ตลาดจีน
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายถาวร ทันใจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และ นายชัยวัฒน์ โยธคล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ พบ นายหม่าเจิงจวิน ประธานสมาคมตลาดค้าส่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Agriculture Wholesale Market Association : CAWA) เพื่อแสวงหาโอกาสในการค้าสินค้าเกษตรของไทย โดย ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยว่า บริษัท CAWA ได้นำเข้าสินค้าเกษตรต่างๆ จากไทย เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย โดยมีการนำเข้าทุเรียนมากที่สุด รวมมูลค่า 83 ล้านหยวน ซึ่งทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในตลาดจีน โดยมีปริมาณการนำเข้าทุเรียนสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกุ้งขาวแวนนาไมจากไทย 177.3 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10.61 ล้านหยวน และตั้งแต่จีนระงับการนำเข้าสินค้าประมงจากญี่ปุ่น CAWA เห็นว่า ไทยจะมีโอกาสในการส่งออกสินค้าประมงเพิ่มมากขึ้น บริษัท CAWA ขอให้ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนการส่งรังนกที่มีคุณภาพดีของไทยมายังจีน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวจีน ปัจจุบัน
จันทบุรี, 14 พฤษภาคม (ซินหัว) – ภาพคนงานปีนต้นทุเรียนใช้มีดตัดผลผลิตบนยอดสูงชะลูด ก่อนโยนให้เพื่อนคนงานที่รอรับใต้ต้นอย่างชำนิชำนาญด้วยถุงกระสอบ ส่งสัญญาณการเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยวทุเรียนในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนแห่งสำคัญของไทย ศศิธร เจ้าของสวนทุเรียนมากกว่า 2,000 ต้น ผู้ทำธุรกิจซื้อขายทุเรียนมานานกว่า 10 ปี เล่าว่า เธอจ้างคนงานตัดผลผลิตทุกวันมากกว่า 40 คนในฤดูเก็บเกี่ยวทุเรียนปีนี้ โดยผลผลิตของปีนี้ลดลงเพราะภัยแล้ง สวนทางกับความต้องการทุเรียนของตลาดจีนที่ยังคงสูง “เราส่งออกทุเรียนหลายสายพันธุ์ ทั้งพันธุ์กระดุมที่สุกพร้อมเก็บเกี่ยวก่อนหน้านี้และพันธุ์หมอนทองที่ชาวจีนนิยม” ศศิธร กล่าว โดยทุเรียนจากสวนของศศิธรถูกขนส่งสู่โรงงานแปรรูปใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว เพื่อคัดเลือก ชั่งน้ำหนัก บรรจุหีบห่อ และเคลื่อนย้ายสู่สายส่ง วีระชัย ผู้จัดการโรงงานแปรรูปทุเรียน บอกกับสำนักข่าวซินหัวว่า จีนเป็นตลาดสำคัญมาก โดยปีนี้ส่งออกทุเรียน 23 ตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ส่วนใหญ่ส่งออก 3 ทาง แบ่งเป็นทางอากาศร้อยละ 20 ทางทะเลร้อยละ 40 และทางบกร้อยละ 40 อนึ่ง ไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกทุเรีย
ปฎิเสธไม่ได้ว่าภายหลังนายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr.Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยและคณะผู้บริหารระดับสูงฝ่ายกการเกษตรและการพาณิชย์ลงพื้นที่ดูกระบวนการทำงานการรวบรวมผลผลิตทุเรียน ภายใต้มาตรการ Zero Covid เพื่อรักษาคุณภาพของผลผลิตให้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ของสหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฏ จำกัด อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมาได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอย่างมาก เนื่องจากประเทศจีนเป็นตลาดหลักในการรองรับผลไม้ชนิดดังกล่าว“เป็นครั้งแรกที่ท่านทูตจีนและคณะมาเยี่ยมชมกิจการของสหกรณ์ฯเรา ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ท่านให้ความสำคัญกับสหกรณ์เล็ก ๆ อย่างเขาคิชฌกูฎ วันนั้นท่านก็ยังได้มอบของที่ระลึกเป็นทีวีจอใหญ่ให้กับทางสหกรณ์เราด้วย”นายมนัส พลคิด ประธานสหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฏ จำกัดเผยความรู้สึกภายหลัง นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr.Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยและคณะเดินทางมาเยี่ยมชมกิจการของสหกรณ์ฯ ในฐานะประเทศคู่ค้าหลักมาตั้งแต่ปี 2545 จวบจนปัจจุบัน โดยสหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฏ จำกัด ให้ความสำคัญกับการสง่
ปลาสลิดบางบ่อ สมุทรปราการ ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาสลิดที่อร่อยที่สุดในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่หอมนุ่ม-กรอบใน จึงเป็นกับข้าวคู่คนไทยมาช้านาน ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ให้ทุนทำวิจัยในโครงการ การพัฒนาช่องทางการตลาดต่างประเทศ เพื่อส่งออกปลาสลิดแปรรูป จังหวัดสมุทรปราการ ทางท่าเทียบเรือเชียงแสนสู่จีนตอนใต้ ด้วยกระบวนการสื่อสารแบบมีส่วนร่วม ได้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรัญญ์ทิตา ชนะชัยภูวพัฒน์ รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับบุคลากรมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ หาช่องทางช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงและผู้แปรรูปปลาสลิด ส่งออกปลาสลิดไปขายที่ประเทศจีนที่ถือเป็นตลาดใหญ่ ด้วยยี่ห้อปลาสลิดบางบ่อคงไม่ต้องบรรยายถึงความอร่อยถูกปากถูกคอคนไทย แต่ถ้าจะส่งไปไกลให้ต่างชาติลิ้มลองคงต้องจับอาบน้ำแต่งตัวกันเสียใหม่ ผศ.ดร.ศรัญญ์ทิตา ให้นักศึกษาร่วมออกแบบบรรจุภัณฑ์ สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือขึ้น ที่สำคัญต้องดูดี สะอาด น่ารับประทาน และนอกจากนี้ ยังได้แนะวิธีการทำปลาสลิดแปรรูปในลักษณะต่างๆ เพื่อให้มีตัวเลือกในตลาดมากยิ่งขึ
รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดเผยว่า สกสว. โดยฝ่ายอุตสาหกรรมได้นำคณะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยภายใต้เครือข่าย Innovative House ที่มีผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยจากนักวิจัยไทยมาร่วมออกบู๊ธในงานแสดงสินค้า “SIAL China 2019” ระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคม 2562 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียและอันดับ 4 ของโลก มีผู้เข้าร่วมการแสดงสินค้า 4,300 บริษัท จาก 70 ประเทศ โดยจีนเป็นประเทศคู่ค้าและตลาดส่งออกนำเข้าอันดับ 1 ของไทย ผู้ประกอบการไทยที่ร่วมงานครั้งนี้ ประกอบด้วย บริษัท พรทิพย์ (ภูเก็ต) จำกัด ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ซุปทุเรียนหม้อไฟ เครื่องดื่มกล้วยพร้อมชงสำเร็จผสมเนื้อกล้วย เครื่องดื่มทุเรียนพร้อมชงสำเร็จรูปผสมเนื้อทุเรียน เครื่องดื่มมะม่วงพร้อมชงสำเร็จรูปผสมเนื้อมะม่วง ภายใต้แบรนด์ ORTA, บริษัท โกลบอล พาร์ทเนอร์ อินเตอร์ฟู้ด จำกัด กับผลิตภัณฑ์ท็อปปิ้งมะม่วงน้ำดอกไม้ แบรนด์ Tropica King, บริษัท
รายงานข่าวจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเฉิงตู ได้รายงานถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมนมในประเทศจีน หลังจากจีนมีปัญหานมผงเลี้ยงเด็กที่มีส่วนผสมของเมลามีนเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน โดยพบว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมนมได้กลับมาฟื้นตัว หลังจากที่รัฐบาลจีนได้เข้าไปควบคุมดูแลในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ทำให้ความต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในรายงานระบุอีกว่า ผลจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมของผู้บริโภคชาวจีนขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคชาวจีนก็ยังมีความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์นมในประเทศค่อนข้างต่ำ แม้ว่ารัฐบาลจะมีการเข้าไปควบคุมคุณภาพการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแล้วก็ตาม โดยผู้บริโภคชาวจีนมักจะนิยมและให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์นมที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐาน “ผู้ส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย ทั้งที่เป็นโรงงานผู้ผลิต สหกรณ์นิคมฯ หรือ กลุ่มเอสเอ็มอีรายย่อยในภูมิภาค ควรใช้โอกาสที่ตลาดนมในจีนฟื้นตัว ทำการส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมของไทยเจาะเข้าสู่ตลาดจีน เพราะสินค้าไทยมีคุณภา
หากพูดถึงประเทศที่เหมาะแก่การลงทุนทำธุรกิจ คงหนีไม่พ้นประเทศมหาอำนาจอย่าง “จีน” ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่จีนกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การค้าในจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งจำนวนประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มากกว่าจำนวนประชากรในไทยหลายเท่าตัว ทำให้ผู้ประกอบการในไทยต่างมองเห็นโอกาสเข้าไปลงทุนสร้างรายได้ในจีน ในงานสัมมนา “เดินหน้าสินค้าไทยไปตลาดจีน มิติใหม่ของผู้ประกอบการไทย” ที่สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ฉายภาพว่า ในช่วง 5 เดือน ที่ผ่านมา ระบบเศรษฐกิจในประเทศจีนขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการค้ามีรายได้ขยายตัวกว่า 6.5% มีสัดส่วนการส่งออกสินค้า 10% การนำเข้าสินค้า 16% และในอนาคตมีแนวโน้มโตขึ้น ด้วยกำลังซื้อของผู้บริโภคจีนอยู่ในช่วงที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีความต้องการบริโภคอย่างไม่จำกัด ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคจีนเป็นกลุ่มซื้อสินค้ามากที่สุดในโลก โดยเฉพาะสินค้าประเภทแบรนด์เนมต่างๆ อย่างเช่น กระเป๋า เครื่องสำอาง บวกกับค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ชาวจีนมีกำลังซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น ด
รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เผยว่า ได้รับเชิญจากหอการค้าฝรั่งเศส-ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่สุดในเอเชีย “SIAL CHINA 2017” ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่นำมาร่วมแสดงในงานประกอบด้วย ข้าวต้มมัดไส้ทุเรียนสเตอริไรส์ละข้าวต้มมัดไส้เผือกสเตอริไรส์บรรจุถุงรีทอร์ทเพาช์ โดยบริษัท โรสอารยา จำกัด ,เครื่องดื่มอัดก๊าซที่ใช้น้ำตาลมะพร้าวเป็นสารให้ความหวานและเครื่องดื่มอัดก๊าซที่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมจากกล้วยตาก โดยบริษัท เก้ากรเทรด จำกัด ชาสมุนไพรออแกนิกเพื่อสุขภาพบรรจุซองพร้อมชง “เรวดี” โดยบริษัท โกลเด้นเรย์ จำกัด ในรูปของ “แผ่นชาละลายง่ายในน้ำ” ที่มีจุดเด่น คือ เป็นแผ่นฟิล์มชาละลายง่ายในน้ำที่คงกลิ่น รส สี และความหอมของชา พกพาสะดวก และมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการทดลองตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทองม้วนสอดไส้ช็อกโกแลตขาวผสมกลิ่นรสทุเรียน ของวิสาหกิจชุมชนแก้วเจ้าจอม และผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ Wel-B (เวล-บี) ที่มีวัตถุดิบหลักคือ ถั่วเหลือง งาดำ ฟัก