเขียวหวาน ส้มสายน้ำผึ้ง และส้มโชกุน คั้นสด 100% พร้อมใส่เนื้อส้มเข้าไป ในตอนนั้นถือเป็นรูปแบบใหม่ของการทำน้ำส้ม จึงทำให้แบรนด์เริ่มติดตลาด และเป็นที่รู้จักขึ้นมา
“การเลือกผลไม้มาทำโปรดักต์สักตัว ผมมองโอกาสในการเติบโต เพราะยังไงเราก็ทำธุรกิจอยู่แล้ว อย่าง ส้ม ผมเกิดมา 40 กว่าปี คนก็ยังกินน้ำส้มอยู่ เพียงแต่มันไม่มีอะไรใหม่ เราเลยเอาของพวกนี้มาทำให้มีความใหม่มากขึ้น
ซึ่งการผสมส้ม 3 สายพันธ์ุ เราก็ต้องคุมคาแร็กเตอร์ของรสชาติให้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด เพราะใช้ผลไม้สด ไม่ได้ใส่หัวเชื้อ ซึ่งลูกค้ารู้ข้อนี้อยู่แล้ว”
สำหรับน้ำส้มของ Codesom เริ่มต้นขวดละ 45 บาท โดยจำหน่ายใน 10 สาขา รวมถึงช่องทางดีลิเวอรี
และถ้าใครอยากรับน้ำส้มไปขาย Codesom ได้แตกแบรนด์ใหม่ชื่อว่า คั้น By Codesom ที่ลดปริมาณเนื้อส้มลง เพื่อขายราคาขวดละ 35 บาท หรือ 3 ขวด 100 บาท เจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า

สนับสนุนเกษตรกร ผู้ปลูก ‘มะปี๊ด’
นอกจาก ส้ม จากภาคเหนือ และ มะพร้าว จากบ้านแพ้ว ที่ทำขายในชื่อ ‘Code พร้าว’ แล้ว แบรนด์ยังคอลแลบกับแบรนด์ดัง อย่าง Kamu รวมถึงร้านอาหารชื่อดัง หรือ กูร์เมต์ มาร์เก็ต มาช่วยกันผลักดันผลผลิตทางการเกษตรที่ถูกมองข้าม อย่าง ส้มมะปี๊ด ในจังหวัดจันทบุรี ให้มีคุณค่าและมูลค่ามากขึ้นผ่านการพัฒนาเป็นโปรดักต์ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันรับซื้อส้มมะปี๊ดเดือนละประมาณ 10 ตัน
“ผมอยากทำให้ มะปี๊ด จากพืชท้องถิ่น กลายเป็นพืชเศรษฐกิจอีกตัวหนึ่งของจันทบุรี ผมมีคีย์เวิร์ดง่ายๆ ญี่ปุ่นมียูซุ ยุโรปมีเลมอน ไทยมีส้มมะปี๊ด จริงๆ มันเป็นพืชหมวดเดียวกันหมดเลย มีทั้งความเปรี้ยว หอม แล้วก็ได้ประโยชน์เยอะ ซึ่งเราสามารถใช้ส้มมะปี๊ดทดแทนการนำเข้าได้เลย และราคายังถูกกว่ากันเยอะ”
และเมื่อ คุณป๊อป ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเกษตรกร ทำให้รู้ว่าชาวบ้านปลูกส้มมะปี๊ดกันมาเนิ่นนาน ทั้งปลูกในบ้าน และปลูกเป็นพืชผสมผสานกับผลไม้อื่นๆ ในสวน แต่ไม่มีใครนำไปขายอย่างจริงจัง
ในส่วนของ Codesom จึงได้นำมาทำ น้ำมะปี๊ดสด 100% ทั้งสูตรแบบไม่ผสมอะไรทั้งสิ้น สูตรพร้อมดื่มเพิ่มความหวาน และสูตรผสมน้ำผึ้ง ในชื่อ ‘Code ปี๊ด’
“พื้นฐานของมะปี๊ดมีความเปรี้ยวมาก มีกลิ่นหอมเหมือนมะนาว เมื่อเอามาผสมกับส้ม รสชาติจะออกเปรี้ยวอมหวาน และมีประโยชน์สูงมาก Codesom เราแทบจะเป็นเจ้าเดียวที่เอามะปี๊ดสดมาทำ เราเลือกทำของยาก เพราะอยากทำของดีให้ลูกค้ากิน
ส่วนเกษตรกรก็มีความยินดีและดีใจที่เราเข้ามาช่วยผลักดัน เพราะที่ผ่านมามีแต่ปลูกทิ้ง กินไม่ทัน บางทีก็เน่าคาต้น มะปี๊ดอาจจะไม่ได้มีราคาส่งเท่ามะนาว แต่อย่างน้อยๆ ก็มีรายได้เสริมเข้ามา”
คุณป๊อป เสริมอีกว่า หลังจากนี้จะมีโปรดักต์ใหม่ๆ อย่าง แยมมะปี๊ด เปลือกมะปี๊ดแช่อิ่ม เยลลี่มะปี๊ด ออกจำหน่าย อีกทั้ง ได้วางแพลนกับทางจันทบุรีผลักดันให้เกิด ‘ล้งมะปี๊ด’ แห่งแรกในจังหวัดจันทบุรี

เทคนิคปั้นโปรดักต์เดิมๆ ให้แตกต่าง
ถึงปัจจุบัน Codesom ออกโปรดักต์หลักๆ มาแล้วด้วยกัน 3 ตัว คือ น้ำส้ม น้ำมะพร้าว และน้ำมะปี๊ด ในการสร้างให้โปรดักต์เหล่านี้ที่เห็นและบริโภคกันมานาน ให้สามารถสร้างความแตกต่างในตลาดได้
คุณป๊อป แชร์ให้ฟังว่า อย่างแรก ‘ต้องมั่นใจ’ ในโปรดักต์ ว่าสิ่งที่ทำต้องดีที่สุดสำหรับตัวเอง และผู้บริโภค จากนั้น ‘เพิ่มมูลค่า’ ด้วยการเพิ่ม ‘ความแปลกใหม่’ เข้ามา อย่าง Codesom ใช้ส้ม 3 สายพันธ์ุผสมกัน ถือเป็นความแปลกใหม่ในตลาด ณ เวลานั้น เอาน้ำส้มไปต่อยอดทำสเลอปี้ เอาน้ำส้มไปทำไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ หรือ คอลแลบกับ คาเฟ่ Nitro Lab เอาน้ำส้มไปทำเครื่องดื่ม Nitro เป็นเจ้าแรกของโลก
“มันต้องหาความใหม่ใส่เข้าไปเรื่อยๆ แล้วไม่ต้องห่วงว่าใครจะทำตาม เพราะทำตามกันอยู่แล้ว ในเมืองไทย ต่อให้คุณเร็วขนาดไหน แป๊บเดียวมีวางขายในตลาดนัดแล้ว เพราะมันง่าย เราแค่ต้องมั่นใจในโปรดักต์ ว่าเราทำดีแล้ว อย่าเป๋ ก็ทำให้เราเดินต่อไปได้แล้ว”
เป้าหมายในอนาคต
เมื่อถามถึงเป้าหมายในอนาคตของ Codesom ในมุมของคุณป๊อป มองว่า “ผมอยากทำให้น้ำผลไม้ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร้านอาหาร เหมือนน้ำเปล่ากับน้ำอัดลม น้ำเปล่ายืนพื้นอยู่แล้วไปร้านไหนก็เจอ ส่วนน้ำอัดลมจะมีคนที่ชอบบ้าง บางคนรักสุขภาพก็จะกินน้ำเปล่า
แต่วันนี้คุณมีน้ำผลไม้ทดแทนแล้ว สามารถทานน้ำผลไม้ได้ ไม่ได้มีโทษต่อร่างกาย อนาคตเราก็คงทำโปรดักต์ใหม่ออกมาสู่ตลาดเรื่อยๆ” คุณป๊อป ทิ้งท้าย