กล้วยไข่
ในวันนี้ กล้วยไข่ กลายเป็นผลไม้ขายดี ติดตลาด ไม่แพ้ กล้วยชนิดต่างๆ ความจริง กล้วยไข่ เป็นไม้ผลที่ปลูกง่าย หากใครมีพื้นที่ว่างในสวนหลังบ้าน ก็สามารถหาพันธุ์กล้วยไข่มาปลูกและบำรุงรักษาให้เจริญเติบโตได้ไม่ยาก แค่ใช้เวลาปลูกดูแลไม่นานก็จะได้ผลผลิตให้เก็บกินและเก็บขายได้ การปลูก-ดูแล กล้วยไข่ เป็นไม้ผลที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไปในพื้นที่ราบ ต้นกล้วยไข่เติบโตได้ดี ในสภาพดินร่วนซุยค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ “ฤดูฝน” เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการปลูกกล้วยไข่ เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ปลูกต้นกล้วยไข่ในพื้นที่โล่งมากเกินไป เพราะหากเจอปัญหาลมพัดแรง จะเสี่ยงทำให้ต้นกล้วยไข่หักโค่นล้ม หรือหักครึ่งต้นได้ในระยะตกเครือ หากเป็นไปได้ ควรปลูกไม้กันลมไว้ด้วยจะยิ่งดี ก่อนปลูก ควรไถดะไถแปรทั้งแปลง ตากดินไว้ 5-7 วัน ขุดหลุมลึกและกว้าง 50 เซนติเมตร คลุกดินที่ขุดขึ้นจากหลุมกับปุ๋ยคอกเก่า รองก้นหลุมด้วยใบไม้หรือฟางข้าวแห้ง เกลี่ยดินที่ผสมไว้กลับลงหลุมวางหน่อกล้วยลงหากต้องการให้ต้นกล้วยตกเครือในทิศทางเดียวกัน ให้หันรอยแผลที่ตัดแยกจากต้นแม่ไปทิศทางเดียวกัน กลบหน่อกล้วยให้ลึกประมาณ
“กล้วยไข่กำแพงเพชร” เป็นไม้ผลที่เคียงคู่กับจังหวัดมาช้านาน คุณภาพกล้วยไข่กำแพงเพชรมีจุดเด่นของรสหวาน เนื้อในนุ่ม เหนียว กลิ่นหอม ผลสวย อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะจึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคแล้วยังผูกพันกับขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของท้องถิ่นคืองานเทศกาลสารทไทย จึงกลายเป็นไม้ผลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ปัญหาสำคัญของกล้วยไข่ไม่ได้เกิดจากการปลูก แต่เกิดจากปัจจัยภายนอกคือภัยธรรมชาติและโรคพืชที่สร้างความเดือดร้อนจนชาวสวนกล้วยจำนวนหลายรายถอดใจเลิกปลูก กระทั่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่และจำนวนผลผลิตที่ลดลงอย่างน่าตกใจ มีความพยายามจากทั้งภาคราชการและชาวบ้านต่างเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาแล้วฟื้นฟูส่งเสริมการปลูกกล้วยไข่พันธุ์ดั้งเดิมให้มีคุณภาพในเชิงบูรณาการตั้งแต่การปลูก การแปรรูป และการตลาด สร้างมาตรฐานขยับสู่วิสาหกิจชุมชนและแปลงใหญ่จนได้รับการขึ้นทะเบียน (GI) หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ มีตลาดรองรับทั้งร้านอาหาร ห้าง และตลาดผลไม้ คุณนพพล เทพประถม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฟื้นฟูกล้วยไข่เมืองกำแพงเพชร และควบตำแหน่งประธานกลุ่มแปลงใหญ่กล้วยไข่อำเภอเมือง ถือเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญต่อภารกิจการฟื้นฟูเพื่ออนุรักษ์กล้วยไ
จังหวัดกำแพงเพชร นับเป็นแหล่งปลูกกล้วยไข่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่เพาะปลูก และสภาพอากาศเหมาะแก่การเจริญเติบโต ประกอบกับเกษตรกรในพื้นที่มีความชำนาญในการปลูกกล้วยไข่มายาวนาน ส่งผลให้กล้วยไข่ของจังหวัดกำแพงเพชรมีคุณภาพสูง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยประเทศส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และฮ่องกง สถานการณ์ผลิตกล้วยไข่ของจังหวัดกำแพงเพชร ปี 2565 พบว่า มีพื้นที่ปลูกกล้วยไข่ 2,213 ไร่ เกษตรกรผู้ปลูก 461 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเมืองกำแพงเพชร 1,204 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 54 ของพื้นที่ปลูกทั้งจังหวัด เกษตรกรนิยมปลูกกล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีลักษณะโดดเด่น ผิวเปลือกบาง ผลเล็ก เนื้อมีสีเหลือง รสชาติหวาน และที่สำคัญกล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชรยังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 โดยปัจจุบันมีเกษตรกรที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จำนวน 74 ราย พื้นที่ปลูกรวม 361 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเ
ปัจจุบัน พื้นที่ปลูกกล้วยไข่ในเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยเริ่มมีมากขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากกล้วยไข่ไทยมีการส่งออกมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนผลผลิตไม่พอต่อการส่งออก โดยเฉพาะตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีนและฮ่องกง มีการสั่งซื้อมากที่สุด “กล้วยไข่” จัดเป็นกล้วยที่มีผลขนาดเล็ก นิยมนำมารับประทานแบบผลสด มีรสชาติหอมและอร่อย กล้วยไข่สามารถปลูกได้ในเกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทย และเกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตการปลูกได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแหล่งผลิตกล้วยไข่ 5 อันดับที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ จันทบุรี และเพชรบุรี โดยเฉพาะชาวจีนติดใจในรสชาติของกล้วยไข่ คือ ความอร่อยและมีกลิ่นหอม เหตุผลหลักอีกประการหนึ่งของความนิยมกล้วยไข่ไทย กล้วยไข่เป็นไม้ผลที่จัดระบบการปลูกแบบปลอดภัยไม่ต้องใช้สารปราบศัตรูพืชมาก หรือถ้าใช้ก็น้อยมากๆ คนจีนกลับไม่ชอบบริโภคกล้วยหอมเหมือนชาวต่างชาติอื่นๆ เนื่องจากเมื่อบริโภคมากๆ อาจจะทำให้จุกท้องได้ โดยจากข้อมูลพบว่า ประเทศที่สั่งซื้อกล้วยไข่จากประเทศไทยมาก คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน 70% และ ฮ่องกง 30% ศักยภาพของผลผลิตกล้วยไข่ ในพื้นที่ 1 ไร่ หากให้แนะนำตามหลักวิชาการคือ ระยะปลูกกล้วยไข่
มหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงเมื่อปลายปี 2554 ที่มีมวลน้ำก้อนมหึมา ถาถมเข้าใส่พื้นที่หลายจังหวัด นับตั้งแต่ตอนบนของประเทศเรื่อยมาจนถึงกรุงเทพมหานคร ในครั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งไม่ต่างจากความเดือดร้อนของคู่สามีภรรยาคือ ป้าสาวและลุงเนียร ในยามบั้นปลายของชีวิตที่บอกว่าไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน กระทั่งทำให้พื้นที่ทั้งหมดของตำบลบางม่วง จังหวัดนครสวรรค์ และพื้นที่อีกหลายแห่งต้องจมอยู่กับความสูงของระดับน้ำ 4 เมตร เป็นเวลานานถึง 2 เดือน ซาบซึ้งในโครงการหลักเศรษฐกิจพอเพียง ลาออกจากงาน เดินหน้าตามโครงการ ผู้เขียนได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 39/1 หมู่ที่ 2 ตำบลบางม่วง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปพบกับ ป้าสาว หรือ คุณมันทนา กลิ่นนิ่มนวล และ ลุงเนียร หรือ คุณจำเนียร กลิ่นนิ่มนวล คู่ชีวิตที่เพิ่งผ่านการต่อสู้กับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมมาไม่นาน เพราะทราบมาว่าท่านทั้งสองใช้ชีวิตคู่ด้วยการทำไร่นาสวนผสม ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ป้าสาว ในวัย 70 ปีเศษ เดิมเคยทำงานที่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ฝ่ายการเงิน แต่เมื่อซาบซึ้งในโครงการหลักเศรษฐกิจพอเพีย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยทีมนักวิจัยสรีรวิทยาวิทยาและอณูชีววิทยาของพืช ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ คิดค้นวิธีการลดและชะลอการตกกระของผลกล้วยไข่ด้วยเมทิลซาลิไซเลต ผ่านการควบคุมการตายของเซลล์อย่างเป็นระบบ (Programmed cell death) ซึ่งผลงานวิจัยนี้ได้ให้องค์ความรู้ใหม่ที่สร้างประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้จำหน่าย จากการเล็งเห็นความสำคัญและแก้ปัญหาคุณภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ภาคการเกษตรของประเทศ โดยเฉพาะการคงสภาพของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ชะลอไม่ให้เสียหายระหว่างการขนส่ง ไปจนถึงวางจำหน่าย เดิมประเทศไทยเพาะปลูกกล้วยไข่เพื่อการบริโภคในประเทศเพียงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ กล้วยไข่จึงเป็นหนึ่งในผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง ในปี 2564 มีมูลค่าการส่งออกมากถึง 210.5 ล้านบาท ทีมนักวิจัยฯ ประกอบด้วย ผศ.ดร.กอบเกียรติ แสงนิล, ผศ.ดร. อุษรา ปัญญา และ นายสิรวิชญ์ โชติกะคาม นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาชีววิทยา ค้นพบครั้งแรกว่าการตกกระของผลกล้วยไข่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการตายของเซลล์อย่างเป็นระบบ (programmed cell death) ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เป็นการตายของเซลล์เปลือกผลที่มีขั้นตอนและกระบวนการที
ในตอนแรกได้กล่าวถึงวิถีชีวิตของชาวลุ่มลำน้ำแม่ปิง กล่าวเอาไว้หลายหัวข้อของเมืองชากังราวหรือดินแดนกล้วยไข่ ที่คนรู้จักทั้งประเทศมาช้านานแล้ว ก่อนจะมาสร้างเขื่อนยันฮีที่มาจากต้นน้ำจากอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ แล้วไหลมาบรรจบจากภาคเหนือมาสู่อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เป็นที่ก่อสร้างเขื่อนยันฮีหรือเขื่อนภูมิพล ที่มีขนาดใหญ่ สร้างเสร็จในราวปี 2508-2509 ประมาณนั้น เป็นเพราะว่า ลำน้ำแม่ปิงเป็นสายเลือดของการเกษตรกรรม ประชาชนตามริมน้ำใช้อุปโภคบริโภคจนเป็นวัฏจักรหมุนเวียนของการดำรงชีวิตตามบ้านที่อาศัยริมฝั่งน้ำมาจากบรรพบุรุษตกทอดกันช้านาน สำหรับในช่วงน้ำหลาก ชาวนาในละแวกริมน้ำปิงสมัยกว่า 5 ทศวรรษ ได้เห็นชาวนาสร้างระหัดวิดเอาน้ำผันขึ้นมาจากน้ำปิงเข้าสู่พื้นนาเพื่อเอาไว้ปลูกข้าว ทำนาเป็นวิถีชีวิตที่ผู้เขียนได้เคยเห็นทันสมัยยังเป็นเด็ก พอหลังน้ำเริ่มลดลงจากน้ำหลาก ได้เห็นวิถีชีวิตชาวอำเภอคลองขลุงหันมาตกปลา เป็นผลพลอยได้จากน้ำป่าไหลบ่ามาทางทิศตะวันตกในเขตป่าดงดิบ นำพาน้ำป่าหลากไหลท่วมท้องทุ่งนา บ้านเรือนของชาวอำเภอคลองขลุง กระแสน้ำป่าหลากไหล มีทั้งปู ปลา หลากหลายชนิด แถมมีปลิงเข็ม ปลิงควาย ที่ผู้เขียนโดน
ตำบลตะเคียนเลื่อน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา อาชีพหลักส่วนใหญ่ของประชาชนในตำบลคือ การทำไร่ ทำสวนผลไม้ ซึ่งมีหลากหลายชนิดตามฤดูกาล ต่อมามีการนำพันธุ์กล้วยไข่จากจังหวัดกำแพงเพชรมาปลูก และมีการขยายพื้นที่ปลูกออกไป จึงเกิดการเรียนรู้ การปรับปรุง การพัฒนาคุณภาพการผลิตขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วประเทศ ต่อมาได้รับคำแนะนำ รวมทั้งเงินทุนในด้านการบริหารจัดการจากทางราชการ จึงมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่ และกลุ่มแม่บ้านแปรรูปอาหารจากผลไม้ตามฤดูกาลขึ้น รวมถึงการผลิตและการจำหน่ายผลไม้สดตามฤดูกาลทั้งในพื้นที่อำเภอ จังหวัด จังหวัดใกล้เคียง และต่างประเทศ ปัจจุบัน กล้วยไข่ตะเคียนเลื่อน นับเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครสวรรค์ นับเป็นผลไม้ที่หายากตลาดมีความต้องการสูง ด้วยจุดเด่นที่กล้วยไข่ของที่ตำบลตะเคียนเลื่อนมีขนาดผลที่ใหญ่ ผิวสวย รสชาติดี เพราะมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และสภาพพื้นที่เหมาะสมในการปลูกกล้วยไข่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเคยมีการทดลองนำกล้วยไข่ตะเคียนเลื่อนไปปลูกที่อื่นก็ไม่ได้ผลดีเหมื
กล้วยไข่ เป็นอีกไม้ผลที่ไม่เพียงมียอดจำหน่ายในประเทศสูง ขณะเดียวกัน ในกลุ่มตลาดผลไม้ที่ไทยส่งออกต่างประเทศถือว่ากล้วยไข่มียอดสูงในระดับที่น่าพอใจด้วยเช่นกัน ปัญหาประการหนึ่งของกล้วยไข่คือคุณภาพ ที่ผ่านมาพบว่าคุณภาพกล้วยไข่ยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าคุณภาพกล้วยไข่จะไม่ได้สร้างปัญหาต่อตลาดในประเทศก็ตาม แต่คงเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าชาวสวนปลูกกล้วยไข่ได้คุณภาพส่งขายต่างประเทศเพื่อจะได้ราคาสูง “กำแพงเพชร” เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องกล้วยไข่มาช้านาน เนื่องจากชาวบ้านปลูกกันมาตั้งแต่ปี 2465 ตลอดเวลานับแต่อดีตคุณภาพกล้วยไข่ของกำแพงเพชรสร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัด จนพูดกันติดปากว่า “กล้วยไข่กำแพง” แล้วที่สำคัญผลไม้ประจำถิ่นชนิดนี้ยังผูกพันกับขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของท้องถิ่นคือ งานเทศกาลสารทไทย กล้วยไข่เมืองกำแพงเพชร ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2424 เป็นต้นมา เมื่อปี 2556 ทีมงานเทคโนฯ ลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อจัดทำสกู๊ปพิเศษกล้วยไข่ ในคราวนั้นได้พูดคุยกับนักวิชาการเกษตรของจังหวัดพบว่า แต่เดิมมีพื้นที่ปลูกกล้วยไข่นับหลายหมื่นไร่ แต่มาประสบปัญหาภัยธรรมชาติกับโรคพืชจึงทำให้พื้นที่การ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ (ศนก.) เผยผลงานวิจัยพัฒนากล้วยไข่กำแพงเพชรต้นเตี้ย ….ช่วยสู้พายุฤดูร้อน ระบุแปลงกล้วยไข่ระยะที่ยังไม่ตกเครืออายุต้น 6 เดือน ที่ราดสารพาโคลบิวทราโซล สามารถต้านพายุฤดูร้อนได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เกษตรกรเจ้าของแปลงชี้ประโยชน์จากงานวิจัย ประสงค์ขยายผลราดสารเพิ่มเติมให้แก่กล้วยไข่ทั้งหมดในแปลงวิจัย …พร้อมกันนี้ วว. ได้แนะเทคนิคการฟื้นฟูต้นกล้วยไข่ที่ได้รับความเสียหายในแปลงจากพายุฤดูร้อน หวังช่วยเกษตรกรฟื้นฟูให้มีผลผลิตเหมือนเดิม นายสายันต์ ตันพานิช รองผู้ว่าการวิจัยพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. ชี้แจงว่า จากสถานการณ์ลมพายุฤดูร้อนบริเวณภาคกลางตอนบน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อแปลงปลูกกล้วยไข่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ของนายช่วงชัย พุ่มใย ซึ่งเป็นแปลงทดลองราดสารควบคุมการเจริญเติบโตสำหรับผลิตกล้วยต้นเตี้ยเพื่อทดสอบการต้านลมพายุภายใต้ “โครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตและมูลค่าของผลผลิต