เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
SMEs เกษตร

ปลูกชะอมไร้หนาม เริ่มต้นในพื้นที่ 3 ไร่ สร้างรายได้ดีกว่าทำนา 10 ไร่

ชะอม เป็นไม้ยืนต้นตระกูลถั่ว ที่มีอายุยืนนาน เป็นไม้เถาเลื้อย มีฝักเหมือนกระถิน เมล็ดนำมาปลูกได้ กิ่งอ่อน ยอดอ่อน ใบอ่อน มีกลิ่นหอมฉุนเฉพาะตัว และมีวิตามินเอสูง
ยอดชะอมจัดเป็นอาหารประเภทผักที่มีคุณค่าอาหารสูงยิ่ง ทั้งวิตามินเอ โปรตีน และเยื่อใยที่ร่างกายต้องการ ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมหรือไม่มีหนาม ใบเป็นใบประกอบขนาดเล็ก มีก้านใบแยกเป็นใบอยู่ 2 ทาง ลักษณะคล้ายใบกระถิน หรือใบส้มป่อย ต้นชะอมหากถูกเด็ดยอดจะแตกกิ่งข้างต้นหนาแน่น

ชะอมเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ในทุกสภาพดิน ไม่ว่าดินเหนียว ดินร่วน ดินทราย ยกเว้นดินเค็มและกรดจัด ปลูกง่าย ทนแล้ง ใช้น้ำน้อย

“ชะอม” หลายคนจะต้องนึกถึงเมนูอาหารที่แสนอร่อยจากผักพื้นบ้านชนิดนี้ที่มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว อาทิ ชะอมชุบไข่ทอดกับน้ำพริกกะปิ แกงแคไก่อาหารของคนเหนือ แกงลาวของคนอีสาน ฯลฯ ชะอมจึงจัดเป็นผักพื้นบ้านที่มีคนไทยบริโภคเป็นประจำ และมีความต้องการในแต่ละวันไม่น้อยไปกว่าผักพื้นบ้านชนิดอื่น

เกษตรกรไทยมักจะมองว่า การปลูกพืชผักสวนครัวจะเป็นเพียงอาชีพเสริม ไม่สามารถสร้างรายได้หลักให้กับครอบครัวได้

ตัวอย่างแหล่งปลูกชะอมพื้นที่ใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร อยู่ที่อำเภอตะพานหิน ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกชะอมพันธุ์ไร้หนาม ดังคำขวัญของ อ.ตะพานหิน “ถิ่นชะอมไร้หนาม งามหลวงพ่อโต งานประเพณีกำฟ้า ทอผ้าป่าแดง”

ตัวอย่างเกษตรกร คุณดอกไม้ อินอ้น หรือป้าดอกไม้ วัย 78 ปี ที่ถือเป็นเกษตรกรที่เริ่มปลูกชะอมไร้หนามรายแรกๆ ของ อ.ตะพานหิน และเป็นประธานกลุ่มผู้ปลูกชะอมไร้หนามบ้านคลองข่อย บ้านเลขที่ 31/6 หมู่ 6 บ้านคลองข่อย ซอย 13 ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร โทร 08-3624-9030, 08-1740-0237

การปลูกชะอมไร้หนามที่หลายคนมองเป็นเพียงอาชีพรองนั้น กลับสร้างรายได้หลักให้กับป้าดอกไม้และครอบครัวมายาวนานมากกว่า 20 ปี และที่สวนชะอมไร้หนามของป้าดอกไม้ยังเป็น “ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” ประจำ ต.ไผ่หลวง เพื่อเป็นจุดเรียนรู้และถ่ายทอดความรู้เรื่องการปลูกชะอมไร้หนาม สำหรับผู้ที่สนใจหรือเกษตรกร ปลูกชะอมไร้หนาม เริ่มต้นในพื้นที่ 3 ไร่ สร้างรายได้ดีกว่าทำนา 10 ไร่

ก่อนที่ป้าดอกไม้จะปลูกชะอมไร้หนามก็ทำนามาก่อน ปัจจุบันก็ยังคงทำนาควบคู่ไป ซึ่งนากลายเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น

ป้าดอกไม้เล่าย้อนกลับไปว่า ได้พันธุ์ชะอมไร้หนามมาปลูกแบบสวนครัวหลังบ้าน เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว วัตถุประสงค์แรกของการปลูกชะอมไร้หนามในตอนนั้นเพียงเพื่อบริโภคภายในครัวเรือน และต่อมาเลยตอนกิ่งชะอมเพื่อขยายต้นปลูกเพื่อเก็บยอดชะอมจำหน่ายให้กับเพื่อนบ้านและตลาดในชุมชนเพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว

หลังจากเก็บยอดชะอมขาย ผลปรากฏว่าปริมาณของความต้องการในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีรายได้ค่อนข้างแน่นอน มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือนเกือบทุกวัน ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการทำนา ป้าดอกไม้บอกว่า ค่อนข้างเหนื่อยกว่ามาก และยังมีค่าใช้จ่ายต่อไร่สูง แล้วการปลูกข้าวยังประสบปัญหาในความไม่แน่นอนของสภาพดินฟ้าอากาศและราคา เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากการเก็บยอดชะอมไร้หนามขาย ในพื้นที่เพียง 3 ไร่ ที่เริ่มต้นทำนั้น ดีกว่าปลูกข้าวในพื้นที่ 10 ไร่

ปัจจุบันป้าดอกไม้และครอบครัวได้ขยายพื้นที่ปลูกชะอมไร้หนามออกไปถึง 6 ไร่ หรือราวเกือบ 10,000 ต้น และแปลงปลูกกล้วยกับไผ่ เพื่อนำกาบกล้วยและไม้ไผ่มาใช้ในการมัดกำชะอมที่จะต้องใช้เกือบทุกวัน ป้าดอกไม้ยังได้บอกว่า โรคและแมลงศัตรูชะอมมีน้อยมาก และใช้เพียงแรงงานในครอบครัว ในแต่ละครอบครัวที่ปลูกชะอมไร้หนาม ในพื้นที่ 1-2 ไร่ หรือมากกว่านั้น จะมียอดให้เก็บหมุนเวียนได้ทุกวัน มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัววันละ 200-300 บาทอย่างสบาย

ชนิดของชะอมที่ปลูกในบ้านเรา ชะอมที่ปลูกกันในขณะนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ตามลักษณะ คือ ชะอมมีหนาม กับ ชะอมไม่มีหนาม (ชะอมไร้หนาม) ต้นชะอมจะมีหนามทั่วทั้งต้นและกิ่งก้านสาขา รวมถึงส่วนของยอดอ่อนด้วย ในขณะที่ต้นชะอมไร้หนามเกือบจะไม่มีหนามเลย หรือจะพบหนามบ้างเหมือนกันแต่น้อยมาก จะพบเพียงหนามอ่อนห่างๆ เท่านั้น

ข้อแตกต่างของชะอมทั้ง 2 ชนิด ป้าดอกไม้อธิบายว่า ยอดชะอมที่มีหนามจะมีกลิ่นแรงกว่ายอดชะอมไร้หนาม แต่สำหรับรสชาติเมื่อนำไปประกอบอาหารจะใกล้เคียงกันจนแยกไม่ออก แต่กลับรู้สึกว่าชะอมไร้หนามรับประทานง่ายกว่า เพราะไม่มีหนามให้กวนใจเวลารับประทาน

สำหรับเกษตรกรที่คิดจะปลูกชะอมนั้น ชะอมไร้หนามจะสะดวกในเรื่องของการเก็บเกี่ยวยอดเป็นอย่างมาก เนื่องจากการที่ต้นหรือกิ่งไม่มีหนาม ทำให้เก็บได้ค่อนข้างรวดเร็ว และไม่ถูกหนามทิ่มแทงมือหรือร่างกาย

นิสัยของการแตกยอดพบว่า พันธุ์ที่มีหนามจะให้ยอดน้อยและแตกยอดช้ากว่าชะอมไร้หนาม ป้าดอกไม้ได้ย้ำว่าลักษณะของการแตกยอดจะเห็นได้ชัดมากในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ยอดชะอมมีราคาแพงที่สุด ราคาจะสูงถึงกำละ 10-15 บาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชะอมในท้องตลาดมีน้อย จะเห็นได้ชัดเลยว่าต้นชะอมไร้หนามให้ยอดที่ดีกว่าอย่างชัดเจน

การขยายพันธุ์ชะอมไร้หนาม ป้าดอกไม้ได้บอกถึงวิธีการขยายพันธุ์ชะอมไร้หนาม จะแบ่งเป็น 2 วิธี คือ การตอนกิ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะรวดเร็วและออกรากได้ดี โดยคัดเลือกกิ่งที่จะตอนไม่ให้แก่และอ่อนจนเกินไป

ขั้นตอนเหมือนกับการตอนไม้ผลทั่วไป คือเลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบูรณ์ปราศจากโรคและแมลง ควั่นกิ่งด้านบนและด้านล่าง ให้ห่างกันสัก 3-4 ซม. ใช้ปลายมีดลอกเอาเปลือกชะอมออก แล้วขูดเยื่อเจริญที่เป็นเมือกลื่นๆ ออก จะทาด้วยน้ำยาเร่งรากหรือไม่ก็แล้วแต่ เพราะชะอมเป็นพืชที่ออกรากได้ง่าย แต่ถ้าทาด้วยน้ำยาเร่งรากก็จะยิ่งดีขึ้นอีก หุ้มด้วยขุยมะพร้าวที่แช่น้ำมาล่วงหน้าสัก 1 คืน แล้วบีบน้ำออกให้หมาดน้ำ อัดลงในถุงพลาสติก

เมื่อทำแผลตอนเสร็จ ผ่าครึ่งถุงพลาสติกที่อัดขุยมะพร้าวและนำไปหุ้มบริเวณที่ลอกเปลือก มัดด้วยเชือกหรือตอกไม้ไผ่ ทั้งบนและล่างรอยแผลตุ้มตอนให้แน่น หลังจากนั้นประมาณ 40-50 วัน เมื่อกิ่งตอนมีรากเต็มตุ้มตอนและเริ่มแก่เป็นสีเหลืองอมสีน้ำตาล ปลายรากมีสีขาวและมีจำนวนรากมากพอ จึงตัดกิ่งตอนได้ ก็สามารถตัดไปปลูกในแปลงได้เลย ไม่ต้องชำลงถุงให้เสียเวลา เมื่อนำกิ่งตอนปลูกลงดิน ต้นชะอมจะตั้งตัวได้เร็ว การจำหน่ายกิ่งตอนจึงจำหน่ายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ที่สร้างเงินสำหรับการทำไร่ชะอมไร้หนาม หรือจะชำลงถุงดำ เลี้ยงให้แข็งแรงก่อนนำไปปลูกหรือรอการจำหน่าย

ส่วนการขยายพันธุ์อีกวิธีหนึ่งคือ การปักชำ ป้าดอกไม้จะเลือกกิ่งชะอมไร้หนามมาปักชำนั้นจะต้องเลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป โดยดูลักษณะจากสีกิ่งจะมีสีขาวจนถึงขาวอมเขียว หรือกิ่งที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี นับแต่วันที่แตกยอดออกมา แต่ต้องไม่เป็นกิ่งที่แก่จัดจนเกินไป เพราะรากและยอดจะแตกน้อย ตัดเป็นท่อนให้มีความยาวประมาณ 20-30 ซม. ชำลงในถุงดำที่มีขี้เถ้าแกลบดำเป็นวัสดุปลูกหลัก เทคนิคในการปักท่อนพันธุ์ ควรจะให้กิ่งเอียงประมาณ 45 องศา ปักให้ลึกลงไปในขี้เถ้าแกลบ 10 ซม. นำกิ่งที่ปักชำมาวางไว้บริเวณที่มีแสงรำไรหรือมีสแลนพรางแสง 60% รดน้ำให้ชุ่มอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

หลังจากปักชำไปได้ประมาณ 45-60 วัน กิ่งชำจะมีรากและใบอ่อนแตกออกมา แต่ป้าดอกไม้ไม่นิยมขยายพันธุ์ชะอมไร้หนามด้วยวิธีการปักชำ เนื่องจากพบว่าต้นชะอมไร้หนามที่ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ เมื่อนำมาปลูกลงแปลงจะเจริญเติบโตช้ากว่าปลูกด้วยกิ่งตอน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะปริมาณรากจะน้อยกว่ากิ่งชะอมที่ได้จากกิ่งตอน

อย่างไรก็ดี มีข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการนำกิ่งชะอมไร้หนามที่ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำเพื่อปลูกลงแปลง ควรจะปลูกในช่วงฤดูฝน จะพบอัตราการรอดตายสูง

การปลูกและการบำรุงรักษา สำหรับเกษตรกรที่เริ่มต้นปลูกชะอมไร้หนามในแปลงใหม่ ป้าดอกไม้ได้แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการเตรียมพื้นที่ปลูก โดยการไถพรวน ปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ ถ้าเป็นที่ลุ่มต่ำให้ยกแปลงเพื่อป้องกันน้ำขังแฉะ นิสัยชะอมชอบน้ำแต่กลัวน้ำขังแฉะ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่า

หลังจากนั้น ขุดหลุมปลูกให้มีความกว้าง ยาว และลึก ประมาณ 20 ซม. ผสมดินที่ขุดมาจากหลุมด้วยปุ๋ยคอกเก่า อัตรา 2 กำมือ และคลุกเคล้าปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ เช่น 16-16-16, 19-19-19 ฯลฯ ลงไป อัตรา 1 ช้อนแกง ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 1×1 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะสามารถปลูกต้นชะอมไร้หนามได้ประมาณ 1,600 ต้น

ซึ่งป้าดอกไม้อธิบายว่าเป็นระยะปลูกที่กำลังดี ทำให้สะดวกในการเดินเก็บยอด การปลูกหลังจากที่ขุดหลุมปลูกลึกประมาณ 10 ซม. หรือขุดดินราว 1 หน้าจอบ คลุกเคล้าผสมปุ๋ยเสร็จเรียบร้อยที่ปากหลุม นำกิ่งตอนชะอมไร้หนามที่เตรียมไว้แกะถุงพลาสติกที่หุ้มรากออก วางกิ่งชะอมให้อยู่ส่วนกลางของหลุม กลบดินและอัดให้แน่น รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือนแรกที่ปลูก ต้นชะอมไร้หนามจะตั้งตัวได้และพบการแตกยอดอ่อนเป็นพุ่มและสามารถเก็บเกี่ยวยอดส่งขายได้เลย

ป้าดอกไม้อธิบายอีกว่า ชะอมเป็นพืชที่หลังจากปลูกไม่นานก็จะแตกยอดให้เก็บได้ทันทีในช่วงเวลา 1 เดือนเศษเท่านั้น แต่จะเริ่มให้ผลผลิตแบบเต็มที่ในราวๆ 5-6 เดือนขึ้นไปหลังการปลูก เพราะต้นชะอมจะเริ่มเป็นทรงพุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ป้าดอกไม้บอกว่าเมื่อต้นชะอมตั้งตัวได้แล้วการตัดยอด ตัดได้ทุกๆ 3-5 วัน สำหรับต้นชะอมเล็ก แต่ถ้าเป็นต้นชะอมใหญ่ที่มีอายุต้นเกิน 1 ปี จะเก็บยอดได้ทุกๆ 2-3 วัน

ในกรณีที่เก็บยอดครั้งแรกไปแล้วหรือกรณีที่เกษตรกรตัดยอดไม่ทันหรือยอดเดิมเมื่อแก่เกินไป ยอดอ่อนใหม่จะโตมาแทนที่

อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บยอดชะอมจะต้องใช้กรรไกรตัด แทนการใช้มือเด็ด นอกจากสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลช้ำที่ยอดด้วย เนื่องจากการปลูกชะอมไร้หนามจะต้องมีการเก็บยอดเป็นประจำ

ส่วนระบบการให้น้ำจะจำเป็นมาก จะต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นต้นที่ปลูกใหม่จะให้น้ำอาทิตย์ 2-3 ครั้ง (การให้น้ำสังเกตจากหน้าดินและสภาพอากาศประกอบ เช่น ในหน้าร้อนก็ต้องให้น้ำบ่อยขึ้น เป็นต้น) แต่ถ้าเป็นต้นชะอมอายุเกิน 1 ปีไปแล้วก็จะให้น้ำน้อยลง จะเหลือเพียง 10-15 วันครั้งเท่านั้น เพราะใบจะปกคลุมดิน ทำให้ดินรักษาความชื้นได้นาน

อีกอย่างหากช่วงไหนที่จะต้องการช่วยให้ชะอมแตกยอดได้ดี หรือถ้าเห็นว่าชะอมมีราคาสูง การเปิดน้ำช่วยร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมี ยูเรีย 46-0-0 จะช่วยกระตุ้นการแตกยอดได้ดีมาก ที่แปลงปลูกชะอมไร้หนามของป้าดอกไม้ อินอ้น จะใช้ระบบน้ำแบบสปริงเกลอร์ที่ยกสูงมาจากพื้นดิน ประมาณ 1.50 เมตร โดยให้มีความสูงกว่าต้นชะอม ประโยชน์ทางหนึ่งนอกจากสะดวกเรื่องการให้น้ำคือ มองเห็นระบบน้ำว่าทำงานได้ดี ไม่รั่วหรืออุดตัน ถ้าอยู่ข้างล่างใต้ต้นชะอมอาจจะมองไม่เห็น

Related Posts

ไอเดีย สร้างอาชีพเสริมแบบไม่ต้องรอพร้อม ‘เช่าที่ปลูกดอกไม้กินได้’
อดีตพนักงานห้าง ปิ๊งไอเดีย ขายผักน้ำพริก เริ่มต้นแพ็กละ 10 บาท โกยรายได้ครึ่งแสนต่อเดือน
ออกจากงานประจำ มาขาย "เตยหอม" เจาะกลุ่มโรงงานขนม ร้านดอกไม้ พ่อค้าแม่ค้า วันละ 900-1,000 กิโลกรัม
สบายใจ ไม่รวย แต่พอกิน! คนรุ่นใหม่ทำเกษตร ปลูกผักสลัดบนดอย มีรายได้หลักหมื่น