การเลี้ยงโคเนื้อ
วันนี้เป็นอีกวันที่ได้พบปะพูดคุยกับคนมีอาชีพอิสระ คุณขจรศักดิ์ เบ็ญชัย อาชีพทนายความและเป็นอดีต ส.อบจ.สกลนคร เขตอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เจ้าตัวบอกว่า แม้จะมีอาชีพทนายความ และชอบทางการเมือง แต่สิ่งที่ไม่เคยทิ้งไปคือการทำนา ทำเกษตร เลี้ยงสัตว์ ที่พ่อแม่ และบรรพบุรุษ ยึดทำเป็นอาชีพหลัก และก็ได้ซึมซับเอาไว้ในตนเองตลอดเวลา เมื่อมีจังหวะและโอกาส ก็จะออกไปที่ทุ่งนา ป่าไม้ที่ซื้อหามาด้วยแรงกายของตนเองส่วนหนึ่ง คุณขจรศักดิ์ ได้ทดลองปลูกพืชหลากหลายชนิดในที่ดิน เช่น มะนาว มะละกอ มะม่วง ตลอดจนทุเรียน จำนวนมากว่า 100 ต้น ปรากฏว่าทุเรียนรอดมาเพียงต้นเดียว จึงซื้อวัว เป็ด ไก่ มาเลี้ยง เป็นเกษตรผสมผสาน แต่ก็มักเดินทางไปศึกษาหาความรู้จากเกษตรกรรายอื่นๆ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการลงทุนทำเกษตร โดยครั้งนี้คุณขจรศักดิ์ ได้ชวนไปศึกษาเกษตรแปลงใหญ่ด้านโคเนื้อ ที่บ้านตาดโตน ตำบลหนองสนม อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ใช้พาหนะเป็นรถปิกอัพ (กระบะ) มุ่งหน้าจากจังหวัดสกลนคร ตามถนนสายสกลนคร-อุดรธานี ผ่านหมู่บ้านดงมะไฟ ที่เป็นหมู่บ้านปั้นเตา ราว 40 กิโลเมตร ผ่านตัวอำเภอพรรณานิคม และวิ่งมาอีก 15 กิโลเมตร เข้าอำเภอพังโ
ปัจจุบันการเลี้ยงโคในหลายพื้นที่เกษตรกรเริ่มให้ความสำคัญกับการเลี้ยงแบบประหยัดต้นทุนมากขึ้น โดยแบ่งพื้นที่ทางการเกษตรของตนเองบางส่วนมาปลูกหญ้าสำหรับให้สัตว์ได้กิน ซึ่งการมีแปลงหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ของตนเองนั้น จึงช่วยให้สัตว์ที่เลี้ยงอย่างเช่นโคได้มีอาหารกินตลอดทั้งปี และช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตได้มากขึ้น ส่งผลให้เวลาที่ต้องจำหน่ายโคออกสู่ท้องตลาดแต่ละช่วงจึงสร้างผลกำไรมากขึ้น และไม่เกิดภาวะหนี้สิน และนอกจากนี้ ยังมีการรวมกลุ่มกันผลิตแปลงหญ้า หรือกลุ่มผู้เลี้ยงโคที่มีความเข้มแข็ง ทำให้สมาชิกภายในกลุ่มสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาร่วมกันแล้ว ในเรื่องของการทำตลาดสามารถต่อรองในการซื้อขายได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ไม่ถูกเอาเปรียบจากการจำหน่ายโคในแต่ละครั้งอีกด้วย คุณสีนวน กรุชวงษ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อลูกผสมชาวจังหวัดพิษณุโลก ได้แบ่งพื้นที่ของตนเองจากทำพืชไร่มาเลี้ยงโคเนื้อเพื่อสร้างรายได้ พร้อมกับปลูกทำแปลงหญ้าในพื้นที่ของตนเอง จึงทำให้โคภายในฟาร์มมีหญ้ากินตลอดทั้งปี ส่งผลให้การเลี้ยงโคสามารถประหยัดต้นทุนได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไ
รมช. เกษตรฯ มอบโล่รางวัลแปลงใหญ่ปศุสัตว์ดีเด่น ชูสหกรณ์โคขุนปางศิลาทองต้นแบบความสำเร็จ ขยายผลทั่วประเทศ ดันขุดบ่อบาดาลสร้างระบบน้ำที่ดีในแปลงใหญ่กว่า 1,000 บ่อ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีมอบโล่รางวัล ผลการประกวดแปลงใหญ่ปศุสัตว์ดีเด่น ปี 2562 ณ สหกรณ์โคขุนปางศิลาทอง ต.หินดาต อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ว่า การดำเนินโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่เป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ โดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน เป้าหมายลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต โดยมีคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ร่วมกับภาครัฐขับเคลื่อนการพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรแบบแปลงใหญ่ตามยุทธศาสตร์ 20 ปี ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องการพัฒนาเกษตรกรให้มีการบริหารจัดการร่วมกัน ครอบคลุมทั้งพืช ประมง และปศุสัตว์ ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการประกวดแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์ดีเด่น ประจำปี 2562 ขึ้น เพื่อพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถให้การดำเนินมาตรการมีประสิทธิภาพและบรรลุตามเป้าหมาย พร้อมทั้งเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของโครงการให้ปรากฏแก่สาธารณชน เป็นต้นแบบในการขยายผล การส่งเสริมการ
คุณธีราเมท โรจนวีรเดช อยู่บ้านเลขที่ 58/2 หมู่ที่ 6 ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความชื่นชอบในเรื่องของการเลี้ยงโคมาตั้งแต่เด็ก จนทำให้สิ่งที่เขารักและชอบได้นำมาประกอบเป็นงานยามว่าง และสร้างรายได้ให้กับเขาได้ตกปีละเป็นแสนบาทกันเลยทีเดียว คุณธีราเมท โรจนวีรเดช คุณธีราเมท หนุ่มผู้มากด้วยรอยยิ้มหวานอยู่บนใบหน้า เล่าให้ฟังว่า เริ่มเลี้ยงโคอย่างจริงจังตอนเขามีอายุได้ 18 ปี โดยนำเงินที่เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กที่มีญาติพี่น้องให้มาเรื่อยๆ เก็บจนได้เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อเริ่มรับผิดชอบอะไรได้หลายๆ อย่าง จึงได้นำเงินไปซื้อลูกโคเข้ามาเลี้ยงจำนวน 1 ตัว เป็นเงิน 20,000 บาท เมื่อเลี้ยงจนโคตัวเมียเป็นสาว จากนั้นนำมาผสมเทียมจนได้ลูกโคออกมา ก็ขายทั้งแม่และลูกออกไปพร้อมกัน จึงทำให้มีผลกำไรจากการขายในครั้งนั้นนำมาลงทุนซื้อโคเลี้ยงภายในฟาร์มต่อ คุณธีราเมท โรจนวีรเดช และน้องชาย “พอขายได้กำไรมาเรื่อยๆ เราก็นำเงินที่ได้มาต่อยอด ในการลงทุนเลี้ยงโค จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ โคที่เลี้ยงที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของผมเอง ก็มีอยู่ภายในฟาร์มประมาณเกือบ 20 ตัวได้ โดยเป็นโ