รอบโลก
สร้างรายได้เป็นล้าน! อาชีพนักชิมอาหารลับ เพียงแค่เขียนรีวิว และทำประเมินก็รับทรัพย์ไปแบบปังๆ ทุกคนรู้ไหมว่า “อาชีพนักชิมอาหารลับ” เป็นการไปร้านอาหารแล้วทำการประเมิน แบบไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ก็สามารถสร้างรายได้ได้ถึงหลักล้าน อย่างเช่นเรื่องราวของ Cliff Smith (คลิฟ สมิธ) ที่อาศัยอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นผู้ประเมินให้กับ EyeSpy Critiquing & Consulting บริษัทรับจ้างประเมินแบบลับ ซึ่งสมิธทำงานมานานหลายสิบปี ทำให้มีรายได้หลายหมื่นดอลลาร์ หรือเทียบเป็นเงินไทย ประมาณ 1,400,000 บาท จุดเริ่มต้นเป็นนักชิมลับ Cliff Smith (คลิฟ สมิธ) เริ่มต้นเป็นนักชิมลับกับ EyeSpy มากว่า 20 ปี โดยเพื่อนๆ ของเขารู้จักกับ Mistie Boulton ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นกลุ่มคนแรกๆ ที่ได้ทำ เขาเล่าว่า “เราก็คิดว่ามันดี ที่ได้ทานอาหารฟรีในร้านอาหารหรูหรา เพียงแค่แลกกับการเขียนรีวิวประสบการณ์ที่ได้มา” เขาก็ไม่ได้รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที แต่พอตกงานและเริ่มเป็นติวเตอร์คอร์ส GMAT เขาก็หันมาทำอาชีพเสริมนี้ เพื่อที่จะรับประทานอาหารนอกบ้านได้ โดยทั่วไปแล้ว เขาจะประเมินประมาณ 3 ร้านต่อเดือน และงานนี้ได้พา
สวัสดิการเกินต้าน เอาใจสายแอลฉ่ำ ทำงานไปกรึ๊บไป แฮ้งก็ลาได้เลย ทุกวันนี้ องค์กรธุรกิจต่างสรรหาสวัสดิการหลากหลายรูปแบบเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เบี้ยขยัน สมาชิกศูนย์ฟิตเนส คูปองอาหารฟรี หรือการทำงานแบบยืดหยุ่น แต่ถ้ายังไม่โดนใจ ลองพิจารณาไอเดียสุดแหวกแนวของบริษัทในญี่ปุ่นที่นำเสนอให้พนักงานดื่มในเวลางานได้ พร้อมจัดหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ให้ฟรี แถมยังมีสวัสดิการลาหยุดแปลกใหม่อีกด้วย เว็บไซต์ odditycentral.com ระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก “ทรัสต์ ริง” (Trust Ring) ในย่านมิโดริบาชิของโอซาก้า เป็นเจ้าของไอเดียนอกกรอบนี้ โดยเจ้านายจะนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเอง และดื่มฉลองกับพนักงานอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสุดล้ำที่มุ่งดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้ร่วมงานกันไปยาวๆ ยิ่งไปกว่านั้น หากพนักงานดื่มหนักเกินไป ก็สามารถยื่นใบลากรณีเมาค้างแล้วเข้างานได้สายกว่าปกติ ไม่ต้องเนียนลาป่วย ลากิจ พนักงานสาวรายหนึ่ง เล่าว่า เธอยื่นใบลาเมาค้าง แล้วเข้าออฟฟิศไปเริ่มงานตอนเที่ยง ซึ่งทำให้มีเวลานอนพักเพิ่มขึ้น 2-3 ชั่วโมง ช่วยให้รู้สึกสมองปลอดโปร่ง และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซีอีโอของ “
เพราะยุคนี้เครียดเกินไป ความสุขเล็กน้อยจึงช่วยฮีลใจ “ธุรกิจเกาหลัง” บริการสุดแปลก ที่ยอมจ่ายชั่วโมงละ 4,000 บาท ผ่อนคลายด้วยเสียง ASMR หากพูดถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคนี้ ทั้งเต็มไปด้วยความเร่งรีบและกดดัน อย่างในประเทศไทยเอง พบว่า ผู้คนมีความเครียดสูงถึง 15.48% (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 22 เมษายน 2567) หลายคนจึงเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตมากขึ้น และเริ่มมองหาวิธีขจัดความเครียด เพื่อไม่ให้เกิดเป็นความเครียดสะสม ทั้งนี้ การจัดการกับความเครียดในแต่ละคนอาจมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป อาจจะผ่อนคลายด้วยการนวด ทำสปา หรือการทำโยคะ แต่สำหรับผู้ที่มองหาวิธีผ่อนคลายที่แตกต่างและไม่ธรรมดา ธุรกิจเกาหลัง แขน ศีรษะ กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยยอมจ่ายเงินหลายร้อยดอลลาร์เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษนี้ ตามรายงานจาก The Wall Street Journal บริการเกาจากผู้เชี่ยวชาญ โทนี จอร์จ หญิงวัย 55 ปี เจ้าของร้าน The Scratcher Girls ในไมอามี เธอคิดค่าบริการ 130 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,000 บาท) ต่อการเกา 1 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ “การเ
ทาสเปย์หนัก ปรนเปรอกันเข้าไป ตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงที่ญี่ปุ่น มูลค่ามหาศาล เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในประเทศที่อัตราการเกิดต่ำอย่างญี่ปุ่น เพื่อนรักสี่ขากลับมีจำนวนมากกว่าประชากรเด็ก “อีโคโนมิสต์” ระบุไว้เมื่อปีที่แล้วว่า จำนวนสัตว์เลี้ยงที่ส่วนใหญ่เป็นสุนัขและแมว อยู่ที่ 15.9 ล้านตัว ในขณะที่จำนวนเด็กอายุไม่เกิน 14 ปี อยู่ที่ 14.2 ล้านคน “ไมนิจิ” รายงานว่า แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงหันมาเกาะกระแสตลาดสินค้าหรูเพื่อเอาใจบรรดาเจ้าของที่ต้องการปรนเปรอสมาชิกสี่ขาของครอบครัว อย่างกรณีของ “อิออน เพ็ต” (Aeon Pet) ธุรกิจในเครือห้างอิออน ก็เริ่มขายเค้กคริสต์มาส และ “โอเซจิ” หรือสำรับอาหารสำหรับเทศกาลปีใหม่ที่คิดค้นเพื่อสุนัขและแมว ตอบโจทย์ทาสที่อยากเฉลิมฉลองช่วงเวลารื่นเริงกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก โอเซจิบางชุด มีราคาสูงกว่า 10,000 เยน หรือกว่า 2,200 บาท ส่วนชุดแพงที่สุดสนนราคาอยู่ที่ 16,500 เยน หรือกว่า 3,600 บาท ซึ่งเหล่าทาสก็พร้อมควักเงินจ่ายไม่ว่าจะราคาแพงแค่ไหน ตราบเท่าที่คุณภาพเป็นไปตามที่ต้องการ โอเซจิเพื่อเจ้านาย มักประกอบด้
ธุรกิจมาแรง! เปิดออฟฟิศหลอก เป็นทางออก คนไม่อยากบอก เรื่อง “ตกงาน” คนรุ่นใหม่ในจีนกำลังเผชิญปัญหาว่างงานมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซาและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้น บางส่วนถูกเลย์ออฟ บางส่วนเพิ่งเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยกลับหางานไม่ได้ กลายเป็นความกดดันที่ต้องแบกรับ เพราะไม่ต้องการบอกครอบครัว หรือบากหน้ากลับไปเกาะพ่อแม่กินจนเป็นขี้ปากเพื่อนบ้าน ตอนนี้มีบริการใหม่ในจีนที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ นั่นคือ เปิดออฟฟิศให้แกล้งไปนั่งทำงานแบบหลอกๆ เป็นทางออกชั่วคราวสำหรับคนที่ไม่อยากบอกเรื่องตกงานกับใคร “เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์” รายงานว่า มีหลายบริษัทหันมาให้บริการพื้นที่สำหรับทำงานหลอกๆ ยกตัวอย่างบริษัทแห่งหนึ่งในมณฑลเหอเป่ยที่เปิดให้บริการนี้ในราคาวันละ 30 หยวน หรือประมาณ 150 บาท พื้นที่ออฟฟิศเปิดให้เข้าใช้บริการ ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. มีอุปกรณ์สำนักงานไว้พร้อม รวมอาหารกลางวันด้วย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถรักษาภาพของการมีงานทำเอาไว้ได้ บริการประเภทนี้แพร่หลายมากขึ้น บางแห่งถึงขั้นเปิดให้สร้างภาพเป็น “เจ้านาย” พร้อมอุปกรณ์ประกอบอย่างเก้าอี้หนัง บริการพื้นที่สำหรับแกล้งทำงานป
ผู้บริโภคจีน ใช้เงินคลายเหงา มูลค่า “เศรษฐกิจหาเพื่อน” แตะ 5 หมื่นล้านหยวน ทุกวันนี้ผู้คนใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่มากขึ้น นำไปสู่ความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว แม้จะมีโซเชียลมีเดียเชื่อมโยงกับเพื่อนได้ แต่หลายคนกลับยอมจ่ายเงินเพื่อให้คนแปลกหน้ามาเป็นเพื่อนคุย “เซาท์ไชนา มอร์นิ่ง โพสต์” รายงานเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในจีน พร้อมหยิบยกข้อความที่โพสต์ในแพลตฟอร์ม “เสี่ยวหงชู” (Xiaohongshu) ซึ่งผู้คนแห่ติดแฮชแท็ก “เพื่อนคุย” เพื่อหาใครสักคนที่พร้อมจะซื้อหรือขาย “เวลา” เพียงไม่กี่นาทีในการพูดคุยกับคนแปลกหน้า หนึ่งในโพสต์เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า “มีใครพร้อมคุยด้วยไหม ฉันจ่ายไม่อั้น” ภายในไม่กี่ชั่วโมง ผู้ใช้งานรายนี้ก็ได้รับคำตอบจำนวนมากจากผู้คนที่ต้องการเสนอขายบริการพูดคุย แฮชแท็กแบบนี้มีผู้คนเข้าชมหลายล้านครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงผู้บริโภคชาวจีน ที่ต้องการใช้เงินคลายเหงามากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริโภคตามอารมณ์ จีน มีประชากรโสดเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยยอมควักจ่ายแลกกับการมีเพื่อนแบบหลอกๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุยออนไลน์กับคนแปลกหน้า ไปจนถึงสวมบทบาทเสมือนจริง “หวัง ผาน” อาจารย์ด
ส่ง “บอส” ไปหาเงินเข้าบ้าน เมื่อ พนักงาน 4 ขา รับค่าจ้างเฉพาะขนม ผู้คนสมัยนี้นิยมเลี้ยงสัตว์มากขึ้น และดูแลราวกับเป็นลูกแท้ๆ ข้าวของเครื่องใช้ก็ราคาไม่ใช่น้อยๆ บางทีแพงกว่าของใช้ทาสเสียอีก คงจะดีไม่น้อย ถ้าบรรดาสัตว์เลี้ยงแสนรักเหล่านี้ ออกไปทำงานหารายได้มาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายได้บ้าง เจ้าของจะได้ไม่เหนื่อยอยู่คนเดียว ตอนนี้การจ้างพนักงานสี่ขาเข้าทำงานเกิดขึ้นจริงแล้วที่คาเฟ่ในเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยนของจีน และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น CNN หยิบยกเรื่องราวของ “เจน สเว” นักศึกษาปริญญาเอก วัย 27 ปี ที่ส่ง “เจ้าโอเค” สุนัขพันธุ์ซามอยด์ วัย 2 ขวบ ไปเป็นพนักงานที่คาเฟ่สุนัขชื่อ “เย่จงฮุ่ย” ในเมืองฝูโจวตั้งแต่กลางเดือนกันยายน เธอเล่าความรู้สึกว่า เหมือนกับเวลาพ่อแม่ส่งลูกไปโรงเรียน เธออยากให้เจ้าโอเค ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่าง ได้เล่นกับเพื่อนๆ ตัวอื่น จะได้ไม่รู้สึกเหงา เพราะเธอจะมีเวลาพาออกไปเล่นข้างนอกเฉพาะวันหยุดเท่านั้น น่าสนใจว่า การส่ง “เจ้าโอเค” ไปคาเฟ่ นอกจากจะได้เล่นกับเพื่อนๆ แล้ว ยังช่วยประหยัดรายจ่ายด้วย เพราะถ้าอยู่บ้านก็จะต้องเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนต้องจ่า
อาชีพใหม่ ตอบโจทย์การหย่าร้าง “สัปเหร่อความรัก” สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ คู่รักส่วนใหญ่เมื่อคบหาดูใจกันถึงจุดหนึ่งก็จะขยับไปสู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ บ้างก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจนแก่เฒ่า แต่ก็มีไม่น้อยที่ต้องแยกทางกันไป แน่นอนว่า เมื่อรักร้าวจนต้องเลิกรากัน สิ่งของที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แทนใจก็กลับกลายเป็นของที่ไม่อยากเห็น ยิ่งเป็นของชิ้นใหญ่อย่างภาพแต่งงาน ก็ไม่รู้จะวางแอบไว้ตรงไหนของบ้าน ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป เพราะมีอาชีพใหม่ที่ตอบโจทย์การหย่าร้าง และสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ “วอชิงตัน โพสต์” หยิบยกเรื่องราวของ “หลิว เหว่ย” ชาวจีนวัย 42 ปี ที่เรียกตัวเองว่า “สัปเหร่อของความรัก” มีอาชีพทำลายความทรงจำของอดีตคนเคยรักกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ชุดแต่งงาน หรือของขวัญต่างๆ ก่อนหน้านี้ “หลิว” เริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ จากการรับทำลายเอกสารและข้อมูลส่วนบุคคล แต่เพิ่งทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการรับทำลายรูปภาพแต่งงานเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่ยังไม่มีคนทำ แต่มีลูกค้าจำนวนมาก ในระหว่างปี 2559-2563 มีจำนวนการหย่าร้างในจีนมากกว่า 4 ล้านคู่ ส่งผลให้รัฐบาลต้องปรับแก้กฎหมายให้การหย่าร้างมีขั้น
ราเมนพร้อมดื่ม เมนูแห่งยุคสมัย ใช้มือข้างเดียว ที่เหลืออีกข้าง ทำกิจกรรมอื่น ในบรรดาอาหารที่กินง่ายสุดๆ คงหนีไม่พ้น “ราเมน” หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นตัวช่วยยอดฮิตสำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่ทำให้อิ่มท้องได้ แถมสะดวกปรุงและใช้เวลาไม่นาน แม้จะสะดวกขนาดนี้แล้ว แต่ผู้บริโภคบางกลุ่มในญี่ปุ่นก็ยังต้องการมากกว่านั้น โดยเฉพาะบรรดาเกมเมอร์ที่รู้สึกหิวในระหว่างเล่นเกม จะเลิกเล่นกลางทางก็เสียดาย จะไปต่อก็ท้องร้อง เว็บไซต์ soranews24 ระบุว่า การทำราเมนนั้นแสนจะง่ายดาย แค่เทน้ำร้อนลงไปแล้วปล่อยไว้สัก 3 นาทีให้เส้นสุกพอดี ถือเป็นการเตรียมอาหารที่รวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ มาก แต่เวลาจะกิน มือข้างหนึ่งก็ต้องถือถ้วย อีกมือหนึ่งก็คีบตะเกียบ เลยไม่สามารถเล่นเกมได้ ยกเว้นเกมแนวเต้นที่ใช้แค่การขยับแข้งขา นี่จึงเป็นที่มาของ “บูสต์ นูเดิล” (Boost Noodle) ราเมนสำเร็จรูปพร้อมดื่ม ซึ่งออกแบบมาสำหรับการกินโดยใช้มือเพียงข้างเดียว เหลือมืออีกข้างไว้เล่นเกมหรือทำสิ่งต่างๆ “บูสต์ นูเดิล” มาในซองบรรจุของเหลวที่มีฝาจุกติดอยู่สำหรับเปิดกิน ซึ่งเป็นไอเดียที่พัฒนาโดยบริษัท “นิปปอน แฮม” (Nippon Ham) ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ราเมนพ
ซื้อขนมลดราคา นอนวัดแทนโรงแรม ไลฟ์สไตล์ Gen Z จีน เปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในจีนกำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคในอีกหลายปีข้างหน้า “นิกเกอิ” รายงานว่า คนจีน เจเนอเรชัน Z อายุระหว่าง 15-29 ปี ที่มีจำนวน 18.4% ของประชากรทั้งประเทศ 1.4 พันล้านคน ถือเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการบริโภคอย่างมาก แต่ตอนนี้พวกเขาเผชิญความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงอัตราการว่างงานที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนในกลุ่มอายุอื่นๆ แรงกดดันดังกล่าวส่งผลให้การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในจีนเปลี่ยนไป โดยหันมาประหยัดและใช้จ่ายแบบมีเหตุผลมากขึ้น จากเดิมที่คนกลุ่มนี้เติบโตมาในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู “จาง รู่” หญิงสาววัย 24 ปี เป็นตัวอย่างของความเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาเธอไม่เคยกินข้าวในโรงอาหารที่เต็มไปด้วยเมนูอาหารราคาย่อมเยาอย่างผัดผักกาดขาวกับหมูสามชั้น ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมของบรรดาผู้สูงวัย แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นลูกค้าประจำของโรงอาหารไปแล้ว เพราะช่วยคุมค่าอาหารไม่ให้เกิน 100 หยวนต่อวัน หรือประมาณ 500 กว่าบาท และคนวัยเดียวกับ “จาง