เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
PR News

กขค. เข้ม ธุรกิจแพลตฟอร์ม – รวมธุรกิจ – ส่งเสริม SMEs ภายใต้ เศรษฐกิจดิจิทัล

กขค. กำหนดนโยบาย-ทิศทาง การกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้า ปี 65 คุมเข้มธุรกิจแพลตฟอร์ม การรวมธุรกิจ และส่งเสริม SMEs ภายใต้บริบทเศรษฐกิจดิจิทัล

คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดผลการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้า ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ตั้งแต่ปี 2561-2564 ได้รับเรื่องร้องเรียนรวมทั้งสิ้น 134 เรื่อง โดยในปี 2564 มีการรับเรื่องร้องเรียนสูงสุดถึง 71 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 2.36 เท่า กลุ่มธุรกิจที่มีการรับเรื่องร้องเรียนมากที่สุดคือ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Platform) จำนวน 40 เรื่อง

รองลงมาคือธุรกิจแฟรนไชส์และธุรกิจบริการอื่นๆ จำนวน 15 เรื่อง และธุรกิจการผลิตและการค้าส่งค้าปลีกจำนวน 16 เรื่อง และเมื่อจำแนกตามพฤติกรรมพบว่าเป็นการใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบจำนวน 40 เรื่อง การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 28 เรื่อง และการตกลงร่วมกัน จำนวน 3 เรื่อง โดยได้ดำเนินคดีอาญา จำนวน 3 เรื่อง ผู้ต้องหาจำนวน 28 ราย อยู่ระหว่างส่งฟ้องอัยการ จำนวน 2 ราย และผู้ต้องหาขอเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายจำนวน 26 ราย

ในส่วนของคดีปกครองมีการลงโทษทางปกครองจำนวน 11 เรื่อง ผู้กระทำความผิด จำนวน 16 ราย มีค่าปรับรวมประมาณ 34 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 2564 เป็นปีที่มีการรวมธุรกิจมากที่สุดถึง 32 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 2 เท่า และมีมูลค่าการรวมธุรกิจประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3.4 เท่า

ศาสตราจารย์สกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า ในปี 2565 คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อยู่ระหว่าง การฟื้นตัวจากการระบาดของโรค COVID-19

ศาสตราจารย์สกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า

ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และจากระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สำคัญ (Megatrends) อย่างรวดเร็ว และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการประกอบธุรกิจ ทำให้รูปแบบการประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปแบบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Platform) เพิ่มมากขึ้น และจะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการค้าเพื่อแข่งขันกันมากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจมีแนวโน้มจะควบรวมธุรกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย เพื่อปรับตัวให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้นและสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่มีการใช้อำนาจเหนือตลาดหรือมีการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ไม่สามารถแข่งขันได้ และอาจไม่สามารถอยู่รอดได้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สำคัญในการกำหนดแนวทางการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า จึงได้กำหนดนโยบายและทิศทางการกำกับการแข่งขันทางการค้า ปี 2565 ได้แก่

1) การกำกับดูแลการแข่งขันในธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Platform) ทุกรูปแบบ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ผู้บริโภคไม่นิยมใช้เงินสด โดยในปี 2564 มีมูลค่าทางธุรกิจมากถึง 4 ล้านล้านบาท อาทิ การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ (E-Market Place) การขนส่งสินค้า (E-Logistic)

การให้บริการรับสั่งและจัดส่งอาหาร (Food Delivery) และธุรกิจจองโรงแรมที่พัก (OTA) ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่จากต่างประเทศ 2) การกำกับดูแลการรวมธุรกิจ (M&A) โดยเฉพาะการควบรวมธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน 3) การส่งเสริมและสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs สามารถแข่งขันได้มากขึ้น

ศาสตราจารย์สกนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าจะมีการพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าในด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถกำกับดูแลธุรกิจในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประกอบธุรกิจอย่างรวดเร็ว

โดยการปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้าและแนวปฏิบัติทางการค้าและกฎระเบียบต่างๆ และเสริมสร้างความร่วมมือในการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้ากับหน่วยงานต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อเป็นเครื่องมือศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างตลาดและพฤติกรรมการแข่งขันทางการค้าในการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยการจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์ธุรกิจเชิงลึก (Business Intelligence Unit) เพื่อให้การแข่งขันทางการค้าไทยมีแนวทางการพัฒนาที่ดีขึ้น

รวมทั้งการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการแข่งขันทางการค้า นอกจากนี้ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อตราสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เพื่อให้เป็นไปตามหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมายอื่นๆ ในประเทศ และชื่อภาษาอังกฤษเป็นรูปแบบเดียวกันกับองค์กรการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าของต่างประเทศ โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

  เดิม ปัจจุบัน
ชื่อภาษาอังกฤษ OFFICE OF TRADE COMPETITION COMMISSION TRADE COMPETITION COMMISSION OF THAILAND
ชื่อย่อภาษาอังกฤษ OTCC TCCT
ชื่อย่อภาษาไทย สขค. สำนักงาน กขค.
 ตราสัญลักษณ์

 

องค์ประกอบและความหมาย 

เส้นตรงแนวนอน หมายถึง ความเรียบง่ายและการทำงานที่ตรงไปตรงมาด้วยความรับผิดชอบตามหลักการความถูกต้องชอบธรรม (Integrity) เพื่อรักษาไว้ซึ่งการแข่งขันทางการค้าที่เสรีและเป็นธรรม

เส้นโค้งที่มีความสมมาตร หมายถึง แม้จะยึดมั่นในหลักการความถูกต้องชอบธรรม
แต่กระบวนการทำงานก็มีความยืดหยุ่น (Adhere to principle, flexible in working process) อ่อนน้อมให้ความเคารพต่อผู้อื่นด้วยมิตรไมตรี และมีรอยยิ้มแห่งสำนึกของการบริการ (Service Mind)

สีน้ำเงินกรมท่า หมายถึง ความน่าเชื่อถือศรัทธา ความมั่นคง สุขุมรอบคอบ

สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ความกระตือรือร้น ความมีชีวิตชีวา และภาวะผู้นำในการขับเคลื่อนภารกิจ

Related Posts

ราคาทองพุ่งไม่หยุด! ซื้อทอง ดีกว่าเก็บเงินไว้เฉยๆ จริงไหม แล้วควรซื้อด้วยเงินสด หรือบัตรเครดิต