ช้างป่า
นางสาวนริศรา เอี่ยมคุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายขับเคลื่อนงานโครงการพระราชดำริมาอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตรและส่งเสริมให้เกษตรกรมีความมั่นคงในอาชีพ โดยดำเนินการจัดทำโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตรน้อมนำแนวพระราชดำริมาปรับใช้ในพื้นที่ ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 พื้นที่บ้านหนองกระทิง ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับคัดเลือกเป็นพื้นที่เป้าหมายโครงการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร โดยน้อมนำแนวพระราชดำริมาปรับใช้ในพื้นที่ เพื่อพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สินค้าเกษตร พัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยช้างป่า สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยมีสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นหน่วยงานหลัก และมีหน่วยงานในพื้นที่ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมบูรณาการกว่า 12 หน่วยงาน ซึ่งในส่วนของ สศท.6 จะเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามผลการดำเนินงานและเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงรูปแ
นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือ “หมอล็อต” หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาส่งมอบตัวอย่างชิ้นส่วนงาหักจากเหตุการณ์ศึกช้างชนช้างบนเขาใหญ่ ให้สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ตรวจวิเคราะห์ พร้อมตัวอย่างดินโป่งจากโป่งเทียมบนเขาใหญ่ เพื่อวิเคราะห์ภาวะทุพโภชนาการของสัตว์ป่า นครราชสีมา – นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมคณะ นำตัวอย่างงาจากเหตุการณ์ช้างป่าเขาใหญ่ “พลายทองคำ” ต่อสู้กับ “พลายงาทอง” จนงาหักทั้งกิ่ง ให้สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนตรวจวิเคราะห์ด้วยเทคนิคแสงซินโครตรอน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2565 ณ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ผศ.ดร. ศุภกร รักใหม่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า “การตรวจวิเคราะห์งาช้างด้วยแสงซิน โครตรอนครั้งนี้ เพื่อหาสัดส่วนธาตุองค์ประกอบ และหาสัดส่วนหมู่ฟังก์ชันทางเคมีของสารอินทรีย์ เพื่อบ่งชี้ความแตกต่างขององค์ประกอบกลุ่มสารชีวเคมีภา
ดร. ทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการติดตามในการดำเนินงานการปฏิบัติงานด้านการเกษตร ตามแผนแม่บทสร้างความสมดุลระหว่างคนและช้างป่า ภายใต้โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ โดยกำหนดแผนการจัดการออกเป็น 3 ด้านตามพื้นที่ ประกอบด้วย ด้านที่ 1 การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์สำหรับเป็นที่อาศัยของช้างป่า ด้านที่ 2 การจัดการพื้นที่แนวกันชน และ ด้านที่ 3 การจัดการพื้นที่ชุมชน สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมดำเนินการในด้านที่ 1 การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์สำหรับเป็นที่อาศัยของช้างป่า กลยุทธ์ที่ 1.1 เพิ่มศักยภาพถิ่นอาศัยของช้างป่า และด้านที่ 3 การจัดการพื้นที่ชุมชน กลยุทธ์ที่ 3.2 ปรับเปลี่ยนอาชีพ พัฒนาอาชีพ ดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และระยอง โดยมีเกษตรและสหกรณ์จังหวัดใน 5 จังหวัดภาคตะวันออก เป็นคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการฯ ในระดับพื้นที่ จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรในด้านต่างๆ อาทิ การปรับเปลี่ยนและพัฒนาอาชีพ การทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนการประกอบอาชีพ การพัฒนาธุรกิจชุมชน รวมถึงสนับสนุ
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ร่วมกับสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย ฝ่ายปกครอง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หน่วยงานความมั่นคง ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกร เครือข่ายคนรักษ์ช้างป่า ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ แนวทางการอนุรักษ์ช้างป่าและการจัดการปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า ที่ศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ช้างแก่งกระจาน หมู่ 1 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน นายมานะ กล่าวว่า ได้เปิดเวทีแสดงความเห็นเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทบทวนแนวทางการจัดการปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ ขณะที่หลายฝ่ายเดินหน้าสร้างมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหา ทั้งระยะสั้น ระยะยาว เช่น การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ชุดจงอางศึก ออกลาดตระเวนเฝ้าระวังช้างป่า สร้างแนวรั้วกึ่งถาวร และส่งเสริมชุมชนช่วยดูแลทรัพย์สินพืชผลทางการเกษตร การป้องกันเหตุขณะช้างป่าเดินหากินบนถนนสายหัวหิน-ป่าละอู ล่าสุดได้นำมาตรการเสริมรั้วรังผึ้ง เสนอเป็นทางเ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย นำอาสาสมัครป้องกันภัยตำบล สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 3 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอครบุรี กำลังทหารชุดเฉพาะกิจทับลาน และชาวบ้านในพื้นที่บ้านมาบกราด ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา กว่า 50 คน ออกลาดตระเวนป้องกันและผลักดันช้างป่าไม่ให้เข้าไปทำลายผลผลิตของชาวบ้านที่มีที่ทำกินอยู่ติดกับบริเวณแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน หลังจากในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝูงช้างป่าเกือบ 10 ตัว ออกมาจากเขตอุทยานแห่งชาติทับลานเข้าไปหากินและเหยียบย่ำผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ฝูงช้างป่าได้เข้าไปกัดกินสวนกล้วยน้ำว้าและกล้วยไข่ซึ่งอยู่ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานเกือบ 2 กิโลเมตร ได้รับความเสียหายทั้งสวนประมาณ 5 ไร่ตลอดจนฝูงช้างป่าใช้เส้นทางเหยียบย่ำไร่มันสำปะหลังและผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านจนได้รับความเสียหายอีกนับสิบแปลง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้จัดแบ่งกำลังออกประจำจุดที่เป็นทางเข้าออกของช้างป่าตามแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อเฝ้าระวังและผลักดันช้างได้
เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 30 มีนาคม ร.ต.อ.อุทิศ กลิ่นพิมาย พนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุช้างป่าทำร้ายคนเสียชีวิตในป่าอ้อย เขตบ้านสันกำแพง หมู่ 12 ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ในพิกัด UTM ระบบ WGS84 ที่ 47P 0790016 E 1592526 N ห่างจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ประมาณ 500 เมตร พบร่างนายอุทร คานทอง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 ม.12 บ้านสันกำแพง ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เสียชีวิตในสภาพมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ทั้งกระดูกแขนขาหักทั้ง 2 ข้าง และหน้าอกยุบ ห่างออกไปเล็กน้อยมีไฟฉายและรองเท้าแตะซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตตกหล่น รวมทั้งพบช้างป่าตกมัน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าเบี่ยง” ยืนมองอยู่ห่างๆ เจ้าหน้าที่ต้องคอยระมัดระวังเกรงช้างป่า ที่ยังคงมีอาการตื่นตกใจจะวิ่งเข้ามาทำร้าย หลังชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเสร็จสิ้น จึงมอบหมายให้หน่วยกู้ภัยฮุก.31 นครราชสีมา เคลื่อนย้ายศพไปเก็บรักษาที่โรงพยาบาลวังน้ำเขียว เพื่อให้แพทย์นิติเวช ชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการเสียชีวิตตามกระบวนการ ร.ต.อ อุทิศ ฯ พนักงานสอบสวนเวร ฯ เปิดเผ
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายวิลัย พรมพิมพ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านซำบอน ต.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ว่า ช่วงนี้มีช้างป่าโขลงใหญ่ลงมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว เข้ามากัดกินต้นกล้วยที่ชาวบ้านปลูกไว้ในพื้นที่เสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายจรูญ บุหิรัญ นายอำเภอบุ่งคล้า ทหารรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ กำนันผู้ใหญ่บ้าน เมื่อไปถึงบริเวณสวนยางพาราของนายบัญฑิต ชัยมณี อายุ 69 ปี ที่มีเนื้อที่กว่า 20 ไร่ พบว่าต้นกล้วยน้ำหว้าที่ปลูกแซมภายในสวนยางพารา ล้มหักโค่นเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งกล้วยบางต้นกำลังออกใกล้ที่จะได้ผลผลิต ถูกช้างป่าใช้งวงดึงหักโค่นเอาหยวกกล้วยมากิน และยังมีต้นยางพาราที่ปลูกไว้อายุ 2 – 3 ปี หักโค่นเสียหายอีกหลายต้น เจ้าของสวนต้องจำใจตัดต้นกล้วยที่เหลืออยู่ในสวนทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ช้างป่าลงมาก่อกวนอีก นายวิลัย พรมพิมพ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านซำบอน กล่าวว่า บริเวณโดยรอบของบ้านซำบอน หมู่ที่ 8 ยังมีพื้นที่อีกหลายแห่งที่ช้างป่าภูวัวลงมาหากินในตอนกลางคืน และทำลายพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งจากการสำรวจในเบื้องต้นมีชาวบ้านได้รับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีช้างสีดอเพศผู้ หรือ “เจ้างาเล็กจอมซ่าส์” อายุประมาณ 8 ปี อาศัยอยู่ในเขตสวนป่าทองผาภูมิ ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้แยกตัวออกจากโขลงมาหากินตามลำพัง และปรากฏตัวให้ชาวบ้านเห็นบ่อยครั้งในช่วงประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทั่้งหลังจากวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ช้างป่าตัวดังกล่าวได้หายเข้าไปในป่าไม่ออกมาอีกเลย ล่าสุดเมื่อเวลา18.22น. ที่ผ่านมา นายเสด็จ ฮุยอวน หัวหน้าสวนป่าทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวัง พบเจ้างาเล็กจอมซ่าส์ เดินข้ามถนนบริเวณถนนหลวงหมายเลข 3272 ทองผาภูมิ-บ้านไร่ หลัก กม.ที่ 25-26 หมู่ที่ 8 ต.ห้วยเขย่ง ทางเข้าสวนป่าทองผาภูมิอีกครั้ง เชื่อว่าเนื่องจากยังมีพืชเกษตรของชาวบ้านคงเหลืออยู่ โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ทั้งนี้เจ้างาเล็กจะหลบพักในเขตสวนป่าทองผาภูมิ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ในช่วงกลางวันบริเวณแปลงปลูกป่าปี 2523 ใกล้ๆหมอนไม้สัก และจะข้ามถนนออกไปหากินพืชไร่ของชาวบ้านในช่วงค่ำ ก่อนข้ามกลับเข้าไปในสวนป่าฯในช่วงเช้าของวันถัดไปอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับ ชาวบ้านกลุ่มจิตอาสา ช่วยกันเฝ้าระวังและติดตามคอยเตือนผู้ใช้ร
นายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผยว่า หลังจากชาวบ้าน ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาโขลงช้างป่าละอูบุกทำลายพืชไร่ บ้านพักอาศัย และรถยนต์ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว จึงได้ประสานของบประมาณจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อทำโครงการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เป็นระยะทาง 76 กิโลเมตร (กม.) ท้องที่ ต.ป่าเด็ง ระยะทาง 18 กม. และ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ระยะทาง 58 กม. เพื่อดำเนินการในปีงบประมาณ 2562-2564 “นอกจากนั้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เตรียมอนุมัติงบประมาณ 6.5 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างเร่งด่วนด้วย” นายมานะกล่าว ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2560
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน เวลา 08.30 น. หลังเกิดเหตุช้างป่าที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว 1 โขลงประมาณ 7 – 8 ตัว ลงมาจากเขา เข้ามาหากินข้าวนาปีที่ชาวบ้านปลูกไว้ซึ่งอีกเพียง 7 วันก็จะเก็บเกี่ยว และยังมีอุปกรณ์ยางพาราภายในสวนยางพาราของชาวบ้านได้รับความเสียหาย ในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านบ้านนาจานหมู่ที่ 4 ต.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ล่าสุดเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว สนธิกำลังกับ ทหารรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ กว่า 30 นายออกไล่ต้อนช้างป่าให้กลับเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และกำลังส่วนหนึ่งดูแลคอยเฝ้าระวังไม่ให้กลับลงมารบกวนชาวบ้านอีก ด้านนายทวีป คำแพงเมือง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว กล่าวว่า จากการสำรวจจำนวนของช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวขณะนี้มีประมาณ 45 ตัวซึ่งก็ถือว่าเป็นจำนวนที่มากพอสมควรเมื่อเทียบกับพื้นที่ อาจจะทำให้อาหารและแหล่งน้ำของช้างมีไม่เพียงพอจึงทำให้ช้างป่าออกหากินนอกเขตอนุรักษ์ ประกอบกับช่วงนี้ข้าวนาปีกำลังตั้งท้องออกรวง ข้าวใหม่ที่มีกลิ่นหอม ซึ่งทำให้ช้างลงมากัดกินข้าวได้รับความเสียหาย โดยขณะนี้ ได้เฝ้าระวังตรวจตาถี่ขึ้น และปร